|
![]() |
ฤกษ์ โดย ตาบอดส่องตะเกียง&นีโม่ | |
ฤกษ์ปฐมบท เอาหละ หลังจากข้าพเจ้าโด๊ป M150 ไปได้ 1 ขวด เราก็จะมาร่ายเรื่องฤกษ์กันในแบบทัศนะส่วนตัวของข้าพเจ้า(เน้นทัศนะส่วนตัวนะครับ) ตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้ว แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับจักรวาลในแบบดาราศาสตร์กันก่อน เพื่อความเข้าใจในแบบ วัย-สะ-รุ่น คนรุ่นใหม่สมัยวิทยาศาสตร์กันก่อน ตามมาครับข้าพเจ้าจะพาไปท้องฟ้าจำลองห้องฉายดาวของตาบอดส่องตะเกียงกัน ขณะนี้เรายืนอยู่บนดาวเคราะห์(Planet)ดวงหนึ่ง ซึ่งมีนานมังกรว่า โลก(Earth) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สีฟ้าอมเขียว โลกเรานั้นตั้งอยู่ในระบบสุริยะจักรวาล โดยมีเจ้าลูกไฟดวงโตๆ ดวงหนึ่งเป็นประธานของระบบเรา โดยเราขนานนามลูกไฟนั้นว่า ดวงอาทิตย์ ซึ่งบริวารนั้นก็มีดาวเคราะห์มากมาย เช่น ดาวพุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน และ พลูโต นี่แหละที่เรารวมเรียกว่าระบบสุริยะจักรวาล แต่ที่เรารู้จักระบบสุริยะจักรวาลของเราแล้ว ก็ยังมีระบบเช่นนี้อีกมากมายในในจักรวาลนี้ ซึ่งมากมายเกินคณานับ ซึ่งเอาแค่กาแล็กซี่(Galaxy) ของเราไม่ต้องพูดถึงกาแล็กซี่อื่นซึ่งมีอีกนับไม่ถ้วน กาแล็คซี่ของเรานั้นมีชื่อเรียกซึ่งเราเรียกกันจนติดปากว่า ทางช้าเผือก หรือ ธารน้ำนม(Milky Way) นั้นก็มีดาวฤกษ์หรือดวงอาทิตย์เช่นเรามากมายก่ายกอง คิดดูเอาเถอะว่าพระอาทิตย์ในระบบสุริยะของเราเพียงดวงเดียว ยังมีผลต่อเราขนาดนี้ ทำให้เกิดฤดูกาล ความร้อน-ความหนาว ความมืด-ความสว่าง ทำให้ดอกไม้ใบไม้บานสะพรั่ง ทำให้เกิดระบบชีวิตบนโลกได้ แล้วดาวฤกษ์หรือพระอาทิตย์ที่มีอยู่บนท้องฟ้าอีกมากมายทำไมจะไม่มีผลต่อโลก อย่าลืมพระอาทิตย์ทุกดวงมีพลังงานที่มหาศาล มีคลื่นความสั่นสะเทือนมากมายก่ายกอง ยังผลให้บรรพจารย์ผุ้รจนาคัมภีร์โหราศาสตร์ต้องนำกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้มาใช้ในการพยากรณ์ด้วย และเน้นกันมาแต่นมนาน แต่วันนี้บางท่านกลับมองข้ามไปเห็นเป็นสิ่งไร้สาระไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ที่ข้าพเจ้านำมาให้ท่านจะใช้หรือไม่นั่นแล้วแต่ท่าน แต่ศึกษาไว้ก็ไม่เสียหลาย เพื่อต่อยอดได้ในการศึกษาขั้นสูงต่อไป คราวนี้มาดูการแบ่งกลุ่มดาวฤกษ์ ตามหลักโหราศาสตร์กันว่าท่านจัดแบ่งไว้เช่นไรกันบ้าง ดาวฤกษ์(Star) คือพระอาทิตย์ในแต่ละดวงบนท้องฟ้า ใหญ่บ้างเล็กบ้างกว่าของเราก็มี เมื่อเราเงยหน้าขึ้นไปดูบนท้องฟ้าจะเห็นดาวที่สุกสว่างมากมาย นั่นแหละครับดาวฤกษ์มันจะมีแสดงสว่างนิ่งในตัวเอง ซึ่งจะแตกต่างกับดาวเคราะห์(Plannet) ซึ่งไม่มีแสงในตนเองต้องอาศัยแสงจากพระอาทิตย์ ดาวฤกษ์ทั้งหลายบนท้องฟ้ามักจะอยู่ในตำแหน่งคงที่ในท้องฟ้า ที่ท่านเห็นเคลื่อนย้ายขยับไปก็เพราะโลกเราหมุนเท่านั้นเอง ฉะนั้นจึงแยกดาวฤกษ์เป็นดังนี้ 1. พระอาทิตย์ ของเราซึ่งเป็นราชาแห่งสุริยะจักรวาลของเรานี้ เมื่อเป้นประธานของชาวดาวเคราะห์เราก็เลยต้องแยกท่านไว้ต่างหากจากดาวฤกษ์ทั่วไปก่อน และพระอาทิตย์นี้เป็นสิ่งสำคัญในดวงชะตามากเช่นกัน 2. กลุ่มดาวฤกษ์ที่เราเรียกกันว่า กลุ่มนักษัตร เป็นการแบ่งเพื่อการคำนวณเดือน ฤดูกาล ซึ่งแยกได้เป็น 12 ส่วน ซึ่งเราเรียกสรรพนามนำหน้ากลุ่มดาวฤกษ์พวกนี้ว่าราศี มีรายนามดังนี้ 2.01 ราศีเมษ (Aries) รูปแกะ 2.02 ราศีพฤษภ (Taurus) รูปโค 2.03 ราศีเมถุน (Gemini) รูปคนคู่ 2.04 ราศีกรกฏ (Cancer) รูปปู 2.05 ราศีสิงห์ (Leo) รูปสิงโต 2.06 ราศีกันย์ (Virgo) รูปหญิงสาวถือรวงข้าว 2.07 ราศีตุลย์ (Libra) รูปคนถือตราชั่ง 2.08 ราศีพิจิก (Scorpio) รูปแมงป่อง 2.09 ราศีธนู (Sagittarius) รูปคนโก่งคันศร 2.10 ราศีมกร (Capricorn) รูปมกรหรือแพะทะเล 2.11 ราศีกุมภ์ (Aquarius) รูปคนเทน้ำ 2.12 ราศีมีน (Pisces) รูปปลาคุ่ 3. กลุ่มดาวฤกษ์ที่ใช้ในวงการโหราศาสตร์อีก 27 กลุ่ม ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มดวงอาทิตย์ในจักรวาลทั้งนั้น(ซึ่งเดิมทางภารตะแบ่งไว้มากกว่านี้ แต่ปัจจุบันให้เหลือเพียง 27 กลุ่ม) ท่านให้เป็นฤกษ์บน มีดังนี้คือ 3.01 กลุ่มอัศวิณี หรือ อัศวินี ( กลุ่มดาวม้า ) เริ่มตั้งแต่ 00.00 องศา ราศีเมษ 13.20 องศา ราศีเมษ 3.02 กลุ่มภรณี ( กลุ่มดาวแม่ไก่ หรือ ก้อนเส้า ) เริ่มตั้งแต่ 13.21 องศา ราศีเมษ 26.40 องศา ราศีเมษ 3.03 กลุ่มกฤตติกา หรือ กฤติกา ( กลุ่มดาวลูกไก่ ) เริ่มตั้งแต่ 26.41 องศา ราศีเมษ 10.00 องศา ราศีพฤษภ 3.04 กลุ่มโรหิณี ( กลุ่มดาวจมูกม้า หรือ คางหมู ) เริ่มตั้งแต่ 10.01 องศา ราศีพฤษภ 23.20 องศา ราศีพฤษภ 3.05 กลุ่มมฤคศิระ ( กลุ่มดาวศีรษะเนื้อ ) เริ่มตั้งแต่ 23.21 องศา ราศีพฤษภ 06.40 องศา ราศีเมถุน 3.06 กลุ่มอราทรา หรือ อารทรา ( กลุ่มดาวฉัตร ) เริ่มตั้งแต่ 06.41 องศา ราศีเมถุน 20.00 ราศีเมถุน 3.07 กลุ่มปุนรวสุ หรือ ปุนัพสุ ( กลุ่มดาวสำเภา ) เริ่มตั้งแต่ 20.01 องศา ราศีเมถุน 03.20 องศา ราศีกรกฎ 3.08 กลุ่มปุษยะ หรือ บุษยะ ( กลุ่มดาวปุยฝ้าย ) เริ่มตั้งแต่ 03.21 องศา ราศีกรกฎ 16.40 องศา ราศีกรกฎ 3.09 กลุ่มอาศเลษะ หรือ อาศเลษา ( กลุ่มดาวแมว หรือ พ้อม ) เริ่มตั้งแต่ 16.41 องศา ราศีกรกฎ 30.00 องศา ราศีกรกฎ ( สุดนวางค์ขาด ) 3.10 กลุ่มมาฆะ หรือ มฆา ( ดาววานร หรือ งอนไถ ) เริ่มตั้งแต่ 00.00 องศา ราศีสิงห์ 13.20 องศา ราศีสิงห์ 3.11 กลุ่มปุรพผลคุนี หรือ บุรพผลคุนี ( กลุ่มดาวเพดานหน้า ) เริ่มตั้งแต่ 13.21 องศา ราศีสิงห์ 26.40 องศา ราศีสิงห์ 3.12 กลุ่มอุตตรผลคุนี หรือ อุตรผลคุนี ( กลุ่มดาวเพดานหลัง ) เริ่มตั้งแต่ 26.41 องศา ราศีสิงห์ 10.00 องศา ราศีกันย์ 3.13 กลุ่มหัสตะ ( กลุ่มดาวศอกคู้ หรือ ฝ่ามือ ) เริ่มตั้งแต่ 10.01 องศา ราศีกันย์ 23.20 องศา ราศีกันย์ 3.14 กลุ่มจิตรา ( กลุ่มดาวตาจรเข้ ) เริ่มตั้งแต่ 23.21 องศา ราศีกันย์ 06.40 องศา ราศีตุลย์ 3.15 กลุ่มสวาติ หรือสวาตี ( กลุ่มดาวช้างพัง ) เริ่มตั้งแต่ 06.41 องศา ราศีตุลย์ 20.00 องศา ราศีตุลย์ 3.16 กลุ่มวิสาขะ ( กลุ่มดาวแขนนาง หรือ เขากระบือ ) เริ่มตั้งแต่ 20.01 องศา ราศีตุลย์ 03.20 องศา ราศีพิจิก 3.17 กลุ่มอนุราธะ ( กลุ่มดาวหมี หรือ หน้าไม้ ) เริ่มตั้งแต่ 03.21 องศา ราศีพิจิก 16.40 องศา ราศีพิจิก 3.18 กลุ่มเชฎฐา หรือ เชษฐา ( กลุ่มดาวแพะ หรือ ช้างใหญ่ ) เริ่มตั้งแต่ 16.41 องศา ราศีพิจิก 30.00 องศา ราศีพิจิก ( สุดนวางค์ขาด ) 3.19 กลุ่มมูละ ( กลุ่มดาวช้างน้อย ) เริ่มตั้งแต่ 00.00 องศา ราศีธนู 13.20 องศา ราศีธนู 3.20 กลุ่มปุรพาษาฒ ( กลุ่มดาวแรดตัวผู้ หรือ ช้างพลาย ) เริ่มตั้งแต่ 13.21 องศา ราศีธนู 26.40 องศา ราศีธนู 3.21 กลุ่มอุตตราษาฒ ( กลุ่มดาวแรดตัวตัวเมีย หรือ ช้างพัง ) เริ่มตั้งแต่ 26.41 องศา ราศีธนู 10.00 องศา ราศีมกร 3.22 กลุ่มสราวณะ หรือ ศรวณะ ( กลุ่มดาวคนจำศีล ) เริ่มตั้งแต่ 10.01 องศา ราศีมกร 23.20 องศา ราศีมกร 3.23 กลุ่มธนิษฐา หรือ ธนิษฐะ ( กลุ่มดาวกา ) เริ่มตั้งแต่ 23.21 องศา ราศีมกร 06.40 องศา ราศีกุมภ์ 3.24 กลุ่มสคภิสัท หรือ ศตภิษัช ( กลุ่มดาวมังกร หรือ งูเลื้อย ) เริ่มตั้งแต่ 06.41 องศา ราศีกุมภ์ 20.00 องศา ราศีกุมภ์ 3.25 กลุ่มปูราภัทรปท หรือ บุรพภัทรบท ( กลุ่มดาวราชสีห์ตัวผู้ ) เริ่มตั้งแต่ 20.01 องศา ราศีกุมภ์ 03.20 องศา ราศีมีน 3.26 กลุ่มอุตตรภัทร หรือ อุตรภัทรบท ( กลุ่มดาวราชสีห์ตัวเมีย ) เริ่มตั้งแต่ 03.21 องศา ราศีมีน 16.40 องศา ราศีมีน 3.27 กลุ่มเรวดี หือ เรวตี ( กลุ่มดาวปลาตะเพียน ) เริ่มตั้งแต่ 16.41 องศา ราศีมีน 30.00 องศา ราศีมีน ( สุดนวางค์ขาด ) ชื่อกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้บางที่เขียนต่างกันบ้าง แต่มักอ่านใกล้เคียงกัน ให้ดูเอาตามองศา และ ราศีเป็นหลักในการดูกลุ่มฤกษ์ว่าอยู่ในฤกษ์ใด 4. แล้วโบราณท่านยังแบ่งเป็นอีก 9 ฤกษ์ใหญ่ สลับกันไปใน ตำแหน่งจุดตัดสุดนวางค์ขาด เพื่อใช้ประกอบฤกษ์บน โดยให้เป็นฤกษ์ล่าง มีดังนี้ 4.01 ทลิทโทฤกษ์ ตรงกับ ชนมนักษัตร ของทางภารตะ 4.02 มหัทธโนฤกษ์ ตรงกับ สมบัติ ของทางภารตะ 4.03 โจโรฤกษ์ ตรงกับ วิบัติ ของทางภารตะ ( มีนักษัตรพิษให้โทษ ) 4.04 ภูมิปาโลฤกษ์ ตรงกับ เกษม ของทางภารตะ 4.05 เทศาตรีฤกษ์ ตรงกับ ปรัตยุระ ของทางภารตะ ( มีนักษัตรพิษให้โทษ ) 4.06 เทวีฤกษ์ ตรงกับ สาธะกะ ของทางภารตะ 4.07 เพชฌฆาตฤกษ์ ตรงกับ นิธนะ ของทางภารตะ ( มีนักษัตรพิษให้โทษ ) 4.08 ราชาฤกษ์ ตรงกับ มิตระ ของทางภารตะ 4.09 สมโณฤกษ์ ตรงกับ ปรมมิตระ ของทางภารตะ เมื่อเราไล่จากกลุ่ม ดาวฤกษ์ ลงมาก็จะมาถึง ดาวเคราะห์ ( Planet ) ที่เราจะใช้กันในโหราศาสตร์ มีดาวดังนี้ จันทร์ , พุธ , ศุกร์ , อังคาร , พฤหัส , เสาร์ , ยูเรนัส , เนปจูน , พลูโต , ราหูและเกตุของสากล ( จุดตัดระหว่างวงโคจรของจันทร์ที่โคจรรอบโลก กับของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ) และ สุดท้ายจุดคำนวณเกตุไทย ซึ่งอันนี้ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่า ท่านนายมี ลงกาใหม่ ท่านได้คำนวณจากสิ่งใดแต่ก็เป็นที่ยอมรับว่าใช้ได้ดีในวงการโหราศาสตร์ไทย เอาละครับวันนี้แค่นี้ก่อน หมดฤทธิ์ M150 แล้ว ตาข้าพเจ้าเริ่มปรือแล้ว วันวันหน้าเราจะมาต่อบทที่ 2 กัน ในภาคสรรพตำราที่โบราณจารย์ท่านได้จารกันไว้ ในแต่ละทัศนะของบรรพจารย์ต่างๆ ไปตรวจกันหรือยังว่า ลัคนา อาทิตย์ และ จันทร์ ของท่านอยู่ในฤกษ์อะไร แล้วประมาณวันอาทิตย์ หรือ วันจันทร์ เรามาฟังเรื่องดาวฤกษ์เหล่านี้กันต่อในบทที่ 2 เอาเป็นว่ากระทู้นี้ข้าพเจ้าจะทำไว้เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษา อ้างอิง สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาโหราศาสตร์ และ รักวิชานี้ ตั้งใจจรรโลงวิชานี้ให้อยู่สืบต่อไป ฉะนั้น ไม่ต้องชม ไม่ต้องด่า ข้าพเจ้าไม่ว่ากรณีใดๆ แต่มาร่วมเสนอความคิดกันได้บนหลักการ ท่านใดสนใจที่จะร่วมช่วยข้าพเจ้าศึกษาหาข้อมูลมาแจกจ่าย เพื่อนพ้องก็เชิญได้ กระทู้นี้เปิดกว้างในเรื่องเกี่ยวกับฤกษ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวใดก็ตาม อันนี้เป็นสิ่งที่ดี เชิญมาด้วยใจเมตตา และ บริสุทธิ์ ถือว่าสร้างทานด้วยการให้ปัญญากัน ไปละตาลายแล้ว ขอลี้ภัยไปนอนก่อน เดี๋ยวเรี่ยวแรงดีอีกรอบ จะกลับมาขึ้นงานต่อครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ตาบอดส่องตะเกียง :: วันที่ลงประกาศ 0000-00-00 00:00:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 39 (3091414) | |
ปัจจุบัน ตะเกียงเจ้าพายุ ไม่ค่อยมีให้เห็น ประวัติตะเกียงแบบนี้ เกิดขึ้นปี 2438 กลายมาเป็นอุปกรณ์จำเป็นทุกบ้าน ในช่วง 2473 - 2493 เมื่อผ่านไปมนุษย์หันไปพึ่งพาแสงจากหลอดไฟ ทำให้ตะเกียงเจ้าพายุเปลี่ยนเป็นของไร้ค่าและถูกลืมเลือนไป ปัจจุบัณกลายเป็นสไตน์ตะเกียง LED | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตะเกียง LED (ledlamp9597-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2017-07-06 14:39:17 IP : 223.207.251.188 |
ความคิดเห็นที่ 38 (723908) | |
ขอตำนานราศีมีนหน่อนค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น 0.0 วันที่ตอบ 2006-12-06 20:03:57 IP : 58.9.161.201 |
ความคิดเห็นที่ 37 (5954) | |
10.มาฆะนักษัตร Magha เป็นนักษัตรลำดับที่ 10 แห่งจักราศี มีเกตุซึ่งเป็นหางของราหูเป็นเจ้าฤกษ์ ระยะระหว่าง 00 องศา 00 ลิปดาถึง 13 องศา 20 ลิปดาในราศีสิงห์ มีอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนเกษตร เกตุแสดงถึงความมานะพยายามและความอดทน ในขณะที่อาทิตย์แสดงถึง พลังอำนาจ และศักดิ์ศรี ดังนั้นบุคคลที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้ ไม่ว่าจะทำอะไร มักจะมีความมานะพยายามสูง เพื่อที่จะไต่เต้าไปถึงตำแหน่งที่สูงสุดในกลุ่มหรือองค์กรนั้นๆ เจ้าชาตาจะมีความพยายามอย่างไม่อยุดหย่อน ที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถตนเองให้สามารถสร้างสิทธิอำนาจที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในหน้าที่การงาน เจ้าชาตามักให้เครารพต่อวุฒิและวัยวุฒิของผู้อื่นเสมอ และรอบคอบในระเบียนแบบแผนประเพณีที่ฏิบัติสืบต่อกันมา เจ้าชาตามักตรงไปตรงมา และไม่มีจิตคิดร้ายต่อผู้อื่น เพราะคิดว่าผู้อื่นก็ไม่ชอบที่จะให้ใครมาให้ร้ายตนเช่นกัน แต่ถ้ามีใครกระทำดังนี้ต่อเจ้าชาตา เจ้าชาตาเองก็พร้อมที่จะแก้แค้นให้วิบัติกันไปข้างใดข้างหนึ่ง การแสวงหาความมั่งคั่งด้านโภคทรัพย์และการเสพเสวยสุขจากมัน อันเป็นต้นทุนของผู้คนในสังคม ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในสายเลือดของเจ้าชาตา แม้ว่าเจ้าชาตาจะมั่งมีสักปานใดก็ตาม ก็จะพยายามทดแทนธนสารเงินทองหรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กลับคืนไปสู่สังคม อันเนื่องมาจากบุคลิกภาพและนิสัยของเจ้าชาตานี้เอง ทำให้ผิดพลาดหรือไม่ปรสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจส่วนตัวอยู่บ่อยๆ เพราะการค้ากำไรความเสี่ยงนั้นไม่ได้อยู่ในสายเลือดของเจ้าชาตา เมื่อต้องรับผิดชอบในงานอันหนักหน่วงสักพียงใด เจ้าชาตาก็จะไม่ยอมท้อถอยจนกว่าหินก้อนสุดท้ายจะถูกพลิกขึ้นมา เจ้าชาตาจะทำงานไปในทิศทางเดียวกันกับผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นลูกจ้างที่เปี่ยมไปด้วยความสามรถในการทำงานนั้นและเนื่องจากเจ้าชาตาไม่ไคร่ที่จะแสวงหาโภคทรัพย์ที่เป็นวัตถุนัก เมื่อเป็นลูกจ้างเจ้าชาตาก็มักจะเมินเฉยต่องานที่ใช้เงินเดือนหรือโบนัสเป็นสิ่งล่อใจ โดยทั่วไป ชายที่เกิดในฤกษ์นี้มักจะได้ภรรยาที่ดีและซื่อสัตย์ หากเป็นหญิงก็จะมีศรัทธาและอุทิศชีวิตจิตใจอย่างสูงให้กับสามี แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังและหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันในครอบครัวด้วย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-10-22 13:33:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 36 (5792) | |
9.อสิเลษะนักษัตร Ashlesha เป็นนักษตรลำดับที่ 9 แห่งจักราศี ระยะระหว่าง 16 องศา 40 ลิปดาถึง 30 องศา 00 ลิปดาในราศีกรกฏ ซึ่งมีดาวแห่งสติปัญญาความเฉลียวฉลาดคือดาวพุธ เป็นดาวเจ้าฤกษ์ และมีดาวจันทร์เป็นเจ้าเรือนเกษตร ส่งผลให้เจ้าชาตาสามารถรักษาความงามและเสน่ห์ดึงดูดแห่งวัยหนุ่มสาวได้จนกระทั่งถึงวัยชรา บุคลิกลักษณะของคนที่เกิดในฤกษ์นี้มีรูปร่างอ้วนล่ำ กำยำ และมีผิวกายออกดำแดงหรือผสม แต่ด้านภูมิต้านทานโรคมักมีค่อนข้างจำกัด มีแนวโน้มที่จะอ้วนมากขึ้นในวัยกลางคนขึ้นไป เว้นแต่ดาวอังคารเดิมในชาตาปรากฏเป็นศุภผลจะไม่อ้วนมากตามที่กล่าว นิสัยของเจ้าชาตามักไม่ก้าวร้าว หากเป็นหญิง จะมีความสามารถเอาชนะศัตรูหรือปฏิปักษ์ด้วยความยืดหยุ่นพลิกแพลงรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา แต่ตรงกันข้ามกับชายที่เกิดในฤกษ์นี้ และหากเป็นหญิงจะค่อนข้างขี้อาย และไม่ค่อยกล้าแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ปกติคนที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักจะพูดเก่งหรือประเภท talkative และสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้อื่นด้วยคำพูดที่หวานลิ้น เนื่องจากเจ้าราศีคือจันทร์ บ่งชี้ถึงความหลากหลาย คำพูดอันอ่อนหวานของเจ้าชาตาสามารถช่วยสร้างความสำเร็จในวิชาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับมวลชน และสามารถเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ก็นานๆครั้งที่จะสามารถทำได้อย่างที่พูดหรือที่ได้สัญญาเอาไว้ เจ้าชาตามักจะให้ความเคารพต่อตนเองเท่านั้น และรู้ว่าจะจัดการกับสาธารณะชนเพื่อสร้างประโยชน์แก่ตนเองได้อย่างไร แม้แต่การเสแสร้ง ด้านบวก บุคคลพวกนี้สามารถเป็นข้าราชการระดับสูงหรือนักปกครองที่ยอดเยี่ยม และดาวพฤหัส อังคารและอาทิตย์ จะปรากฏเป็นศุภผล(ด้านบวก) ให้กับเจ้าชาตาที่เกิดในฤกษ์นี้ คณะศิลปศาสตร์และบริหารธุรกิจ เป็นคณะที่เหมาะสมกับเจ้าชาตาในด้านการศึกษา ในด้านการอาชีพ บางครั้งจะประสบปัญหาหรือโชคร้ายอย่างไม่คาดฝันในการทำงาน และสำหรับผู้หญิงงานที่เหมาะสมจะเป็นงานด้านธุรการ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-10-21 20:16:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 35 (5791) | |
8.ปุษยะนักษัตร Pusya เป็นลำดับที่ 8 แห่งจักรราศี ระยะห่างระหว่าง 3 องศา 20 ลิปดาถึง 16องศา 40 ลิปดาในราศีกรกฏ ครบทั้ง4นวางค์บาทฤกษ์สถิตย์ในราศีกรกฏ ซึ่งเป็นราศีทวารแม่ธาตุน้ำ และมีดาวจันทร์ธาตุน้ำเป็นเกษตรขณะเดียวกันดาวเสาร์ดาวแห่งความแห้งแล้งกลับเป็นดาวเจ้าฤกษ์นี้ ดังนั้นผู้ที่เกิดอยู่ในฤกษ์นี้มักจะมีบุคลิกลักษณะบางอย่างที่แตกต่างและตรงข้ามกันอย่างมาก ในขณะที่เจ้าชาตาที่เป็นชายจะมีรูปร่างที่ผอมสูง ส่วนชาตาที่เป็นหญิงมักจะมีรูปร่างเตี้ยและมีใบหน้ารูปใข่ คนเกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักจะแสดงความนึกคิดที่ไม่เปิดเผย และไม่ต้องการที่จะคบหาสมาคมกับใครง่ายๆจนกว่าคนๆนั้นจะได้ผ่านการตัดสินคัดเลือกหรือลองคบหาในระดับหนึ่งก่อนข้าราชการหรือเจ้าหน้าตำรวจที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักจะเที่ยวยุ่งวุ่นวายวางอำนาจบาทใหญ่กับคนอื่นๆโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงาน ตรงกันข้ามหากคนที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มีดาวอังคารหรืออาทิตย์ในดวงชาตาเข้มแข็ง มักจะให้ความเคารพในสิทธิส่วนบุคคลและเคารพกฏหมาย และเชื่อว่าจะต้องไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายโดยทั่วไปเจ้าชาตามักจะชอบคำสรรเสริญเยินยอ และไม่ชอบฟังคำตำหนิหรือแนะนำจากผู้อื่น คำว่าปุษยะแปลว่าเข้มแข็งและมีอำนาจ ดังนั้นเจ้าชาตาที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักมีใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมในช่วงวัยเด็ก และสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ตั้งแต้อายุยีสิบต้นๆ ความมีอิสระเสรีอย่างเลยเถิดในวัยช่วงต้นของชีวิตสอนให้รู้จักความสำคัญของการเชื่อมั่นในตนเอง ด้วยเหตุนี้เจ้าชาตาก็จะได้เป็นตัวของตัวเองและไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใครอีกต่อไปในช่วงหลังวัยกลางคนไปแล้ว อายุและวัยที่ผ่านพ้นไปทำให้เจ้าชาตาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆได้เองและมีประสบการณ์มากขึ้นโดยไม่จำเป็นที่ต้องผ่านการศึกษาที่เป็นแบบแผนในโรงเรียนหรือสถาบัน ใดใดและถ้าหากจะเลือกด้านการศึกษา เจ้าชาตามักจะเลือกเรียนในด้านศิลปหรือวิชาชีพทางธุรกิจมากกว่าสาขาอื่นใด คนที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้ ควรจะได้รู้ถึงจุดเด่น(ความเข้มแข็ง)และจุดเสีย(ความอ่อนแอ)ของตนเองก่อนที่จะพิจารณาเลือกอาชีพ สายงานหรือการลงทุน หรือกระทำการเสี่ยงใดใด พฤติกรรมใดของเจ้าชาตาที่เหมาะสมกับงานทีต้องการลักษณะอย่างนั้น จะทำให้เจ้าชาตาเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน แต่อย่างไรก็ตามเจ้าชาตาก็จะเป็นคนทำงานแบบกระวนกระวายลุกลี้ลุกลนด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะโดยสันดานธรรมชาติและคุณภาพของเสาร์ในชาตา และเมื่อเจ้าชาตากระทำการบางอย่างอย่างใจจดใจจ่อและไม่ยอมที่จะเลิกอย่างง่ายๆลงกลางคันเมื่อต้องปรสบพบกับความล้มเหลว สำหรับการทำงานร่วมกับผู้อื่น เจ้าชาตามักจะสงวนท่าทีที่กระทำหรือไม่กระทำการนั้นตามอำเภอใจตน อย่างไรก็ตามผลของมันที่ออกมามักจะห่างไกลจากความคาดหวังและความเป็นจริง ด้านชีวิตครอบครัว เจ้าชาตามักจะชอบอาศัยอยู่กับครอบครัวพ่อแม่พี่น้อง และก็มักจะอาศัยอยู่ห่างไกลจากที่ทำมาหากินหรือมีบ้านห่างจากที่ทำงานมากๆ ประสบการณ์จากความยากลำบากในชีวิต สอนให้เจ้าชาตาอยากเลือกคู่ครองที่มีความเป็นตัวเองตัวเองมากเท่ากับที่เจ้าชาตารู้สึกเป็น ด้านสุขภาพ มักจะมีปัญหาด้านฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตและการย่อยอาหาร โรคผิวหนัง โรคหืดและหวัดเรื้อรัง วัยเด็กระหว่างอายุ 20 ปีลงมามักจะประสบปัญหานี้มากขึ้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-10-21 20:15:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 34 (3552) | |
เรียน อาจารย์ตาบอดส่องตะเกียง แ อจาจารย์นีโม่ ที่เคารพ รบกวนส่งชื่อที่อยู่ของท่านมาที่ e-mail: horawej@horawej.com เพื่อการจัดส่งนิตยสารโหราเวสม์ ให้แก่ท่านเพื่อเป็นการตอบแทนท่านที่ได้ให้สีสันในเวปผม ด้วยความเคารพ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น โหราเวสม์(ซีคอนสแควร์) วันที่ตอบ 2004-10-06 13:59:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 33 (3175) | |
7.ปุนรวสุ Punarvasu เป็นนักษัตรลำดับที่ 7 ในจักราศี ระยะระหว่าง 20 องศา 00 ลิปดาในราศีมิถุน ถึง 3องศา 20 ลิปดาในราศีกรกฏ ดาวแห่งสติปัญญาอันบริสุทธ์ คือพฤหัส เป็นดาวเจ้าฤกษ์นี้ และสามนวางค์บาทแรกอยู่ในมิถุนและนวางค์บาทสุดท้ายอยู่ในราศีกรกฏ กล่าวกันว่าบุคคลที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้ คล้ายปิศาจที่ล่องลอยออกมาจากเถ้ากระดูก เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนเหล่านี้อยู่นิ่งๆสงบเสงี่ยมเจียมตัวที่ใดที่หนึ่งนานๆ หน้าตาจะกลมมนรูปไข่ ค่อนข้างยาว แล้วมีแนวโน้มที่อ้วนเป็นตุ่ม เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยกลางคนไปแล้ว เจ้าชาตาเป็นคนมีศรัทธาในพระเป็นเจ้าอย่างมั่นคง และเป็นคนเคร่งศาสนาโดยกำเนิด แต่ในบางครั้งความความเคร่งในศาสนาของพวกเขาอาจทำให้กลายเป็นคนดื้อรั้นดันทุรังได้ แต่พวกเขาก็เป็นพวกเคารพกฏหมาย และจะไม่มีส่วนร่วมในการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือทำกิจกรรมที่สังคมต่อต้านแต่อย่างใด ความต้องการของเขามีขีดจำกัดและเขาก็เป็นแบบอย่างของการมีชีวิตที่เรียบง่าย เขารู้ว่าจะเก็บความรู้สึกนึกคิดของตนได้อย่างไร นอกจากนั้นแล้วยังมีความใจบุญชอบช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้ขัดสนด้วย ผู้หญิงที่เกิดในนักษัตร์นี้ เป็นคนอารมณ์เย็น แต่มักจะชอบโต้เถียงปะทะคารมเพื่อที่จะแสดงความฉลาดของตนเอง สิ่งนี้เองที่มักจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับสมาชิกภายในครอบครัวอีกด้วย คนที่เกิดในฤกษ์นี้สามารถทำงานได้ดีในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานบัญชีหรือกฏหมาย,การเงินการธนาคารหรือเป็นนักโปรแกรมคอมพิวเตอร์ บรรณาธิการและหนังสือพิมพ์ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับงานนายหน้า . จุดเด่นจากบุคลิกลักษณะของคนเกิดภายใต้ฤกษ์นี้มีแนวโน้มที่จะทำธุรกิจร่วมกับหุ้นส่วนมากกว่าที่จะทำธุรกิจด้วยตนเอง โดยนิสัยเจ้าชะตา มักจะให้ความเคารพนับถือครูบาอาจารย์ และ ผู้ที่สูงวัยหรือมีวัยวุฒิมากกว่า ด้านชีวิตสมรส บ่อยครั้งที่พบว่าพวกเขามักจะแต่งงาน 2 ครั้ง และพวกเขาก็มีความขัดแย้งในชีวิตสมรสหรือความร้าวฉานในครอบครัวอยู่บ้าง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเป็นทุกข์และมีความเครียดเป็นอย่างมาก ด้านสุขภาพ โดยทั่วไปเขามีสุขภาพดี แต่ถ้าหากมีปัญหาด้านสุขภาพแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ก่อให้เกิดความกังวลกับเขาได้มากเหมือนกัน ซึ่งก็มักจะเป็นการกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-10-03 21:22:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 32 (3174) | |
Ardra 6.อารทรานักษัตร Ardra 6.อารทรานักษัตร เป็นนักษัตรลำดับที่ 6 แห่งจักราศี มีความกว้างระหว่าง 6 องศา 40 ลิปดาถึง 20 องศา 00 ลิปดาในราศีมิถุน ซึ่งมีราหูเป็นเจ้าฤกษ์ เจ้าชาตาที่ถือกำเนิดในฤกษ์นี้มักมีร่างกายและบุคลิกภาพแตกต่างกัน บางคนผอมบาง บางคนก็อ้วนเจ้าเนื้อ บางคนก็สูงมาก บางคนก็เตี้ยผิดธรรมดา ซึ่งก็คือบุคลิกและลักษณะเฉพาะตัวของราหู ซึ่งบางครั้งก็แสดงออกด้านรูปร่างผอมสูงยาวคล้ายส่วนหางของอสรพิษ (ราหู) โดยเฉพาะคนเกิดในฤกษ์นี้และมีราหูอยู่เรือนที่ 7 ในชาตากำเนิด ก็จะทำให้คู่ครองมีลักษณะทางร่างกายหรือทางกายภาพตรงข้ามกับเจ้าชาตาเสมอ นอกจากนั้นสถานภาพทางสังคมของคู่ครองก็จะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน และเป็นการยากยิ่งที่พยากรณ์อุปนิสัยและพฤติกรรมของเจ้าชาตาจากความประพฤติในอดีต เจ้าชาตาจะมีพลังทางจิตระดับสูง และก็ขึ้นอยู่กับที่สถิตย์ของราหูและเกตุ(อินเดียที่ตรงข้ามกับราหู) ในชาตาและอยู่ในตำแหน่งที่ให้คุณ หากเจ้าชาตาเกิดในฤกษ์นี้มีดาวเนปจูนที่เข้มแข็งสถิตย์อยู่ในชาตาด้วย จะทำให้เป็นคนที่สามารถดึงดูดและชักนำฝูงชนได้อย่างมากมายมหาศาล นวางค์บาทฤกษ์ทั้งหมดของนักษัตรนี้ ทั้งหมดสถิตย์อยู่ในราศีมิถุน ซึ่งเป็นราศีแห่งไหวพรอบและสติปัญญาความฉลาดเฉลียว ซึ่งดาวเคราะห์เจ้าเรือนคือดาวพุธเจ้าแห่งสติปํญญาและการสื่อสาร และดาวพุธเองก็จะส่งเสริมให้เจ้าชาตาเป็นคนที่มีพลังในการไข่วคว้าในทุกๆสิ่งที่เป็นผลประโยชน์แก่เจ้าชาตา และมักจะชอบพูดในเรื่องที่เกี่ยวกับความลับของผู้อื่นอยู่เสมอๆ เจ้าชาตามักที่จะสามารถสงบเยือกเย็นได้แม้กระทั่งในเวลาที่เผชิญความทุกข์ยากลำบากที่สุดของชีวิต และสามารถปฏิตามตามสภาวะการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนด้านอาชีพเหมาะกับงานค้นคว้าวิจัย โดยเฉพาะเกี่ยวกับงาน ด้านฟิสิกส์ แม่เหล็กไฟฟ้า วิทยาศาสตร์ นิติเวช งานสืบสวนสวบสวน แม้แต่งานค้นคว้าด้านพลังจิต ซึ่งเจ้าชาตาจะมีพลังงานทางจิตค่อนข้างสูง เจ้าชาตามักจะได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศหรือแม้แต่ต้องอาศัยอยู่ต่างประเทศเพื่อทำงานหาเงินทอง หรือทำงานด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ด้านชีวิตสมรสมักขึ้นๆลง โดยสัมพันธ์ภาพของทั้งสองฝ่ายมักไม่ค่อยเป็นปกติสุข เนื่องจากการปิดบังปัญหาซึ่งกันและกัน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-10-03 21:20:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 31 (2561) | |
