ReadyPlanet.com


อ.สิทธาผมทำท่าจะจบช้ากว่าเพื่อนแล้วครับ


สงสัยเสียเงินไปมากกับภพปุตตะจริงการศึกษา อ.ครับผมดวงเรียนจบยากจบเย็นจังเลยครับ


ผู้ตั้งกระทู้ นศ.ทพ.ชานนท์ :: วันที่ลงประกาศ 2007-03-11 23:42:44 IP : 124.121.176.48


1

ความคิดเห็นที่ 8 (1035156)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-04 19:05:05 IP : 203.146.127.176


ความคิดเห็นที่ 7 (1032972)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-04 11:59:28 IP : 203.146.127.178


ความคิดเห็นที่ 6 (861445)

ขอบคุณอ.มากครับ เมื่อก่อนความจำดีฝึกสมาธิบ่อยพอนิวรณ์เล่นงานมากๆปัญญาก็ปิดต้องหมั่นฝึกเหมือนเดิมแล้วผม         

ผู้แสดงความคิดเห็น นศ.ทพ.ชานนท์ วันที่ตอบ 2007-03-16 13:20:22 IP : 124.121.175.89


ความคิดเห็นที่ 5 (860648)

คนเราสมัยนี้ควรจะหันมาแสวงหาของวิเศษภายในตัวที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบคนแรกน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ   คนเรานี่ก็แปลกชอบวิ่งไขว่คว้าแต่วัตถุมงคลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกตัวต่างๆนาๆ ทั้งๆที่ของเหล่านั้นก็เกิดจากอำนาจจิตของมนุษย์นี่แหละเป็นผู้บริกรรมภาวนาให้เป็นไป  แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยชอบลงมือทำเองชอบแต่จะเก็บเกี่ยวชื่นชมจากผลงานที่ผู้อื่นเขาทำได้แล้ว   ซึ่งตัวเองก็มีของวิเศษดังกล่าวแต่ไม่ยอมลงมือปฏิบัติกันเอง   เลยไม่เป็นตัวของตัวเองต้องพึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นร่ำไป  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธาฯ วันที่ตอบ 2007-03-15 20:40:32 IP : 203.150.87.172


ความคิดเห็นที่ 4 (860639)

มีประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของคุณลุงท่านหนึ่งที่เห็นว่าน่าสนใจเลยนำมาให้อ่านเพิ่มเติมดังนี้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธาฯ วันที่ตอบ 2007-03-15 20:23:41 IP : 203.150.87.172


ความคิดเห็นที่ 3 (858373)

ประวัติ "สามเณรกัมปนาท เขมดำรง"   นำมาจาก : -

http://www.dhammakaya.org/interview/interview005.php

ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธาฯ วันที่ตอบ 2007-03-14 10:14:58 IP : 210.203.179.167


ความคิดเห็นที่ 2 (858359)

เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ศึกษาโหราศาสตร์ไทย  มาหลายสิบปีได้เล่าให้ผมฟังว่า   เพื่อนของท่านฝึกสมาธิแบบวิชชาธรรมกายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำค้นพบโดยบังเอิญ   แล้ววันหนึ่งได้มีโอกาสไปเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต   เพื่อนของท่านเล่าให้ฟังว่าเวลาที่เขาอยู่ในบริเวณพิธีบรรดาม้าทรงไม่สามารถเชิญเทพเจ้าประทับทรงได้     แต่พอเพื่อนคนนี้ได้เดินถอยห่างออกไปจากบริเวณงานพิธีไกลพอสมควรก็ปรากฏเห็นเทพพุ่งจากเบื้องบนเข้าร่างม้าทรงทันที    ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนที่ปฏิบัติสมาธิจนเข้าถึงกายละเอียดภายในระดับ  "ธรรมกาย"  นั้น จะปรากฏกายละเอียดเป็นพระเกตุดอกบัวตูมขนาดใหญ่ใสเป็นแก้วครอบตัวเขาตลอดเวลา    

