|
เปิดสอนโหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนา ฟรี!!! โดย อาจารย์ สอ้าน นาคเพชรพูล | |
เปิดสอนโหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนา ฟรี!!!
ความคิดเห็นที่ 1 โดย คุณ สอ้าน(สีดิน) ก่อนอื่นผมต้องขอยกเอาสัจจะของอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์มากล่าวกันก่อน ซึ่งทุกคนที่จะเรียนต้องยึดถือและปฏิบัติ ดังนี้ (๑)จะเปิดเผยตำรานี้ไม่ได้ ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ ยกเว้นแต่จะสอนศิษย์ (ทั้งหมดนี้คัดมาจากประชุมเรื่องสิบลัคน์ ฯลฯ หน้า ๗๘-๗๙) ทุกท่านที่จะเข้าเรียนในบทเรียนที่จะมีในอันดับต่อไปต้องปฎิบัติตาม หากท่านใดท่านหนึ่งตั้งใจละเมิด บาปจะตกแก่ท่าน ซึ่งผมไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้ เพราะเป็นสัญญาจากใจของท่าน ที่ควรมีต่อท่านบูรพาจารย์โหรที่ล่วงลับไปแล้ว
sarnsidin@yahoo.com ได้ครับ!!!
หลักของโหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนาดั้งเดิมที่ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์ ใช้ดวงดาวเพียง ๑๐ ดวงมาผูกดวงชะตาพยากรณ์ ซึ่งมีดังนี้ เนื่องจากเวลาปฐมฤกษ์มีจำกัด จึงยังไม่อาจต่อให้จบบท ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย จะรีบเขียนบทเรียนต่อในคืนนี้ครับ
โหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนา เสาร์(๗-ส.)ดาวดวงนี้หมายถึงอุปสรรค ความทุกข์ ความเชื่องช้า ถ้าเป็นทรัพย์สินก็หมายถึงบ้านและที่ดิน ดาวทั้ง ๑๐ ที่นำมากล่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น รายละเอียดยังมีอีกมาก แต่การนำเอามากล่าวในตอนนี้ทั้งหมดจะเป็นการเสียเวลา อยากจะรวบรัดให้ทุกท่านสามารถทายดวงชะตาได้เร็วขึ้น เมื่อคล่องตัวจึงค่อยศึกษาค้นคว้าละเอียดอีกทีหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดของดาวแต่ละดาวสามารถหาอ่านจากตำราทั่วไปได้ แต่จะอย่างไรก็ตามมันก็เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนต้องจำให้ได้ขึ้นใจ เพราะพอผูกดวงชะตาแล้ว การพยากรณ์จะต้องเริ่มไปจากจุดนี้ เช่นดาวอะไรอยู่ในจุดใดของดวงชะตา ก็สารมารถรู้ได้ว่าใครจะดีจะร้ายในทางใด เพราะดาวแต่ละดาวนอกจากมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมันแล้ว ต่อไปมันจะแสดงอิทธิพลในฐานะเจ้าเรือนอีกด้วย (ตอนต่อจากนี้เป็นบทที่ ๒ ดาวศุภเคราะห์และบาปเคราะห์