5.มฤคศิระนักษัตร เป็นนักษัตรลำดับที่ 5 แห่งจักรราศี มีระยะตั้งแต่ 23 องศา 20 ลิปดาในราศีพฤษภถึง 6องศา 40 ลิปดาในราศีมิถุนซึ่ง 2 นวางค์บาทแรกอยู่ในราศีพฤษภและสองนวางค์บาทหลังอยู่ในราศีมิถุน ซึ่งจะทำให้คนที่เกิดในสองนวางค์บาทแรกกับสองบาทหลังมีบุคลิกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของนักษัตรนี้มีดังนี้ โครงสร้างของร่ายกายมักแข็งแรง ผิวเข้ม ในขณะเดียวกันก็ที่มีบุคลิกที่ค่อนข้างเข้มแข็งด้วย แต่ถ้าอยู่ในสองบาทแรกของพฤษภก็จะทำให้บุคลิกค่อนข้างอ่อนโยนมากกว่าและผิวพรรณก็จะขาวสะอาดกว่าในสองบาทหลังในราศีมิถุน นิสัยโดยทั่วไปเป็นคนมีน้ำใจใสซื่อ และซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากับผู้อื่นเสมอ ในขณะเดียวกันก็คาดหวังผลตอบแทนจากผู้อื่นโดยอยากให้ผู้คนตอบแทนตนด้วยความซื่อสัตย์จริงใจในลักษณะเดียวกัน แต่ก็นานๆครั้งจึงจะได้รับตามความคาดหวัง เพราะว่าเจ้าชาตามักจะได้พบเจอการทรยศ หักหลังเสียมากกว่า โดยเฉพาะการกระทำจากคนที่อยู่ใกล้ชิด เมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นเจ้าชาตาจะพบว่า มันยากที่กลับไปสร้างสัมพันธ์กันเหมือนเดิมอีก เพราะเจ้าชาตาจะไม่ชอบที่ถูกผู้อื่นทำการทรยศหักหลังหรือฉ้อฉลกับตนเอง ซึ่งมีแนวโน้วที่จะสร้างความอาฆาตพยาบาทและคิดแก้แค้นให้กับเจ้าชาตา สำหรับคนที่เกิดในฤกษ์นี้โดยธรรมชาติจะเป็นคนรักสันติ แต่การกระตุ้นหรือแหย่ให้โกรธแม้เพียงเล็กน้อยกลับค่อนข้างจะอันตราย มีพลังความต้องการ ความอยากมีอยากได้ค่อนข้างสูงจนถึงกับโลภ มีความว่องไวในด้านการค้นคว้าเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ และมีความเป็นนักสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ ความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา มีความจริงใจ และความหัวรั้น มักจะแสดงออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้นในราศีพฤษภ และมักชอบชีวิตที่เรียบง่าย แต่ก็พบว่าบ่อยครั้งเจ้าชาตายากที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆในชีวิต อาจเนื่องมาจากชีวิตที่ผ่านมาต้องมีประสพปัญหาเรื่องกฎหมายคดีความหรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งสำคัญและทั้งหมดก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าชาตาต้องใช้เวลานานในการก่อร่างสร้างตัว หรือตั้งหลักปักฐานในชีวิต เจ้าชาตาที่เป็นหญิง มักชอบที่จะควบคุมสามีให้อยู่ในโอวาท เมื่อสมรสแล้วพวกเธอมักทำตัวยุ่งอยู่เสมอ และชอบที่จะควบคุมกิจการภายในบ้านทั้งหมด บุคคลทั่วไปที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักมีการศึกษาดี โดยเฉพาะคนที่พระจันทร์เสวยฤกษ์นี้ในราศีมิถุน ถนัดวิชาชีพด้านบัญชี สำหรับคนที่เกิดในราศีพฤษภมักมีความฉลาดและไหวพริบในเชิงธุรกิจ และไหวพริบปฎิภาณนั้นมักส่งเสริมให้ได้รับประโยชน์ในด้านการเรียนรู้และการศึกษาด้วย ด้านความรัก มักเกิดความเข้าใจผิดกันเสมอๆกับคู่รัก คู่สมรสมักมีปัญหาทางสุขภาพ ส่วนเจ้าชาตามักประสบปัญหาต้องเผชิญความเครียดในชีวิตสมรสตลอดเวลา ด้านสุขภาพ มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง และกรดในกระเพาะอาหาร | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-29 20:53:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 30 (1858) | |
เรียน ตาบอดส่องตะเกียง&นีโม่ ที่เคารพ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิชิต เตชะเกษม วันที่ตอบ 2004-09-24 14:52:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 29 (1820) | |
.....ขออภัยท่านที่รอนาน มันก็คล้ายๆกับ นิยายในหนังสือรายสัปดาห์นั่นแหละครับ บางครั้งมันก็อยู่กับอารมณ์ผู้เขียนด้วย อาจจะต้องรอบ้าง มีบางคนโทรมาบอกให้เขียนย้อนฤกษ์จะได้ไหม เพราะแกดันไปเกิดฤกษ์สุดท้าย ยังไงก็อดทนนะครับผมจะพยายามเขียนให้เร็วที่สุด เพราะอาจานแหนมมีเมกกะโปรเจค มารออีกแล้วววว ขอตอบเพิ่มเติม เรื่องมรณะองศา และจุดปรมอุจน์ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับษัฑพละค่อนข้างมากเนื่องจาก การเป็นอุจน์ของดาวทุกดวงก็จะได้กำลังเท่ากัน 1 รูปะ หากเป็นนิจลดลง 1 รูปะ และหากเป็นอุจน์ด้วยเสวยองศาปรมอุจน์ด้วยก้อเป็น 2 รูปะ ดังนั้นหากคำนวนด้วยวิธีษัฑพละทั้งหมดไม่จำเป็นว่าดาวที่เสวยราศีอุจน์และเสวยองศาปรมอุจน์จะต้องได้กำลังสูงสุดในชาตา ....ซึ่งสามารถติดตามอ่านต่อได้ที่ www.payakorn.com ห้อง ปุจฉา-วิสัชนา ในกระทู้ที่ 9442 และ 9571นะครับ เมื่อมีท่านใดโพสเพิ่มเติม ข้าพเจ้าก็จะนำมารวบรวมไว้ในบอร์ดนี้ด้วยเพื่อเป็นที่เก็บรวบรวมความรู้ต่างๆ ไว้ให้ศึกษากัน จึงใคร่ขอฝากคุณพี่วิชิต ไว้ด้วยนะครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:32:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 28 (1819) | |
5.มฤคศิระนักษัตร เป็นนักษัตรลำดับที่ 5 แห่งจักรราศี มีระยะตั้งแต่ 23 องศา 20 ลิปดาในราศีพฤษภถึง 6องศา 40 ลิปดาในราศีมิถุนซึ่ง 2 นวางค์บาทแรกอยู่ในราศีพฤษภและสองนวางค์บาทหลังอยู่ในราศีมิถุน ซึ่งจะทำให้คนที่เกิดในสองนวางค์บาทแรกกับสองบาทหลังมีบุคลิกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของนักษัตรนี้มีดังนี้ โครงสร้างของร่ายกายมักแข็งแรง ผิวเข้ม ในขณะเดียวกันก็ที่มีบุคลิกที่ค่อนข้างเข้มแข็งด้วย แต่ถ้าอยู่ในสองบาทแรกของพฤษภก็จะทำให้บุคลิกค่อนข้างอ่อนโยนมากกว่าและผิวพรรณก็จะขาวสะอาดกว่าในสองบาทหลังในราศีมิถุน นิสัยโดยทั่วไปเป็นคนมีน้ำใจใสซื่อ และซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากับผู้อื่นเสมอ ในขณะเดียวกันก็คาดหวังผลตอบแทนจากผู้อื่นโดยอยากให้ผู้คนตอบแทนตนด้วยความซื่อสัตย์จริงใจในลักษณะเดียวกัน แต่ก็นานๆครั้งจึงจะได้รับตามความคาดหวัง เพราะว่าเจ้าชาตามักจะได้พบเจอการทรยศ หักหลังเสียมากกว่า โดยเฉพาะการกระทำจากคนที่อยู่ใกล้ชิด เมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นเจ้าชาตาจะพบว่า มันยากที่กลับไปสร้างสัมพันธ์กันเหมือนเดิมอีก เพราะเจ้าชาตาจะไม่ชอบที่ถูกผู้อื่นทำการทรยศหักหลังหรือฉ้อฉลกับตนเอง ซึ่งมีแนวโน้วที่จะสร้างความอาฆาตพยาบาทและคิดแก้แค้นให้กับเจ้าชาตา สำหรับคนที่เกิดในฤกษ์นี้โดยธรรมชาติจะเป็นคนรักสันติ แต่การกระตุ้นหรือแหย่ให้โกรธแม้เพียงเล็กน้อยกลับค่อนข้างจะอันตราย มีพลังความต้องการ ความอยากมีอยากได้ค่อนข้างสูงจนถึงกับโลภ มีความว่องไวในด้านการค้นคว้าเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ และมีความเป็นนักสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ ความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา มีความจริงใจ และความหัวรั้น มักจะแสดงออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้นในราศีพฤษภ และมักชอบชีวิตที่เรียบง่าย แต่ก็พบว่าบ่อยครั้งเจ้าชาตายากที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆในชีวิต อาจเนื่องมาจากชีวิตที่ผ่านมาต้องมีประสพปัญหาเรื่องกฎหมายคดีความหรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งสำคัญและทั้งหมดก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าชาตาต้องใช้เวลานานในการก่อร่างสร้างตัว หรือตั้งหลักปักฐานในชีวิต เจ้าชาตาที่เป็นหญิง มักชอบที่จะควบคุมสามีให้อยู่ในโอวาท เมื่อสมรสแล้วพวกเธอมักทำตัวยุ่งอยู่เสมอ และชอบที่จะควบคุมกิจการภายในบ้านทั้งหมด บุคคลทั่วไปที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักมีการศึกษาดี โดยเฉพาะคนที่พระจันทร์เสวยฤกษ์นี้ในราศีมิถุน ถนัดวิชาชีพด้านบัญชี สำหรับคนที่เกิดในราศีพฤษภมักมีความฉลาดและไหวพริบในเชิงธุรกิจ และไหวพริบปฎิภาณนั้นมักส่งเสริมให้ได้รับประโยชน์ในด้านการเรียนรู้และการศึกษาด้วย ด้านความรัก มักเกิดความเข้าใจผิดกันเสมอๆกับคู่รัก คู่สมรสมักมีปัญหาทางสุขภาพ ส่วนเจ้าชาตามักประสบปัญหาต้องเผชิญความเครียดในชีวิตสมรสตลอดเวลา ด้านสุขภาพ มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง และกรดในกระเพาะอาหาร | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:26:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 27 (1818) | |