ดังนั้น  จึงทำให้เทพเบื้องบนไม่สามารถข้ามเศียรพระธรรมกายที่ครอบตัวชายคนนี้ได้   ด้วยเกรงในพุทธานุภาพจึงทำให้ไม่สามารถประทับร่างของม้าทรงได้นั่นเอง   ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกัน   แม้เพื่อนคนนี้ไปวัดพระแก้วก็มักเห็นเทวดาทั่วไปแต่เท้าของเทวดาลอยเหนือพื้น  และจะหันมายกมือไหว้พระธรรมกายที่ครอบตัวเขาอยู่ (ไม่ได้ไหว้ชายคนนี้แต่ไหว้พระธรรมกาย)  เรื่องเหล่านี้ลองถามพวกฝึก "มโนมยิทธิ"  หรือคนที่ได้สมาธิระดับสูงจนเข้าถึงกายภายในของเราในระดับธรรมกายดูว่าจริงหรือไม่" 

โหราศาสตร์เรียนได้แต่อย่าไปหลงงมงายกับมันมาก  เพราะไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราได้หลังจากละสังขารแล้ว  เป็นความรู้ที่ช่วยบรรเทาทุกข์ทางโลกได้บางส่วนเท่านั้น    แต่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งภายในของเราได้แบบ  "ข้ามภพข้ามชาติ"  เหมือนวิชาพระ  ผมเองก็พยายามหาบ้านที่แท้จริงภายในอยู่แม้จะยังไปไม่ถึงไหนก็ตาม(เห็นบ้างดับบ้าง)เพราะภารกิจการงานจึงทำให้การปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง  แต่ก็คิดว่าวิชาพระของพระพุทธเจ้าเท่านั้น  คือ  ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของสัตว์โลกที่จะเป็น  "บ้านที่แท้จริง"  ของสัตว์โลก  เป็นอริยทรัพย์ที่ใครก็ปล้นเอาไปไม่ได้

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธาฯ วันที่ตอบ 2007-03-14 10:03:33 IP : 210.203.179.167


ความคิดเห็นที่ 1 (858322)

  

 

 

สามเณรกัมปนาท เขมดำรง

อายุ ๑๑ ปี ชั้น ป.๖ ร.ร.มงฟอร์ตวิทยา เชียงใหม่

คุณพ่อเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มาบรรพชาเป็นสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๘ พ.ศ.๒๕๔๔ และเข้ารับการอบรมพระกัมมัฏฐาน รุ่นที่ ๔๑

 

-ใครแนะนำสามเณรมาบวช ?

คุณพ่อได้รับจดหมายจากทางวัด จึงพามาบรรพชาเป็นสามเณรครับ

-ลำบากไหม ต้องเดินทางมาไกลอย่างนี้ ?

ไม่ลำบากครับ จากเชียงใหม่ก็เดินทางใช้เวลา ๘-๑๐ ชั่วโมง ความจริงผมเคยมาวัดนานแล้ว ตอนปิดเทอมครับ

-ก้าวแรกที่เข้ามาวัดรู้สึกอย่างไร ?

เข้ามาแล้ว เห็นอุโบสถแล้วคิดว่าสวยงามมากครับ ชอบน้ำพุที่หมุนๆ ครับ

-กิจกรรมแต่ละวัน และความเป็นอยู่ระหว่างบวช เป็นอย่างไร ?

ก็ฉันเช้า พักซักแป๊บนึง ก็ฉันเพล แล้วให้นอนพักผ่อน แล้วฝึกสมาธิ แล้วทำวัตร กิจกรรมที่นี่ไม่เครียดครับ สบายๆ อาหารก็ดีครับ มีหลายอย่าง ไม่ค่อยซ้ำกัน ที่พักก็ไม่ร้อน นอนได้ครับ

-การบรรยายธรรมะของพระอาจารย์แต่ละท่าน เป็นอย่างไร ?

การบรรยายถือว่าดี มีสาระเยอะมากเลยครับ บางทีจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟังก่อนแล้วบรรยาย แต่ถ้าต้องการให้จดบันทึก ท่านน่าจะพูดให้ช้ากว่านี้จะดีครับ

-คุณพ่อคุณแม่พาเข้าวัดบ่อยไหม ?

