รบกวนสอบถามว่าอธิกมาสทีาจะถึง คือวันที่เท่าไหร่เดือนอะไรคะ

แม่งโครตงงงเลยวะ

แม่งโครตงงงเลยวะ

ลองเอาปี 2555 ตั้งแล้วทำไมเศษ ถึงเป็นทั้งปี อธิกมาศ/อธิกวาร

sex

แม่งโครตงงงเลยวะ

ทำให้รู้ขึ้นเยอะเลยอ่ะ

ก็ดีนะ

เข้าใจดี

(อยากมีแฟน) �๛ จบ๛

ความหมายของคำว่า   "อธิก" แปลว่า   เกิน, มาก,  เพิ่ม    ส่วนคำว่า "วาร" แปลว่า "วัน"    และ "มาส"  แปลว่า "เดือน"   ดังนั้น

1.อธิกมาส   หมายถึง  เดือนที่เพิ่มขึ้นในปีจันทรคติ  คือ ในปีนั้น มี 13 เดือน หรือมีเดือน ๘ สองหน

2.อธิกวาร  หมายถึง วันที่เพิ่มขึ้นในปีจันทรคติ  คือ ในปีนั้นเดือน ๗ เป็นเดือนเต็ม  มี 30 วัน

เนื่องจากปฏิทินจันทรคติกำหนดให้  1 ปี มี 12 เดือน   โดยแบ่งเป็นเดือนเต็มและเดือนขาด  ดังนี้ 

1.เดือนเต็ม คือ เดือนที่เป็นเลขคู่ ได้แก่ เดือน ๒, ๔, ๖, ๘, ๑๐  และ ๑๒  จะมี 30 วัน       (ข้างขึ้น 15 วัน และข้างแรม 15 วัน) 

2. เดือนขาด  คือ  เดือนที่เป็นเลขคี่  ได้แก่เดือน ๑, ๓, ๕, ๗, ๙  และ ๑๑ จะมี 29 วัน(ข้างขึ้น 15 วัน  และข้างแรม 14 วัน)

โดยแบ่งจำนวนวันใน 1 ปี ตามปีจันทรคติ  เป็น  3  ประเภทคือ  

1. ปกติมาส  คือ ปีที่เป็นปกติ มีเดือนคู่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 15 วัน     และมีเดือนคี่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 14 วัน       รวมวันใน 1 ปี   = 354 วัน

2. อธิกวาร   คือ ปีที่เป็นปกติ แต่ในเดือน ๗ จะมีข้างแรม 15 วัน(เพิ่มจากปีปกติมา 1 วัน)    รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+1 = 355 วัน

3. อธิกมาส  คือ ปีที่มีเดือนแปดเพิ่มอีกเดือน หรือที่เรียกกันว่า มีเดือนแปดสองหน
รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+30 = 384 วัน

           ทั้งนี้  ปฏิทินจันทรคติที่คำนวณในไดอารี่โหร  และในปฏิทินโหราศาสตร์ ของ  อ.ทองเจือ   อ่างแก้ว  ยึดหลักคำนวณวันออกพรรษาให้ถูกตามหลักพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ  คือ  วันปวารณาออกพรรษาจะต้องเป็นวันเพ็ญ  แลตามปฏิทินจันทรคติของไทย วันออกพรรษาก็จะตรงกับ  วันขึ้น ๑๕ ค่ำ  เดือน ๑๑ ดังนั้นจึงต้องคำนวณวันขึ้น  ๑๕ ค่ำ  เดือน ๑๑  ให้ตรงกับจันทร์เพ็ญจริงๆ บนท้องฟ้า ซึ่งสามารถคำนวณได้ว่าตรงกับวันที่เท่าไร เดือนอะไร ซึ่งสามารถคำนวณได้ทุกๆ ปี ส่วนการที่จะทราบว่าเป็น ปีปกติ  ปีอธิกวาร  ปีอธิกมาส ก็ให้คำนวณจำนวนวันจากวันออกพรรษาของปีหนึ่ง  ไปถึงวันออกพรรษาของอีกปีหนึ่งว่าได้เท่าไร แล้วเทียบกับจำนวนวันใน ๑ ปี ข้างบนนั้นก็จะทราบว่าปีนั้นเป็น  ปีปกติ หรือเป็น ปีอธิกวาร หรือเป็น ปีอธิกมาส