4 โรหิณี นักษัตร
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:25:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 26 (1817) | |
3.กฤติกานักษัตร เป็นนักษัตรลำดับที่3 ในจักรราศี ระยะห่าง 26 องศา 40 ลิปดาถึง 10 องศา 00 ลิปดาในราศีพฤษภ ซึ่งนักษตรนี้มีปฐมบาทแรกอยู่ในราศีเมษ และ3บาทหลังอยู่ในราศีพฤษภ ดังนั้นบุคคลที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้โดยพระจันทร์เสวยนวางค์บาทแรก ของฤกษ์นี้มักจะแสดงตนเป็นคนรุนแรงก้าวร้าวคล้ายดังอังคารเจ้าราศี แต่ในขณะเดียวกันหากพระจันทร์เสวยนวางค์บาทที่ 2-3-4 ในราศีพฤษภ จะเป็นคนใจเย็น นิ่ง และเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งแสดงถึงลักษณะเฉพาะตัวของดาวศุกร์ โดยทั่วๆไป บุคคลที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้จะเป็นคนมีลักษณะโครงสร้างส่วนสูงปานกลาง บุคลิกท่าทางสง่าผ่าเผยและแสดงถึงอำนาจ มีสติปัญญาฉลาดรอบรู้นอกเหนือจากความหยิ่งยะโสที่ได้ปรากฏแสดงออกพร้อมกันไปด้วย ซึ่งโดยเฉพาะความหยิ่งยะโส มักจะปรากฎเด่นที่สุดในนวางค์บาทฤกษ์ที่ 2-3-4 พวกนี้มักจะเก่งในทุกๆเรื่องโดยเฉพาะด้านการค้า แต่จะเป็นในลักษณะผู้ตามมากว่าที่จะเป็นผู้นำ และมักจะให้คำแนะนำที่ดีแก่เพื่อนๆในยามที่พวกเขาประสบปัญหา แต่ยามเมื่อตนเองประสบปัญหาเองบ้างกลับไม่สามารถที่แก้ไขได้ การมีความเคารพต่อตนเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่งของคนกลุ่มนี้ และจะค่อนข้างเชื่อมั่นในตนเองค่อนข้างมากและไม่ชอบที่นินทากล่าวร้ายใครๆ โดยทั่วไปมักจะเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและใช้ความเป็นธรรมต่อวิธีทางในการที่จะทำให้ตนบรรลุความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวัง มีความอยากที่จะหลุดพ้นจากพันธะใดใดที่มีต่อตนเอง เช่นทางด้านการเงินและในเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ หากดวงอาทิตย์ในชาตากำเนิด สถิตย์อยู่ในราศีธาตุไฟ บุคคลที่เกิดในฤกษ์นี้ก็จะมีความมุ่งมั่นอดทนและอุตสาหะอย่างสูงในการทำการใดใดให้บรรลุจุดหมาย และจะไม่ยอมที่จะหยุดพักจนกว่าการนั้นจะสำเร็จลงดั่งใจที่มุ่งหวัง พวกเขาเป็นพวกลัทธิสมัยนิยมโดยธรรมชาติ และจะไม่หลับหูหลับตาทำอะไรตามแบบแผนดั้งเดิมโดยไม่ไตร่ตรองดูเสียก่อน นิสัยมักชอบท่องเที่ยว และโดยคนที่เกิดในฤกษ์นี้มักมีโอกาสที่จะได้รับมรดก แต่จุดเสียก็มีโดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ของชาวฤกษ์นี้ สามารถฟิวส์ขาดเอาได้ง่ายๆเมื่อถูกท้าทายหรือกระตุ้น และจะสูญเสียความเยือกเย็นไปกับความโกรธนั้นและยากที่จะควบคุมบังคับได้ ซึ่งนิสัยประจำตัวดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่อันตรายและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น เมื่อดาวเจ้าโทสะอย่างอังคารและพลูโตสถิตย์ในราศีธาตุไฟ ด้านการงาน อันเนื่องมาจากความต้องการที่จะเป็นอิสระทางด้านการเงิน การบังคับบัญชา และไม่ต้องการเป็นหนี้สินหรือหนี้บุญคุณใคร บุคคลในฤกษ์นี้มักจะไม่ค่อยจะได้ทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อื่นในองค์กรเอกชน แต่หากเป็นงานราชการกลับเหมาะสมกว่า อันเนื่องมาจากราชการเป็นงานที่มีสิทธิและอำนาจของรัฐอยู่ในตัวเอง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวเจ้าฤกษ์ของนักษัตรนี้ ความมีใจรักต่องานผลงานและมักจะขึ้นอยู่กับความรวดเร็วว่องไวในการทำงานนั้น ในบางครั้งผลงานที่ออกมาที่แสดงถึงความเฉื่อยชานั่นหมายถึงความไม่ชอบต่องานนั้น หญิงที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้มักจะเป็นคนชอบทะเลาะโต้เถียง พวกเธอจะไม่ลังเลเลยที่แสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งออกมา และผลจากการกระทำดังกล่าวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมักจะเป็นการสร้างศัตรูแม้กระทั่งจากเพื่อสนิทของตัวเอง สำหรับชายที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้ มักจะได้คู่ครองที่ซื่อสัตย์ เป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่บางครั้งจะต้องแยกจากกันชั่วคราว และในระหว่างช่วงเวลาการแยกจากกันนี้เองจะนำความโชคร้ายและโรคภัยใข้เจ็บมาสู่คนในครอบครัว และมีความสัมพันธ์กับครอบครัวดีมากโดยเฉพาะบิดา โรคภัยไข้เจ็บที่ต้องระวัง คือโรคกระเพาะอาหาร โรคฟัน ริดสีดวง สายตา และโรคทางสมอง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:25:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 25 (1816) | |
2.ภรณีนักษัตร เป็นนักษัตรลำดับที่ 2 ในจักราศี ช่วงระหว่าง 13 องศา 20 ลิปดา ถึง 26 องศา 40 ลิปดาในราศีเมษ เป็นดาวฤกษ์แห่งศิลปและความงาม เพราะดาวศุกร์เป็นดาวเจ้าฤกษ์และอังคารเป็นดาวเจ้าราศี คนที่เกิดภายใต้ฤกษ์นี้เป็นคนที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร ซึ่งเป็นความแตกต่างกันอย่างมากระหว่าอัศวินีนักษัตรกับภารณีนักษัตร ซึ่งนักษัตรหนึ่งเป็นผู้ที่แข็งกร้าว ก้าวร้าวแต่อีกนักษัตรหนึ่งเป็นความมีน้ำใสใจจริง และตรงไปตรงมา ทั้งด้านความคิดเห็นที่จะตรงไปตรงมาไม่ยอมปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะขอร้องและเอาใจใคร ชาวภรณีชอบที่จะทำอะไรอยู่บนหลักการที่ถูกต้องเสมอ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากและอุปสรรค คนเกิดในฤกษ์นี้ จะเป็นคนรูปร่างสันทัด ปานกลาง ผมบาง หน้าผากกว้าง เหมือนหน้าผากวัว ส่วนที่เด่นจะเป็นขมับที่กว้าง และคางแหลม เมื่อมีการปรับทัศนคติต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นการฝืนธรรมชาติของชาวฤกษ์นี้ ซึ่งพวกเขาจะไม่ให้ความสนใจในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ในเรื่องของความมั่นคงด้านจิตใจ และทัศนคติที่หนักแน่นทำให้สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของปัญหาต่างๆได้ง่าย เมื่ออยู่ในกลุ่มใดใด ชาวภรณีมักจะมีความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำสูงสุดภายในกลุ่ม และมักต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคสิ่งกีดขวางใดใดในเส้นทางที่ปรารถนาถึงความสำเร็จนั้น มีบ่อยครั้งที่ประสบกับความล้มเหลว อันเนื่องมาจากธรรมชาติของชาวภรณีเองที่ต้องการที่กระทำการใดใดโดยวิธีของตนเองมากกว่าจะรับฟังจากใคร และยินยอมที่สูญเสียการสนับสนุนจากบุคคลรอบข้างและผู้ที่หวังดี จุดเด่นที่สำคัญของคนเกิดในฤกษ์นี้ก็คือ การเป็นผู้ระงับการแพร่ข่าวลือข่าวลวงข่าวที่ไม่เป็นจริงต่างๆไม่ให้แพร่กระจายต่อไป โดยผลจะเด่นเป็นจริงมากขึ้นเมื่อดาวเสาร์และดาวพุธในชาตามีโยคเกณฑ์ต่อกัน ด้านการงานและอาชีพ ด้วยความมีความรู้ความสามารถรอบตัวสามารถทำให้ทำงานได้ในทุกๆสาขาวิชาชีพ ส่วนงานเกี่ยวข้อง ศิลปะ การบันเทิงสามารถเป็นรายได้หลัก และเป็นผลประโยชน์ในระยะยาวต่อคนในฤกษ์นี้ ด้านงานสาขาพิเศษเช่น งานศัลยกรรม โดยเฉพาะศัลยกรรมพลาสติกก็เป็นอาชีพเสริมสำหรับฤกษ์นี้ด้วยเช่นกัน ด้านชีวิตสมรส โดยปกติมักจะมีชีวิตสมรสที่มีความสุขหวานชื่น มีคู่สมรสที่ซื่อสัตย์ต่อครอบครัว นิสัยของคนฤกษ์นี้ชอบที่จะอยู่กับครอบครัวมากกว่าที่จะอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว สุขภาพทั่วไปพอใช้แต่มักจะได้รับความลำบากจากโรคเบาหวาน และ โรคฟัน ส่วนหญิงในฤกษ์นี้ มักเป็นคนเอาการเอางาน แต่นานๆครั้งถึงจะได้รับตำแหน่งระดับอาวุโสในหน่วยงาน ส่วนในบ้าน เธอก็จะแสดงตัวเป็นมากกว่าหัวหน้าครอบครัว บางครั้งจะเกินกว่าหน้าที่ของสมาชิกครอบครัวโดยปกติเสียอีก เพราะว่าโดยธรรมชาติของฤกษ์นี้จะยินยอมรับฟังและอยู่ในโอวาทของคนที่ตนยอมรับว่าเหนือกว่าตนเพียงคนเดียวเท่านั้น .......... ส่วนในการวางฤกษ์ทำการโดยใช้นักษัตรนี้ต้องพึงระวัง เพราะนักษัตรนี้ มีพระยมเทพเจ้าแห่งความตายเป็นเทวดาครองฤกษ์นี้ ส่วนมากในอินเดียโบราณและปัจจุบันมักจะไม่ใช้ฤกษ์นี้ในงานมงคลสมรส ซึ่งจะนำความตายมาสู่คู่สมรส แต่สามารถใช้ในกิจการอื่นได้บ้าง ทั้งนี้จะต้องคำนวณตรวจสอบหักล้างผลดีแล้วโดยโหราจารย์ผู้เชี่ยวชาญ .(จบฤกษ์ ภรณีนักษัตร) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:24:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 24 (1815) | |