ปกติพ่อแม่เข้าวัดบ้างครับ ในวันสำคัญทางศาสนา

-อยู่ที่บ้าน ทำอะไรบ้าง ?

กลับจากโรงเรียน ทำการบ้าน แล้วไปว่ายน้ำครับ ในวันหยุดก็พักผ่อนอยู่บ้าน บางทีคุณพ่อพาไปห้างสรรพสินค้าครับ

-ปกติสนใจในทางพระพุทธศาสนาไหม ?

ไม่ค่อยสนใจครับ ธรรมะต่างๆ รู้จักจากหนังสือ โรงเรียน ถ้าสงสัยก็ไปถามคุณพ่อ แล้วคุณพ่อก็จะบอกครับ

-แล้วเรื่องนรก-สวรรค์ล่ะ ?

ก่อนมาบวชนี่ไม่สนใจ คิดว่ามี แต่ก็ไม่ได้สนใจครับ แต่จะไม่ทำไม่ดี เพราะเดี๋ยวจะตกนรกครับ

-เคยฝึกสมาธิมาก่อนหรือไม่ ?

ที่บ้านเคยฝึกสมาธินิดหน่อยครับ ไม่ทุกวัน ครั้งนึงไม่ถึง ๕ นาทีเลยครับ ตั้งแต่ประมาณ ป.๓ อายุ ๘-๙ ขวบ ได้เห็นองค์พระ คุณพ่อก็แนะนำให้ แต่ยังไม่เคยฝึกไล่ ๑๘ กาย ถ้าได้ทำจะดีกว่า เพราะจะทำให้พื้นฐานเราดี ชำนาญในการเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌานครับ

-ตอนได้ธรรมกาย รู้สึกอย่างไร ?

ความรู้สึกขณะอยู่ในธรรมกาย ก็ไม่รู้สึกอะไร ยินดียินร้ายอะไร [เป็นอุเบกขา]

-รู้สึกว่ายากไหม ?

ไม่ยากครับ แล้วแต่คนครับ ว่าจิตเขาบริสุทธิ์แค่ไหน ผมก็ทำไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ต้องใช้ความพยายามมากอะไร นั่งไม่นานก็เห็นครับ

-ลักษณะพระธรรมกายเป็นอย่างไร ?

ผมเห็นเป็นองค์พระใหญ่ ประมาณตึกสามชั้น ๒๐ วา พระธรรมกายเกตุดอกบัวตูม ไม่มีผ้ารัดอก ห่มจีวรหมุนขวา ไม่เคยเห็นหมุนซ้ายครับ

-นรก/สวรรค์ ที่ได้พบเห็น มีลักษณะอย่างไร ?

ตอนได้ไปดูสวรรค์ พื้นที่เห็นดูคล้ายเมฆครับ ได้เห็นเทพเทวดาต่างๆ เราก็ไปถามเขาว่าเขาทำความดีอะไรมา จึงได้มาอยู่สวรรค์   ในนรก ลักษณะส่วนใหญ่เป็นถ่านแดงๆ เห็นสัตว์นรก น่าเกลียดครับ เขาทำบาปต่างกัน ได้รับผลต่างกัน ก็ให้รู้ว่า ทำไม่ดีตายแล้วจะเป็นอย่างไรครับ

-แล้วเทวดามีลักษณะอย่างไร ?

เหมือนคน แต่มีชฎาครับ ไม่ใส่เสื้อ มีสร้อยสังวาลย์คล้องอยู่ มีวิมานคล้ายๆ อุโบสถของเรา แต่ของเขาจะละเอียดอ่อนมาก แล้วก็มีหลายขนาด แล้วแต่บุญของแต่ละคนครับ วิมานขนาดเล็กก็มี เป็นของคนที่ยังไม่ตาย ยังว่างๆ อยู่ มีนางฟ้ามารออยู่ด้วยครับ

-ศิลปะของเขาเหมือนของไทยไหม ?