หรือคำนวณคิดอีกวิธีหนึ่งคือ 

หาปีอธิกมาส  ให้ตั้ง พ.ศ. ของปีที่ต้องการลง เอา 2351 ลบ แล้วเอา 19 หาร ถ้าเศษ  3-6-9-11-14-17-0 เป็นปีที่มีอธิกมาส นอกจากเศษที่กล่าวแล้วไม่มีอธิกมาส เช่น พ.ศ.2536 -2351 = 185 หารด้วย 19 = 9  เศษ 14  เป็นปีอธิกมาส

หาปีอธิกวาร    คือเดือน ๗ ถ้วน ให้ตั้ง พ.ศ. ของปีที่ต้องการลง เอา 2348 ลบ เอา 38 หาร เศษ 6-11-17-22-28-33-0 เท่านี้เป็นปีที่มีอธิกวาร ถ้าลบไม่ได้ให้เอา 11 บวกแล้วจึงหาร เศษดังกล่าวแล้วควรเพิ่มอธิกวาร   เช่น  ปี พ.ศ. 2549 -2348  = 201 หารด้วย 38 = 5  เศษ 11 เป็นปีอธิกวาร

หมายเหตุ.......เหตุที่เกิดอธิกวาร (วันเพิ่ม) และอธิกมาส (เดือนเพิ่ม) เนื่องจากในจันทรคติ ปีหนึ่งมี ๑๒ เดือนก็จริง แต่มีจำนวนวัน ๓๕๔ วัน แม้พระจันทร์โคจรรอบโลกแล้ว ๑๒ ครั้ง คือ ๑๒ เดือน แล้วก็ดี แต่โลกยังหาได้โคจรไปรอบปริมณฑล องศาของดวงอาทิตย์ครบ ๑๒ ราศี หรือ ๓๖๐ องศา ไม่ถ้าเทียบกับปีสุริยคติ ซีงมี ๓๖๕ วัน แล้วปีจันทรคติมีวันน้อยกว่าปีสุริยคติถึงปีละ ๑๑ วัน ภายในเวลาสามปีเวลาจะเหลื่อมกันถึงหนึ่งเดือนกว่า อันเป็นสาเหตุให้ฤดูกาลตามสภาพธรรมดาโลก (ฤดูร้น ฝน หนาว ฯลฯ) ไม่อยู่ในกำหนดเวลาตามที่เป็นจริง เช่น เดือน ๕ (เมษายน) เป็นเดือนร้อนจัดตามปรกติ ถ้าปล่อยให้เหลื่อมเวลาไปเรื่อย ๆ ต่อไปๆ หน้าร้อนอาจตรงกับเดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม ฯลฯ ก็ได้ ดังนั้นเพื่อรักษาสภาพธรรมดาโลก ให้ปีเดือนทางจันทรคติทันกับสุริยคติจึงต้องเพิ่มเดือนพระจันทร์คือเดือน ๘ ขึ้นอีกหนึ่งเดือน ในปีที่ ๒ บ้างที่ ๓ บ้าง ดังปรากฎในปีที่เพิ่มขึ้น เดือนพระจันทร์จึงมี ๑๓ เดือน เดือนที่เพิ่มเรียกว่าเดือนแปดสองหนหรือเดือนแปดสองแปด (ครั้ง) เรียกตามศัพท์ว่า อธิกมาส ในปฏิทินเขียนเดือนแปดที่เพิ่มมาเป็น ๘ ๘ หรือ 8 8 หรือ อาจจะเขียน ๘,๘ หรือ 8.8 ให้เป็นที่เข้าใจดังกล่าว

  *****************