อันนี้เป็นบทความของท่าน Neemo มีดังต่อไปนี้ .....อัศวินี..... เป็นนักษัตรแรกในบรรดา 27 นักษัตรเริ่มตั้งแต่ 0องศา 0ลิปดา 0 ฟิลิปดาในราศีเมษ ซึ่งใน จากการที่ชาวอัศวินีที่เป็นคนก้าวร้าวและหยาบคายอยู่บ่อยๆ แต่หญิงชายที่เกิดในฤกษ์นี้ก็มักจะเกิดขันติความอดทนได้ดีต่อสภาวะที่ตึงเครียดและวิกฤตการณ์ในชีวิต จากเหตุผลดังกล่าวชายใดที่เกิดในฤกษ์นี้มักจะมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดระดับสูง เช่นเป็นเจ้าหน้าตำรวจหรือทหาร ไม่แปลกที่ทหารยศสูงๆที่ต้องรับภาระอันหนักหน่วงจากภารกิจป้องกันประเทศมักจะเกิดอยู่ในฤกษ์นี้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:23:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 23 (1814) | |
ต่อไปนี้เป็นของพี่ พลังวัชร์ มาร่วมแจมด้วย > >อัศวินี (13-27 เมษายน) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:20:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 22 (1813) | |
2. มรณะองศาของจันทร์ 3. มรณะองศาของอังคาร 4. มรณะองศาของพุธ 5. มรณะองศาของพฤหัส 6. มรณะองศาของศุกร์ 7. มรณะองศาของเสาร์ แถมอีกประการมีกฎเกณฑ์อีกอย่างหนึ่งที่จันทร์จะให้คุณแก่ดวงชะตาไม่น้อยกว่ามหาอุจจ์เลย เมื่อจันทร์โคจรเข้าไปสถิตราศีทั้ง 12 ราศีและจะให้คุณสูงมาก ซึ่งตำแหน่งนี้เรียกว่า บุษกรจันทร์ ซึ่งถ้าจันทร์ครองอยู่ในองศานั้นตามดวงชะตา ท่านว่าดวงชะตานั้นจะประสบความสุขมาก ยิ่งถ้าได้โยคเกณฑ์ดีกับลัคนาด้วยแล้วจะดียิ่ง มีองศาของจันทร์ดังนี้ :- ถ้าตำแหน่งดาวที่ดี ไปใกล้เคียงกับที่ร้ายท่านให้ตัดสินกันที่องศา ว่าไม่เกิน 24- 30 ลิปดา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:18:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 21 (1812) | |
.....มาเพิ่มข้อมูลให้อีก ในเรื่องเกี่ยวกับฤกษ์และดวงดาว ไว้สำหรับศึกษาเกี่ยวกับ การวางฤกษ์แล้วมีดาวดวงใดดวงหนึ่งไปต้องมรณะองศาของดาวนั้นๆ ซึ่งเป็นเคล็ดหนึ่งซึ่งไปค้นคว้าเจอมา ลองนำไปศึกษากันดูนะครับ 1. มรณะองศาของอาทิตย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:15:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 20 (1811) | |
25. ฤกษ์ปุพพภัทท ได้แก่นาย บุญทฤก ผู้เป็นพราน แต่ด้วยมีวาจาสัตย์แม้ปรารถนาจะสังหารสัตย์ใดจะตั้งใจเอาแต่ที่ปรารถนาไว้เท่านั้น ตัวอื่นมิได้เอา ครั้นหนึ่งได้ขึ้นไปบนยอดเขารู้สึกกระหายน้ำมากแล้วนอนสลบอยู่ เทพยาดาจึงให้พระพายไปบอกน้ำให้ขึ้นมา พระคงคาทราบความก็ไหนขึ้นไปยังยอดเขา นายพรานจึงได้อาบกินด้วยอำนาจในความสัตย์ที่กระทำมา ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ จะเป็นเพชฌฆาต เป็นพราน เป็นชาวประมง ประกอบด้วยทรัพย์ธัญญาหาร มีศักดิ์เป็นพระยามีความสุข 26. ฤกษ์อุตตรภัทท ได้แก่ ทุรจิต ผู้เข็ญใจอาศัยอยู่ในกรุงหัสตินปุระ เที่ยวหาบฟืนขาย แบ่งไว้กินบ้างเก็บสะสมบ้าง อยู่มาเจ้าเมืองหัสตินสวรรคต แล้วหาราชวงศ์ที่จะสืบราชสมบัติไม่ได้ เหล่าเสนาอำมาตย์จึงทำพิธีเสี่ยงราชรถ เทพยดาจึงดลให้ราชรถไปหยุดยังทุรจิต เหล่าเสนาอำมาตย์จึงเชิญมาครองราชสมบัติ ทุรจิตครองราชสมบัติไปตามราชธรรม ครั้นสวรรคตแล้ว ก็บังเกิดในสวรรค์เทวโลก ผู้ใดกำเนิดมาในฤกษ์นี้ ถ้ามีพระเคราะห์มหาอุจ แม้เป็นลูกไพร่ก็จะได้เป็นใหญ่ จะได้เป็นขุนนาง ท้าวพระยา ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นนางพระยา มีโคกระบือ ช้างม้า ข้าคนชายหญิง เงินทองมากมาย 27. ฤกษ์เรวดี ได้แก่ฤาษีตนหนึ่ง ชื่อ เทวาจารย์สำเร็จญาณไปสู่สวรรค์ และลงมายังเมืองมนุษย์เพียงลัดนิ้วมือเดียว ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ และมีมหาอุจ 8 ตัวจะถึงซึ่งนิพพานในชาตินี้ ถ้าเป็นอุจจาวิลาสจะเป็นฤาษีมีฤทธิ์สามารถเดินทางโดยรอบจักรวาลเพียงลัดนิ้วมือเดียว ถ้าบวชในศาสนาจะได้เป็นสังฆปรินายก รู้จบพระไตรปิฎก สรรพทุกประการ ถ้ามีมหาอุจ 2 ตัว ถ้าเป็นนักบวชเรียนจะอุดม ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นมารดาพระสงฆ์ โดยถอยลงมาจะได้เป็นแม่มดหมอ แต่มักจะเกิดทุกข์ยาก | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:13:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 19 (1810) | |
21.ฤกษ์อุตราสาฬห ได้แก่มหาสุข บุตรีมนตรีเมืองไพศาลี ไปคบเพื่อนที่เป็นโจรแล้วออกปล้นทุกแห่ง มหาสุขกับพวกโจรห้าร้อยถูกจับได้ แล้วนำตัวไปถวายพระยาๆ ให้ประหารโจร เอาแต่มหาสุขไว้ ครั้นพระยาสวรรคต โหราจารย์ทั้งหลายจึงยกให้มหาสุขเป็นกษัตริย์สืบต่อไป ผู้เกิดฤกษ์นี้มักเป็นโจร มีภัยด้วยอาวุธ มักมีโรคร้ายคุกคาม มีโทษ 3 ประการดังนี้ แต่ถ้ามีมหาอุจหนึ่งตัว ต้นแม้จะร้ายแต่ปลายดี 22. ฤกษ์สาวณ มีเมืองหนึ่งชื่อ สุนทคิรีมหานคร มีคราหนึ่งเมืองอินทรปัตถ์แต่ง เต่าทอง ส่งมายังสุนทคิรีมหานคร แต่เต่ามิได้ไข่ ชาวเมืองหมดปัญญาที่จะแก้ปริศนาทำให้เต่ายนต์ อันมีกลปริศนาไข่ได้ถึง 10 ปี ชาวอินทรปัตถ์ต่างเย้ยหยันว่าถ้าไม่สามารถไขปริศนาให้เต่าไข่ได้ ให้มากราบไหว้เจ้ากรุงอินทรปัตถ์ ท้าวสุนทคิรีโกรธกริ้วยิ่ง ให้ตีฆ้องร้องเป่าหาผู้มีปัญญามาแก้กลนี้ มีผู้หนึ่งรับอาสาแล้วเอาเข็มมาแหย่จมูกเต่ายนต์ เต่ายนต์ก็ออกไข่มา พระยาจึงแต่งตั้งให้เป็นขุนพล ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้จะได้เป็นมนตรีใหญ่ จะได้โคกระบือ ข้างมา ลูกเมียจะได้ 23. ฤกษ์ธนิษฐ ได้แก่พระยาอุเทน จากถิ่นที่อยู่ไปอยู่ถิ่นอื่นจนได้เป็นท้าวพระยา ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้มักจะไปได้ดีในต่างแดน จะเป็นราชทูต เดินทางๆบกดี ทางน้ำไม่ดี กำเนิดใต้ไปได้ดีเหนือ กำเนิดเหนือไปได้ดีใต้ จะได้ลาภอันใหญ่ 24. ฤกษ์สตพภิสช มีนางราชกัลยาองค์หนึ่งเป็นราชธิดากษัตริย์เมืองอินทรปัตถ์ เมื่อถึงกาลอันสมควรแก่การสยุมพรแล้ว ราชบิดาจึงประกาศเชิญชวนบรรดาราชา ราชบุตร มนตรี กวี ปราชญ์ ชาติเศรษฐี ประชาราษฎร มาประชุมที่หน้าพลับพลา แล้วให้ราชธิดาเสี่ยงมาลัยเลือกคู่ ถ้าชื่นชอบชายใดให้นำมาลัยไปสวมพระราชบิดาจะอภิเษกให้ ราชธิดาเห็น อะโสภาผู้เฒ่าทำให้เกิดความพึงพอใจด้วยบุพเพสันนิวาส จึงมอบมาลัยนั้นแด่อะโสภา หมู่ชนจึงนินทากล่าวเย้ยหยันว่า นางประหลาดไปรักผัวแก่ แต่พระราชบิดาก็อภิเษกให้ตามที่ได้ตรัสไว้ ครั้นนานมาพระราชบิดาก็ได้สวรรคต สมบัติการครองเมืองก็ตกแก่อะโสภาผู้เฒ่านั้น ผู้ใดกำเนิดมาในฤกษ์นี้ ท่านจะขอให้ลูกสาว จะได้ดีเพราะสตรี มีโคกระบือ ช้างม้า จะได้แผ่นดิน ประกอบด้วยโชคลาภอันเที่ยงแท้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:13:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 18 (1809) | |