คล้ายของประเทศไทย แต่รูปทรงเขามีความละเอียดอ่อนเยอะครับ ละเอียดมาก ไม่เหมือนทางคริสต์ ไม่มีเทวดาฝรั่งครับ

-ถ้ามีคนมาพูดว่า การสอนธรรมะ ไม่จำเป็นต้องเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ สามเณรคิดอย่างไร ?

พูดอย่างนั้นเป็นการลบหลู่ศาสนาครับ เพราะพระสารีบุตรพระโมคคัลลานะยังไปดูนรกสวรรค์มาแล้ว    เราเห็นสวรรค์ แล้วจะเป็นเหตุให้เราทำความดีครับ แล้วก็ไม่ [ยึด] ติด ไม่ให้ไปนิพพาน แต่จะเป็นการโน้มน้าวจิตใจให้ทำความดีเยอะขึ้น เห็นนรกแล้วก็เป็นเครื่องโน้มน้าวให้ทำความดีละความชั่ว ให้เกรงกลัวต่อบาปครับ

-แล้วสามเณรไปดูชั้นพรหมไหม ?

ครับ พรหมจะมีรัศมีแตกต่างกัน แล้วแต่ใครจะทำความดีมาเยอะขนาดไหน จะสร้างบารมีมาขนาดไหนครับ ถ้าเป็นมหาพรหมก็รัศมีมากครับ และรัศมีก็มากกว่าเทวดาด้วย กายพรหมก็ใหญ่กว่าเทวดา ๒-๓ เท่าแล้วแต่ชั้นพรหมครับ ที่ไปตรวจนรกสวรรค์นี้ แต่ละชั้นผมไปดู [พอให้รู้] แค่แป๊บเดียวครับ

-ถ้ามีคนว่าที่เห็นนั้นเป็นการนึกเอาเองล่ะ ?

มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะเราต้องมองไปให้เห็นจักรวาลก่อน แล้วค่อยเข้าไปตรวจดูแต่ละภพๆ เพราะเราจะนึกได้เฉพาะสิ่งที่เราเคยเห็นแล้วจำได้ ถ้านึกก็จะเห็นอย่างนั้นละครับ แต่ที่เห็นด้วยธรรมกายนี่เราไม่เคยรู้เคยเห็นครับ ผมเคยคุยกับเพื่อนที่อยู่ฝึกภาวนาอยู่ชั้นเดียวกัน เขาก็เห็นเหมือนกันครับ เขาก็ขึ้นปฏิบัติชั้นสูงพร้อมกับผมครับ และตอนที่เห็นเราต้องมีสติสัมปชัญญะ ไม่เคลิ้มครับ

-วิชชาธรรมกายมีประโยชน์อย่างไร ?

จะทำให้เรามีสมาธิ และเรียนหนังสือเก่งครับ ไม่ฟุ้งซ่าน ตัดสินใจได้ดีขึ้น มีสติไม่เหม่อลอย เพ้อเจ้อไปนอกเรื่องครับ เป็นการบำเพ็ญบารมีด้วยครับ เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แล้วก็ยังแผ่กุศลไปให้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง พระอุปัชฌาย์ครูอาจารย์ ทั้งสัตว์โลก แล้วเทวดาสัตว์นรกได้ครับ แต่เป้าหมายหลักก็คือบำเพ็ญบารมี เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานครับ ช่วยตนเอง และช่วยคนอื่น เช่นช่วยให้ดวงธรรมของเขาใสขึ้นได้ครับ

-ช่วยเรื่องการเรียนมากแค่ไหน ?

ช่วยได้มากครับ อย่างเช่น ถ้าต้องอ่านหนังสือ ๑๐ รอบ อาจจะอ่าน ๒-๓ รอบ ก็จำได้ครับ เข้าใจได้เร็ว โดยอ่านแล้วให้เข้าไปในศูนย์กลางกายครับ

-การฝึกภาวนาที่บ้านกับที่วัดต่างกันอย่างไร ?

ไม่เหมือนกันครับ มีเสียงรถรบกวน เพราะบ้านอยู่ติดถนนครับ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร คุณพ่อก็ปฏิบัติธรรมด้วยครับ

-การมาบวชครั้งนี้ เราได้ประโยชน์อะไรบ้าง ?