ดาว ๑๐ ดวงตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ตามหหลักการพยากรณ์ได้แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือกลุ่มให้โทษกลุ่มหนึ่ง(บาปเคราะห์)และกล่มให้คุณอีกกลุ่มหนึ่ง(ศุภเคราะห์) กลุ่มให้โทษคือ อาทิตย์(๑) อังคาร(๓) เสาร์ (๗) ราหู(๘) มฤตยู(๐) แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อท่านได้ศึกษาในระดับสูงขึ้นไป ดวงดาวทั้งหมดมีทั้งการให้คุณและให้โทษ คือเปรียบเป็นมีด ๒ คม อยู่ที่ว่ามีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่นดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งทางโหรยกย่องกันว่าเป็นดาวแห่งความสำเร็จ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ก็สามารถพลิกกลับมาให้โทษได้ถึงขั้นล้มละลาย บทที่ ๓ ธาตุของดาว ดาวทั้งหหมดตามตำนานการพยากรณ์หรือตำนานโหราศาสตร์ ได้กำหนดธาตุไว้ดังนี้ อาทิตย์ (๑) เสาร์ (๗) เป็นดาวคู่ธาตุไฟ ส่วนเกตุ (๙) กับมฤตยู (๐) เป็นวิญญาณธาตุ
บทที่ ๔ คู่มิตร,คู่ศัตรู,คู่สมพล ดวงดาวทั้ง ๑๐ ดวงที่ต้องนำมาใช้พยาการณ์ชะตาชีวิต นอกจากแบ่งออกเป็นธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังได้แบ่งออกเป็นคู่มิตร-คู่ศัตรู-คู่สมพล ดังนี้ คู่มิตร อาทิตย์(๑) กับ พฤหัสบดี(๕) จันทร์(๒) กับพุธ (๔) ศุกร์(๖) กับ อังคาร(๓) ราหู (๘) กับเสาร์ (๗) คู่สมพล คือ อาทิตย์ (๑) กับศุกร์ (๖) จันทร์ (๒) กับ ราห๔ (๘) อังคาร (๓) กับ พฤหัสบดี (๕) พุธ (๔) กับ เสาร์ (๗) โดยหลักการพยากรณ์กว้าง ๆ คู่มิตร คู่สมพล เป็นดาวที่ส่งเสริมกันและกันให้ดีเด่นหรือมีกำลังมากขึ้น ส่วนที่เป็นคู่ศัตรูจะหักล้างกันและกัน ส่งเสริมกันไปในทางที่ไม่ค่อยจะดี ในรายละเอียด ถ้าท่านได้อ่านตำนานเก่าแก่ทางโหราศาสตร์เรื่องชาติเวรประกอบแล้วท่านจะเข้าใจชัดเจนขึ้น
บทที่ ๕ การแบ่งจักรราศี ทุกท่านทราบกันดีแล้วว่าเราต่างก็อาศัยอยู่บนผิวโลกนี้ แต่ใครจะอยู่ตรงส่วนไหนจะไม่สามารถรู้ได้เลย หากไม่มีการแบ่งส่วนของโลกออกมาให้เห็น ในหลักของภูมิศาสตร์โลกถูกแบ่งออกมาเป็นเส้นรุ้งเส้นแวง แต่ในหลักวิชาการพยากรณ์ จะเริ่มต้นการแบ่งโลกออกเป็น ๒ ส่วน คือกลางวันและกลางคืน ต่อมาจึงแบ่งเพิ่มเป็น ๔ ส่วน เป็นกลางวัน ๒ ส่วนและกลางคืนอีก ๒ ส่วน จาก ๔ ส่วนแบ่งซอยลงไปอีกเป็น ๘ ส่วน ให้เป็นกลางวันเสีย ๔ ส่วน กลางคืนอีก ๔ ส่วน หรือถ้าจะนับเป็นทิศก็คือ ทิศทั้ง ๘ นั่นเอง คือจะเป็นทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ จากนั้นก็เป็นทิศเฉียงอีก คือตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ รวมแล้วครบ ๘ ทิศ ในส่วนที่เป็น ๘ ทิศหรือจะเรียกว่าในส่วนที่เป็นกลางวัน ๔ ส่วน ส่วนที่เป็นกลางคืน ๔ ส่วนนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญมาก เพราะต่อมาในหลักวิชาโหราศาสตร์การพยากรณ์ได้นำมาเป็น "ดวงทักษา" โดยการกำหนดส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือให้ดาวอาทิตย์ครอบครอง และให้ดาวเสาร์ซึ่งเป็นธาตุเดียวกันคือธาตุไฟ เข้าครอบครองในทิศตรงกันข้าม คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ให้ดาวอังคาร(๓)ครอบครอง ทิศตรงกันข้าม คือตะวันตกเฉียงเหนือ ให้ราหู(๘) ซึ่งเป็นธาตุลมด้วยกันครอบครอง ถ้าท่านสังเกตุจะเห็นได้ชัดว่า ในทิศเฉียงที่กล่าวมา ล้วนเป็นที่สถิตของดาวบาปเคราะห์ ดังที่ได้กล่าวมาในบทต้น ๆ ดาวบาปเคราะห์ในทิศเฉียงนี้ถูกกำหนดให้มีกำลังแตกต่างกันดังนี้ อาทิตย์(๑) จะมีกำลัง ๖ อังคาร(๓) มีกำลัง ๘ เสาร์(๗) มีกำลัง ๑๐ ราหู(๘) มีกำลัง ๑๒ จะเห็นได้ว่านับแต่อาทิตย์ (๑) มาที่อังคาร(๓) มาที่เสาร์(๗)มาที่ราหู(๘)กลังประจำของแต่ละดาวจะเพิ่มขึ้นทีละ ๒ เสมอ ทีนี้ในส่วนของทิศตรงซึ่งเป็นส่วนของดาวศุภเคราะห์ก็มีดาวเข้าครองเช่นเดียวกัน โดยจัดให้จันทร์ (๒) เข้าครอบครองทิศตะวันออก ในทิศตรงข้าคือทิศตะวันตก ก็จะมีดาวพฤหัสบดี(๕)ซึ่งเป็นธาตุดินครอบครอง ต่อมาทางทิศใต้ ดาวพุธ (๔)เข้าครอบครอง และทิศตรงข้ามคือทิศเหนือดาวศุกร์(๖)ธาตุน้ำครอบครอง สำหรับกำลังประจำแต่ละดาวก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน คือจะเพิ่มขึ้นไปทีละ ๒ เสมอ เริ่มต้นที่จันทร์(๒)ที่มีกำลัง ๑๕ ต่อมาก็เป็นพุธ(๔) มีกำลัง ๑๗ ต่อมาพฤหัสบดี (๕) มีกำลัง ๑๙ และสุดท้ายคือศุกร์ (๖) มีกำลัง ๒๑ จากการแบ่งโลกที่เราอาศัยอยู่ ออกเป็นส่วนต่าง ๆ ๘ ส่วน โดยเป็นกลางวัน ๔ ส่วน กลางคืน ๔ ส่วน แม้จะสามารถนำมาเกี่ยวข้องกับการพยากรณ์ได้ แต่ก็ยังกว้างเกินไป จึงแบ่งออกเป็น ๑๒ ส่วน กลางคืน ๖ ส่วน กลางวัน ๖ ส่วน รวมเป็น ๑๒ ส่วน และตรงนี้ก็มีความสำคัญมากในการพยากรณ์หรือในวิชาโหราศาสตร์ปัจจุบัน ๑๒ ส่วนดังกล่าวเรียกกันในหลักวิชาโหราศาสตร์ว่า ๑๒ ราศี ใน ๑๒ ราศีนี้มีกำหนดเป็นธาตุและมีดาวเข้าครองเช่นเดียวกัน ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป
ในบทที่ผ่านมากล่าวถึงการแบ่งโลกออกเป็น ๑๒ ราศี ใน ๑๒ ราศีนี้นี่เองที่ต่อมาได้กลายเป็นหัวใจการพยากรณ์ตามหลักของโหราศาสตร์ โดยกำหนดนับทวนเข็มนาฬิกา รายละเอียดดังนี้ ราศี ๐ คือราศีเมษ เป็นราศีธาตุไฟ ใน ๑๒ ราศีนี้นอกจากแบ่งเป็นราศีธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังมีดาวครองแต่ละราศีเหมือนกับที่แบ่งออกเป็น ๘ ส่วน(ดวงทักษา) เริ่มต้นที่ ราศีเมษ ครองโดยดาว อังคาร (๓) ดาวที่ถูกกำหนดให้เข้าครองราศีต่าง ๆ นี้ ตามตำนานโหราศาสตร์นิยมเรียกกันหลายอย่าง ตามขั้นตอนของการพยากรณ์ เช่นในลักษณะที่เห็นอยู่นี้ เรียกว่าดาวประจำราศี หรือดาวเจ้าราศี หรือดาวเกษตรนั่นเอง และตรงจุดนี้สำคัญมากในการพยากรณ์ ต้องจำได้จนขึ้นใจ เพราะเมื่อจำได้แล้ว เราก็จะจำดาวประจำตรียางค์ ดาวประจำนวางค์ได้ ซึ่งจะกล่าวในโอกาศต่อไป และเมื่อผูกดวงชะตาได้แล้วจะเรียกเป็นดาวเรือนในหรือดาวเจ้าเรือนต่าง ๆ
บทที่ ๗ อันโตนาทีประจำราศี ในบทที่ผ่านมาได้กล่าวเรื่องการกำหนดดาวเข้าครอง ๑๒ ราศี กันแล้ว บทนี้จะว่ากันด้วยเรื่องของอันโตนาทีในแต่ละราศี ซึ่งมีดังนี้ ราศีเมษ มีอันโตนาที ๑๒๐
บทที่ ๘ การผูกดวงชะตา ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อยว่า การผูกดวงชะตามันคืออะไรกันแน่? ทำไมต้องมีการผูกดวงชะตา? การผูกดวงชะตา ในแง่ของโหราศาสตร์ ก็คือการหาจุดที่เป็นตัวตนของตนเองว่าอยู่ ณ จุดใดของแผนที่ชีวิต ของแต่ละคน เพื่อที่จะเป็นข้อสังเกตุความเป็นไป หรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในยามที่โลกได้หมุนเอาส่วนนั้นเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ หรืออีกมุมหนึ่ง ดาวอันล้วนอยู่ใกล้โลกที่เราต่างอาศัยอยู่นี้ ดาวใดโคจรเข้ามามีอิทธิพลดี-ร้ายต่อจุดที่เป็นตัวตนของเราบ้าง ปัจจัยในการจะนำมาใช้หาลัคนาหรือผูกดวงชะตา ที่สำคัญมีอยู่หลายประการ แต่ที่สำคัญ คือวันเดือนปีและเวลาเกิดหรือเวลาตกฟาก รวมทั้งเวลาพระอาทิตย์อุทัยในแต่ละวัน จะขอกล่าวรายละเอียดดังนี้