17.ฤกษ์อนุราช ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้จะได้โภคทรัพย์สมบัติ สตรีจะบูชา ทำการเกี่ยวกับช่างจะดี ถ้าประกอบด้วยพระเคราะห์ที่เป็นมหาอุจ แม้จะเกิดเป็นลูกไพร่ต่ำช้า ก็จะได้กินเมือง ถ้าหญิงพงศ์ขุนจะได้เป็นนางราชกัลยา 18.ฤกษ์เฉฏฐ จะต้องภัยศัตรู จะมีทุกข์ แต่จะมีสมบัติทรัพย์ธัญญาหารมาก ถ้าพระเคราะห์ประกอบด้วยมหาอุจ 5 ตัวจะเป็นผู้มีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ แม้บวชก็จะเป็นสังฆราชเป็นใหญ่กว่ากว่าสงฆ์ทั้งปวง ถ้ามีสกุลพราหมณ์จะรู้จบไตรเพท ถ้ามีมหาอุจ 3 ตัว จะเป็นดาบสฤาษี มีมหาอุจ 2 ตัวดุจเดียวกับมหาอุจ 3 ตัว ถ้ามีมหาอุจตัวเดียวถ้าบวชเรียนภายภาคหน้าจะเป็นสัมมาอัครธรรมถึก ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะเป็นเสมียนผู้ใหญ่ เป็นหญิงจะได้เป็นมารดาพระสงฆ์ผู้รู้ธรรมวินัย 19.ฤกษ์มูล ได้แก่นางสุพรรณ บุตรีเศรษฐีในเมืองปาตะลีบุตร มีทรัพย์อันมหาศาล เมื่อบิดาถึงแก่กรรมทรัพย์ทั้งปวงไม่ได้ตกแก่นาง นางนั้นต้องเข็ญใจไร้ทรัพย์ ผู้กำเนิดในฤกษ์นี้มักเป็นคนไร้ทรัพย์ มักต้องช้ำใจ มีโรคภัยมาก ตายด้วยเขี้ยวงาสัตว์ร้าย 20.ฤกษ์ปุพพสาฬห ได้แก่ ศรีวีระ ผู้เข็ญใจแห่งเมืองอินทรปัตถ์ เก็บใบมะขามอ่อนให้มารดานำไปขาย อุตสาหะทำไร่ทำนาทำสวน ได้ข้าว 3 เกวียน เห็นหญ้าอ่อนๆก็นำไปขายให้พ่อค้าเลี้ยงม้าเป็นประจำ พ่อค้าพึงพอใจจึงมอบลูกม้าให้ตัวหนึ่งเป็นอาชานัย แล้วมีเศรษฐีผู้หนึ่งเอาทองมาแลกกับม้า ศรีวีระไม่รับ ความทราบถึงกษัตริย์ให้เอาทอง 1 ล้านมาให้ขอซื้อม้าเพื่อนำไปเป็นราชพาหนะ ศรีวีระจึงขายให้แล้วนำทองที่ได้มาลงทุนค้าขายจนได้กำไรเพิ่มเติมมหาศาล กษัตริย์จึงแต่งตั้งให้เป็นมหาเศรษฐี ผู้ใดกำเนิด มักทำการค้ามีเงินทองมากมาย มีความสุข ได้ลาภจากสตรี ได้ความสุขเพราะสตรี | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:12:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 17 (1808) | |
13.ฤกษ์หัตถี เดิมมีโคบาล 2 คน เลี้ยงโคด้วยกัน คนหนึ่งกล่าวว่า ท่านโปรดช่วยดูแลโคให้เราสักหน่อยเถอะเราจะตอบแทนท่านด้วยอาหารห่อแก่ท่านให้จงมาก โคบาลอีกคนจึงรับหน้าที่นั้นไว้และดูและฝูงโคนั้นเป็นอย่างดี แล้วผู้ฝากกลับมาพร้อมเอาข้าวห่อมาให้ ผู้รับติว่าน้อยไปไม่คุ้มค่าเฝ้าต้องการมากกว่านี้ ผู้ฝากไม่ยอมให้ ต่างโต้เถียงกันจนเรื่องมาลงเอยที่ศาล พระยาเห็นว่าโคบาลทั้ง 2 ต่างไม่ยอมความกัน ณ.ที่นั้นมีอยู่ผู้หนึ่งนามว่า กะไสย มาบังคับให้เอาข้าวมาจำนวน 11 ห่อกองไว้ แล้วกะไสย จึงถามผู้รับฝากว่า กองใดมาก ผู้รับฝากตอบว่ากองกลางนั้นมาก กะไสยก็ว่ามากแล้วก็จงเอาไปเถิด คดีความจึงได้ยุติ พระยาเห็นความสามารถของกะไสย จึงตั้งให้เป็นมนตรี อันว่าผู้กำเนิดมาในฤกษ์นี้แม้จะกำเนิดในตระ***ลถ่อยก็จะได้เป็น ขุนนางผู้ใหญ่ 14.ฤกษ์จิตต ได้แก่พระโพธิสัตว์ กับ ชาย 2 คนๆ หนึ่งชื่อ เทวจิต กับ สารจิต ได้เข้าสนทนาเจรจากับพระโพธิสัตว์แล้วชักชวนกันว่า เราไม่ควรมาอยู่กัน ณ.ที่นี่เพราะเห็นจะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร จึงตกลงพากันไปยังนครหัสดิน เมื่อไปถึงท้าวพระยาได้พูดคุยไต่ถามสนทนากับพระโพธิสัตว์ๆ ก็ได้ถวยพระธรรมเทศนา ท้าวพระยาชื่นชมพร้อมยกราชธิดาเป็นบูชาพระโพธิสัตว์ ส่วนเทวจิต กับ สารจิต ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอำมาตย์ซ้ายขวา อันผู้ใดกำเนิดมาในฤกษ์นี้จะได้ดั่งนิทานที่ว่าไว้ 15.ฤกษ์สาติ มีนารีผู้หนึ่งนามว่า สาไข มีอาชีพเก็บผักขาย มีบุตรีนามว่า ปุษยนารี อายุ 15 ปีไปเป็นคนรับใช้เศรษฐีชื่อ ภัทรา ผู้มีทรัพย์สินมหาศาล นานมาภรรยาเศรษฐีตาย เศรษฐีจึงยกนางปุษยนารีขึ้นเป็นภรรยา จนให้กำเนิดบุตรคนหนึ่ง ครั้นหมดบุญลงทรัพย์สมบัติก็ตกแก่บุตร ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ ถ้าเป้นชายท่านขอลูกสาวให้ ถ้าเป็นหญิงจะเป็นใหญ่ในทรัพย์สินเงินทอง ประกอบด้วยทรัพย์ศฤงคารและข้าคน 16.ฤกษ์วิสาข ตามราชาทึก อันสังหารคนไม่ได้ขาด ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้จะได้เป้นทหารพระยา มิฉะนั้นจะเป็นนายเพชฌฆาต จะเป็นชาวประมง พราน ถ้าเป้นหญิงจะเป็นแพศยาอย่าสงสัย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:12:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 16 (1807) | |
09.ฤกษ์อสิเลส ได้แก้พระโมคคัลลานะ ผู้ทรงฤทธานุภาพเจ้าประกอบด้วยวิชา ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ จะได้ดีในทางศาสนาจะได้เป็นสังฆปรินายกดำรงพระศาสนา หรือไม่ก็จะได้เป็นผู้ทรงศีล ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะได้เป็นเสมียนนักการ หรือ หมอโหราถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นภรรยาผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง แม้ถ่อยสุดก็จะได้เป็นหญิงผู้มีวิชาดี ผู้กำเนิดในฤกษ์นี้มักมีภัย มีทุกข์ด้วยท้าวพระยา จะฉิบหายเพราะโทษประทุษร้ายจากเสนาบดี 10.ฤกษ์มาฆะ ได้แก่เศรษฐีในเมืองพาราณสี บิดามารดาให้ทรัพย์อย่างมากมาย แต่หารักษาทรัพย์นั้นไม่อยู่พาทรัพย์ฉิบหาย เมื่อหมดทรัพย์สมบัติก็หันไปยึดอาชีพโจรลักทรัพย์ในคลังท้าวพระยา ถูกจับได้และถูกประหารเสีย ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ จะสุขบ้างทุกข์บ้าง ท้าวพระยาจะให้คุณ ญาติพี่น้องจะประเสริฐอุดม แต่ทว่าครองทรัพย์นั้นมิได้แม้จะขวนขวายเท่าใดก็ตาม 11.ฤกษ์ปุพพผัคคุนี ฤกษ์นี้ได้แก่กุมารผู้หนึ่งซึ่งไร้ทรัพย์ไร้ญาติ กำพร้าเมื่ออายุ 16 ชันษา โดยไปอาศัยพึ่งอยู่กับนายสำเภา นายสำเภาเห็นใจให้เงินมาก้อนหนึ่งเพื่อไปทำทุนค้าขาย กุมารก็ตั้งใจค้าขายได้กำไรจนเป็นเศรษฐีมีทรัพย์สินมหาศาล จนเป็นที่ปรากฏไปถึงหูท้าวพระยาๆ จึงประทานนามให้เป็นยมุนามหาเศรษฐี ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ จะมีมีสำเภานาวา ปรารถนาสิ่งใดก็จะมีความมุมานะพยายามจนได้มา ศัตรูก็จะหันมาให้ความนับถือ ทรัพย์ธัญญาหารประกอบทรัพย์สมบัติศฤงคาร แต่มักจะมีโรคภัยคอยเบียดเบียน 12.ฤกษ์อุตรผัคคุนี ฤกษ์นี้ได้แก่พระโพธิสัตว์ซึ่งจุติมาครองเมืองพาราณสี ขณะนั้นมีโจรกำลังเท่าช้างสาร คุมไพร่พลโจร 500 คนเที่ยวปล้นบ้านเรือนทั่วเมืองพาราณสี อันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในเมืองยิ่ง ความทราบถึงพระเจ้าพาราณสีๆ ทรงตรัสให้จัดรี้พลเป็นจำนวลมาก ออกจับเอามหาโจรผู้นั้นจนสำเร็จ ผู้ใดกำเนิดมาในฤกษ์นี้มักเป็นโจรต้องขื่อคา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:11:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 15 (1806) | |
05.ฤกษ์มฤคศิร
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:11:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 14 (1805) | |
ว่าด้วย นักขัตฤกษ์ ในคัมภีร์จักรทีปนี อ่านแล้วใช่ว่าอ่านผ่านๆ เมื่อรู้ว่าดีก็พึงรับรู้ว่าดีนั้นดีแบบไหน ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์ไม่มงคลก็พึงรู้ว่าควรแก้ไขเช่นไรเพราะในนิทานแฝงเรื่องแก้ไว้ให้ด้วย อยู่ที่ปัญญาของท่านแล้วว่าจะแก้ไขได้เช่นไร เพราะบางฤกษ์นั้นเป็นฤกษ์โจร หรือ ฤกษ์ไม่ดี แต่อย่าลืมว่ามันอยู่ที่ตัวเราเองด้วย พุทธศาสนาสอนทางดำเนินชีวิตในเรานำไปปรับปรุงแก้ไขไว้พึงนำมาประกอบมาใช้ด้วยจะเป็นมงคลยิ่ง เมื่อรู้แล้วและนำมาแก้ไขก็จะประเสริฐยิ่ง บางครั้งจะดีงามกว่าผู้ที่กำเนิดในฤกษ์อันเป็นมงคลซะอีก อันนี้เป็นทัศนะของข้าพระเจ้าเองท่านผู้อ่านเห็นเป็นประการใด เรามาร่วมวิพากษ์วิจารณ์กันได้ และการเข้าร่วมวิพากวิจารณ์เช่นนี้แหละที่ข้าพเจ้าอยากให้เกิดขึ้นในบอร์ดแห่งนี้ ( วิพากษ์วิจารณ์นะครับ หาใช่ทะเลาะ ) แล้วครั้งหน้าเราจะมาวิเคราะห์เรื่อง พินธุบาทว์ ว่าแต่ละแบบมีผลอย่างไรบ้างตามทัศนะของแต่ละท่านที่ได้เจอมา ท่านใดเห็นด้วยช่วยยืนยันมาด้วย จะได้ทำกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวไว้เป้นที่อ้างอิงร่วมศึกษากัน ... ขอบคุณครับ 01.ฤกษ์อัศวินี บุคคลที่เกิดในฤกษ์นี้ ได้แก่ เขสปกุมาร บุตรเศรษฐีเมืองพาราณสี ผู้มีทรัพย์มากมายครั้นบิดาถึงแก่กรรม ทรัพย์นั้นก็ตกเป็นมรดกแก่เขสปกุมาร แต่เขสปกุมารไม่สามารถรักษาทรัพย์มรดกนั้นไว้ได้ เที่ยวแจกจ่ายคนยากจน ขอทานกิน ฉะนั้นฤกษ์นี้ บิดามารดาทิ้งมรดกไว้เท่าใด ก็ไม่อาจรักษาทรัพย์นั้นไว้ได้ 02.ฤกษ์ภรณี ได้แก่ โฆสกกุมาร ผู้โชคดีได้สมบัติของเศรษฐีแปดร้อยโกฏิมาครอบครอง คนเกิดในฤกษ์นี้ แม้กำเนิดในตระ***ลที่เข็ญใจ ก็จะได้ซึ่งสุขสมบัติอันมงคลยิ่ง 03.