เราต้องนอนตื่นเช้า ไม่ขี้เกียจ เรามาฝึกสมาธิ ให้มีสติ ไม่เหม่อลอย มาฝึกระเบียบวินัย ทำอะไรให้มีระเบียบ ไม่เล่นจนเกินไป ไม่ใช่มาเล่น เรามาฝึกตนครับ ได้มาศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าครับ ซึ่งน้อยคนที่จะได้มารู้เห็น  ทำให้ชีวิตเราเจริญ รู้ทางเจริญทางเสื่อมครับ

-ฝึกสมาธิแล้ว ถ้าพบสิ่งที่มีน่าชอบใจ เช่นมีคนทำให้เราโกรธ เราจะทำอย่างไร ?

เราต้องมีขันติ ต้องไม่สะทกสะท้านในการกระทำของผู้อื่น  ถ้าเขามาว่าเรา เราก็ไม่โต้กลับ ก็พยายามอดกลั้น เฉย ไม่สนใจ แต่ถ้ามาหนักก็คงต้องเข้ากลางธรรมกาย แผ่เมตตาให้เขาครับ

-แล้วสำหรับสิ่งน่าชอบใจ เช่น การเล่นเกมส์ล่ะ ?

เราต้องมีสติ สมาธิขณะเล่น รู้ตัวเมื่อจะเล่นเกินไปแล้ว ไม่เล่นอย่างเอาเป็นเอาตายครับ

-นึกถึงคนที่ไม่ได้มีโอกาสมาปฏิบัติอย่างเราไหม ? จะชักชวนแนะนำคนอื่นหรือไม่ ?

ครับ เราต้องพยายามสอนเขา ต้องมีวิธีสอน ๒ อย่าง คือ แบบละมุนละไม คือสอนให้รู้ความดี รู้หนทางแห่งความเจริญ ให้รู้จักและทำแต่กายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต แบบรุนแรง ก็ให้รู้บาป ให้เขาเกรงกลัวบาป หิริโอตตัปปะ ให้รู้และไม่ทำกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ถ้าเขายังไม่รับ ก็ถือว่าตอนนี้เขายังไม่มีบุญพอครับ

-คิดว่า ศีล ๕ จำเป็นสำหรับชีวิตไหม ?

จำเป็นครับ ออกไปผมก็จะถือศีล ๕ แต่ข้อแรกทำยาก คือ ปาณาฯ ต้องระวังเรื่องตบยุงครับ

-จะฝากอะไรถึงเพื่อนๆ เยาวชนบ้าง ?

อยากให้เขามาสนใจมาฝึกสมาธิให้มากขึ้น และขอให้ตั้งใจฝึกด้วย เพราะจะทำให้ได้บุญกุศล เรียนหนังสือเก่ง ระงับอารมณ์ได้ แก้ปัญหาได้ดีครับ

-ปีหน้าจะมาบวชอีกไหม ?

มาครับ.

 

 

หมายเหตุ...ถ้าอยากเรียนเก่งก็ต้องหมั่นภาวนา  จะได้ฝึกจิตให้มีสมาธิมีสติสมบูรณ์รอบรู้ทันจิต ไม่หลงลืมง่าย  ยิ่งสมาธิแก่รอบมากเท่าไร(สติถี่จนเป็นมหาสติ)ก็จะเกิดฌาน  และญาณตามมาเองครับ   เคยได้ศึกษาจากเด็กนักเรียนที่ได้ฝึกสมาธิตามแนววิชชาธรรมกายเขาให้ฟังว่าเวลาอ่านหนังสือไปแล้ว   พอเข้าห้องสอบกำหนดนึกที่ศูนย์กลางกายก็จะเห็นภาพหน้าหนังสือที่เราเคยอ่านชัดเจนแจ่มแจ้งทันที    เรื่องเหล่านี้ต้องลองนำไปฝึกหัดดูนะครับ  พูดมากไปคนไม่เคยทำก็หาว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหลไป 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธาฯ วันที่ตอบ 2007-03-14 09:38:16 IP : 210.203.179.167



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.