ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (ผ่านกล้อง) สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าเมื่อทำการผ่าตัดถุงน้ำดีในระหว่างตั้งครรภ์ มีแนวโน้มที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (ร้อยละ 85 เทียบกับร้อยละ 63) และมีแนวโน้มที่จะเป็นการผ่าตัดแบบเปิด โดยศัลยแพทย์จะใช้มีดผ่าตัดและทำแผล (ร้อยละ 13) เทียบกับ 2 เปอร์เซ็นต์) การค้นพบที่สำคัญประการหนึ่งคือผลการคลอดของมารดา ซึ่งรวมถึงภาวะครรภ์เป็นพิษและการตกเลือดของมารดา และการคลอดก่อนกำหนด แย่ลงอย่างมากเมื่อตัด ถุงน้ำดี ในระหว่างตั้งครรภ์แทนที่จะเป็นหลังคลอด ดร. พิตต์กล่าว อัตราภาวะครรภ์เป็นพิษสำหรับสตรีมีครรภ์ที่เข้ารับการผ่าตัดในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าผู้ที่เลือกรอหลังคลอดบุตร 1 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ อัตราการตกเลือดและการคลอดก่อนกำหนดของผู้หญิงที่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีในระหว่างตั้งครรภ์นั้นสูงขึ้นร้อยละ 3 และร้อยละ 12 ตามลำดับ