ฤกษ์กฤติกา ได้แก่ หิงสะกุมาร 2 พี่น้องถือกำเนิดมาในตระ***ลเศรษฐี บิดามารดาอบรมสั่งสอนอย่างใดก็หาประพฤติตามไม่ บิดามารดาจึงขับออกจากบ้านไป 2 พี่น้องเมื่อถูกขับออกจากบ้านก็มาเป็นโจร มาวันหนึ่งถูกชาวบ้านจับได้ จึงนำตัวไปถวายพระเจ้ากรุงพาราณสี พระเจ้ากรุงพาราณสีมีจิตเอ็นดูสงสารจึงรับเลี้ยงไว้ โดยแต่ตั้งให้เป็นขุนพล แต่ทั้ง 2 กลับเนรคุณยกพลเข้าปล้นสมบัติพระเจ้ากรุงพาราณสี แต่ถูกพระเจ้ากรุงพาราณสีจับได้เสียก่อนแล้วนำ หิงสะกุมารทั้ง 2 ไปประหารเสีย ผู้เกิดในฤกษ์นี้ มักเป็นโจร 04.ฤกษ์โรหิณี ฤกษ์นี้จะได้ดีที่ต่างแดน ท่านจะบูชาลาภจตุบาทโคกระบือ นิทานมีอยู่ว่า อ้าย-ยี่ 2 พี่น้องผู้กำพร้า หาญาติและทรัพย์มิได้ มีอาชีพหาฟืนขาย ยี่ผู้น้องจึงชวนอ้ายพี่ชาย ไปเป็นข้ารับใช้ทำราชการกับท้าวพระยาเห็นจะเป็นการดีกว่า อ้ายผู้พี่จึงแสดงความคิดเห็นว่า การที่จะไปรับราชการกับท้าวพระยานั้น ท้าวพระยานั้นท่านคงไม่รับ ท่านจะรับเฉพาะคนที่มีวิชาความรู้ ซึ่งอ้ายและยี่พี่น้องหาได้มีวิชาความรู้ไม่ ทั้ง 2 จึงตกลงพากันไปร่ำเรียนศึกษาหาวิชาความรู้เพื่อรับราชการ โดยไปร่ำเรียนมนตร์กำบังหายตัว แล้วเอาวิชาไปใช้ย่องขึ้นบ้านผู้อื่น แต่ถูกจับได้เจ้าของบ้านฟันอ้ายผู้พี่ตาย ทรัพย์ที่ได้มานั้นจึงตกอยู่กับยี่ผู้น้อง และในค่ำคืนวันหนึ่งท้าวพระยาได้ออกเที่ยวนอกราชวัง ได้พบกับยี่ ที่ศาลา ท้าวพระยาสอบถามจนรู้ว่ายี่มีวิชาดีจึงชักชวนมาเป็นสหาย แล้วแต่งตั้งให้เป็นเอกอำมาตย์ ผู้ใดกำเนิดในฤกษ์นี้ ถ้าเป้นชายจะได้เป็นมนตรี ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นนางพระยา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:10:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 13 (1804) | |
9. สมโณฤกษ์ .....ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์ของผู้รักสันติ รักสงบ ชอบหลักศาสนา ชอบของโบราณ ชอบศึกษาค้นคว้า ชอบศาสตร์อันลุ่มลึก เป็นฤกษ์เพศชาย ชาวฤกษ์นี้จึงมีปัญญาลุ่มลึก และมักแสดงออกภายนอกให้เห็นได้ มีความคิดที่สร้างสรรค์จุดประกายสิ่งใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ และหลายครั้งหลายหนก็เป็นสิ่งที่ใหม่จนเกินไปคนผู้อื่นไม่คุ้นเคย เลยพาลปฏิเสธไปก็หลายหน แต่ถ้าหากใครมาสะกิดประกายไฟนั้นต่อให้คุณก็สามารถนำมาขยายต่อจนยิ่งใหญ่โชติช่วงได้ แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยเห็นคุณค่านั้น ฉะนั้นคุณจึงถูกจัดเป็นพวกปิดทองหลังพระเป็นส่วนมาก .....ชาวฤกษ์นี้มีความเป็นอัจฉริยะในตัวเอง หรือมีสติเฟื่องหลุดโลกได้เช่นกัน ฉะนั้นพึงควรทบทวนสำรวจตัวเองเสมอว่า คุณจินตนาการอะไรจนเกินเหตุเกินผลไปหรือไม่ อันนี้เป็นจุดด้อยของชาวฤกษ์นี้ 9.1 อาศเลษา-สมโณฤกษ์ .....ผู้กำเนิดในฤกษ์นี้หรือมีจันทร์กำเนิดในฤก์นี้มักมีมารดาเป็นคนมีฐานะค่อนข้าจัดว่าดี หรือ สูงศักดิ์มาก่อน แต่ต้องตกระกำลำบาก ไปอยู่ต่างถิ่นต่างเมือง แต่ก็ได้คุณนั่นแลเป็นอภิชาตบุตร ทำให้สามารถกลับมายังฐานะหรือภูมิลำเนาเดิมได้ ชีวิตมักรุ่งโรจน์ แต่คุณมักจะมีบุตรยาก เมื่อเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต ก็จะมีภัยหรือโจรมาแย่งชิงสมบัติหรือถึงกับปองร้ายคุณและลูกหลานด้วยอาวุธ คุณเองก็จะปลงใจที่จะยกสมบัติให้กับโจรนั้นแต่โดยดีทั้งที่หากจะขัดขืนต่อสู้คุณก็สามารถกระทำได้ ชาวฤกษ์นี้เปรียบดั่งเทียนคู่ ที่ถูกจุดไว้เพื่อบูชา แต่แสงเทียนนั้นมิอาจคงทนถาวรได้ตลอดทั้งวัน แต่กระนั้นก็ยังสามารถเปล่งแสงสว่างที่งดงามและน่าชื่นชมยิ่งนัก คุณเป็นคนมีอุดมการณ์ รักความสงบรักสันโดษ ขยันบากบั่น เป็นนักบุกเบิกที่ดี มีความภาคภูมิใจและมั่นใจในตัวเอง มีปารถนาและศรัทธาที่แรงกล้าอันทำให้ผู้อื่นประทับใจอยู่เสมอ รักอิสระ อ่อนโยน ชอบเข้าหาศาสนา ชอบของโบราณ ชอบศึกษาค้นคว้าในศาสตร์อันลุ่มลึก 9.2 เชษฐา-สมโณฤกษ์ .....คุณเป็นคนมีเชื้อตระ***ลที่ดี มีรูปร่างงาม พูดจานุ่มนวล อ่อนหวาน บุคลิกดูสงบเสงี่ยมสำรวม มีนิสัยเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อันเป็นเสน่ห์ที่สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้พบเห็น จนผู้อื่นมองว่าคุณเป็นอัจฉริยบุคคลเลยก็ว่าได้ แต่คุณย่อมรู้แก่ตัวคุณเองว่าแม้การพูดจาท่วงท่าที่น่าเชื่อถือชัดถ้อยชัดคำมีเหตุมีผลท่วมท้นนั้น แต่แท้จริงแล้วมีความเท็จปะปนอยู่ในนั้นเสมอ อย่างไรก็ตามจัดว่าคุณเป็นคนมีบุญเก่า ทำให้คุณเจริญรุ่งเรืองได้ตั้งแต่ช่วงต้นวัยทำงานจนถึงบั้นปลายแห่งชีวิต คุณเป็นคนมีอุดมการณ์ รักความสงบ บากบั่นบุกเบิก ชอบแสวงหาสัจจธรรมแห่งชีวิต มีความปรารถนาและศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ผู้อื่นประทับใจอยู่เสมอ รักอิสระ อ่อนโยน ชอบศึกษาในศาสตร์ต่างๆ คุณเป็นคนรักสงบก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เปิดรับอะไรเลย คุณยังเป็นคนชอบท่องเที่ยว จาริกแสวงบุญไปหาที่สงบยังสถานที่ต่างๆ ชอบไปคนเดียวไม่ชอบไปโดยมีหมู่คณะที่ยกกันไปเป็นโขยง 9.3 เรวดี-สมโณฤกษ์ .....คุณมักจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรมักเป็นไปตามกระแสของผู้อื่น เห็นเขาทำก็ทำบ้างโดยมักไม่ค่อยคิดให้รอบคอบเสียก่อนว่าสิ่งที่เขาทำกันนั้นถูกต้องดีงามหรือไม่ หรือ ทำแล้วได้ผลตามที่กล่าวอ้างกันหรือไม่ เช่น การทรงเจ้าเข้าผี ทำเสน่ห์ แก้เคล็ดต่อชะตา ฯลฯ พวกนี้เป็นต้นเหล่านี้มักอาจทำให้คุณถูกหลอกลวงได้ทั้งสิ้น แต่ผู้ที่เกิดในเรวดีฤกษ์นี้มักคิดว่าหากสิ่งนี้เป็นเรื่องหลอกลวง ทำไมคนอื่นตั้งเยอะตั้งแยะเขาจึงเชื่อถือกัน ชาวฤกษ์นี้ก็มีบุคลิกของสมโณฤกษ์ทั้งนั้น คือเป็นผู้รักสงบ ไม่ชอบการขัดแย้งมีปัญหากับใครๆ ใครว่าอย่างไรก็ว่ากันตามนั้น ยอมรับในกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติต่างๆ ในสังคม เชื่อผู้นำ สยบยอมทำตาผู้มีอำนาจวาสนา ด้วยจิตที่เห็นว่าผู้นั้นเป็นคนดี ผู้กำเนิดหรือมีจันทร์กำเนิดในฤกษ์นี้ หากได้บวชเป็นนักบวช ก็มักจะอยู่ยั่งยืนในพระศาสนา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:09:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 12 (1803) | |
8.ราชาฤกษ์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:09:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 11 (1802) | |
7.เพชฌฆาตฤกษ์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:08:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 10 (1801) | |
6. เทวีฤกษ์ .....เทวีฤกษ์ผู้งามดั่งนางพญา ดังนั้นจึงมักเป็นคนที่มีเสน่ห์ มีกิริยาท่วงท่าสง่างาม ดูอ่อนกว่าวัยเป็นที่ตรึงใจแก่ผู้พบเห็น เป็นฤกษ์เพศหญิง ทำให้ชาวฤกษ์นี้เป็นคนรักสวยรักงาม แต่แฝงไว้ด้วยพลังอำนาจน่าเกรงขาม เวลาโกรธมักดูน่ากลัวมาก มีความพิถีพิถันค่อนข้างมาก มักมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับสตรีเพศ ถ้าชายท่านใดรับอิทธิพลของฤกษ์นี้เข้าไปมากก็อาจจะทำให้ดุกระตุ้งกระติ้งมากเกินไป 6.1 อารทรา-เทวีฤกษ์ .....ในวัยเยาว์มักกำพร้า หรือ มักขัดแย้งกับบิดามารดา นิสัยน่ารักน่าเอ็นดู เป็นคนที่ใฝ่ใจในการศึกษาเป็นอย่างดี ชีวิตมักเจริญรุ่งเรืองมั่นคง มีคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือดี กิริยามารยาทดี มีพลังอำนาจแรงกล้า 6.2 สวาติ-เทวีฤกษ์ .....มักไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว มักไปอยู่ต่างถิ่นต่างแดน เป็นคนชอบในการบริโภค ชอบอาหารที่หรูหรา เป็นคนรูปงาม มีเสน่ห์ สง่าและนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม มักเป็นที่พึ่งของผู้ตกทุกข์ได้ยาก มีอารมณ์ช่างคิดช่างฝันช่างจินตนาการ รักง่ายหน่ายเร็ว มักเป็นคนที่ดิ้นรนแสวงหาความสุขสมหวังและความรื่นรมย์แต่มักทำให้ตนเองลำบากยุ่งยาก และมักประสบเรื่องผิดหวังบ่อย บั้นปลายชีวิตให้ระวังเกี่ยวกับการกินอาหารผิดสำแดงด้วย 6.3 ศตภิษัช-เทวีฤกษ์ .....มักถูกผู้อื่นกระทำความคับข้องใจให้อึดอัดขัดข้องโดยที่หาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ชัดเจนว่าเขาทำเพราะเหตุใด คนฤกษ์นี้เป็นคนมีเสน่ห์ ท่วงทีสง่างาม มีอำนาจพลังที่แรงกล้าผสมกับความนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน เป็นคนรักสวยรักงาม มักเข้าไปเกี่ยวข้องกับสตรีไม่ว่าจะเป็นทางธุรกิจหรือเพื่อนฝูง ดีเกี่ยวกับธุรกิจของสตรี เครื่องประดับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2004-09-24 02:08:00 IP : |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1980404 |