บทที่ ๘ การผูกดวง(ต่อ) เพื่อเป็นการให้ง่ายขึ้น และเพื่อป้องกันความสับสนของคนมือใหม่ และเป็นการป้องกันความผิดพลาดได้อย่างดี เมื่อมีคนใดคนหนึ่งมาให้ท่านผูกดวงชะตา และเขาเกิดหลัง ๒๔.๐๐ น. ท่านควรถามเขาว่าวันเดือนปีเกิดนี้เป็นวันเดือนปีเกิดตามสูติบัตรหรือทางราชการหรือเปล่า ถ้าใช่เราก็ควรถอยหลังไปวันหนึ่งเพื่อให้เป็นวันเดือนปีเกิดของโหร แล้วจับเอาราศี-องศา-ลิปดาของดาวต่าง ๆ ทั้ง ๑๐ ดาวในปฎิทินดาราศาสตร์ระบบสุริยาตรของท่าน อ. ทองเจือ อ่างแก้ว มาผูกดวงชะตา ตรงนี้ผมขอกล่าวแสดงความคิดเห็นเป็นส่วนตัวสักเล็กน้อยว่า ทำไมผมจึงแนะนำให้ใช้ปฏิทินดาราศาสตร์ของท่านอาจารย์ท่านนี้ ตรงนี้ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า ครูบาอาจารย์สั่งไว้ และท่านก็ทดลองใช้ผูกดวงพยากรณ์มาหลายหมื่นดวงแล้ว และผมก็นำมาทดลองต่อน่าจะเป็นหมื่นดวงเช่นกัน ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่จะอย่างไรก็ตาม ปฏิทินเล่มนี้ได้คำนวณตัดองศาลิปดาของดาวทั้งหมดไว้ที่เวลา ๒๔.๐๐ น. ดังนั้นการนำเอาราศี-องศา-ลิปดาที่มีปรากฏอยู่ในปฏิทินมาใช้ผูกดวงชะตาของคนที่ไม่ได้เกิด ณ ๒๔.๐๐ น. ก็จำเป็นต้องคิดคำนวณใหม่ ที่มักจะเรียกกันว่าตัดสมผุสสดาวนั่นแหละ คือปรับองศาลิปดา เพิ่มหรือลดจาก ๒๔.๐๐ น. ขอให้จำแบบง่าย ๆ ว่าถ้าเกิดก่อน ๒๔.๐๐ น.ให้ลดองศา-ลิปดา เกิดหลัง ๒๔.๐๐ น.ให้เพิ่ม จะลดหรือเพิ่มมากน้อย สุดแต่เวลาเกิดหรือเวลาตกฟากห่างจาก ๒๔.๐๐ น.มากน้อยเท่าไร พอมาถึงตรงนี้ปรากฏว่าหลายท่านเริ่มเหงื่อแตก เพราะว่าจะยาก ต้องมาตัดสมผุสดาวกันตั้ง ๑๐ ดวง กว่าจะผูกดวงเสร็จลูกค้ามิหลับไหลกันหมดหรือ? ขอปลอบใจว่าถ้าคุณต้องผูกดวงชะตาด้วยแผ่นหมุนสำเร็จรูปของ ๑๐ ลัคน์ คุณปรับองศา-ลิปดาเฉพะาดาวจันทร์ก็พอครับ นอกนั้นเอาองศา-ลิปดาเดิมที่มีอยู่ในปฏิทินดาราศาสตร์ ณ เวลา ๒๔.๐๐ น.นั่นแหละครับ แต่ถ้าเป็นการผูกดวงชะตาโดยการคำนวณทั้งหมด ไม่ใช้จานหมุนหาลัคน์สำร็จ ไม่ใช้โปรแกรมโหราศาสตร์ จำเป็นต้องทำทั้งหมดครับ เพราะในบางครั้งดาวคาบเส้นราศี จำเป็นต้องออกมาชัดเจน แต่ตรงนี้มีสิทธิ์เป็นไปได้เพียง ๑ ใน ๑๐๐๐๐ ดวงครับ
บทที่ ๘ การผูกดวง (ต่อ) การผูกดวงชะตาเป็นจุดสำคัญยิ่งของการพยากรณ์ ถ้าผูกดวงผิดจะทำให้การพยากรณ์หรือการทายพลอยคลาดเคลื่อนไปด้วย โดยเฉพาะคนที่ลัคนาคาบเกี่ยวอยู่ ๒ ราศี เช่นปลายราศีเมษต้นพฤษภเป็นต้น ดังนั้นจำเป็นต้องระวังอย่างยิ่งยวด ซึ่งย่อมแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้การผูกดวงชะตาไม่ผิดก็คือวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด จังหวัดที่เกิด ยิ่งได้เห็นตัวเจ้าชะตายิ่งเป็นการดีมาก ในตอนนี้เราเริ่มผูกดวงชะตาด้วยแผ่นหมุนหาลัคนาสำเร็จในแบบทั่ว ๆ ไป ซึ่งแบบนี้ถ้าผูกดวง ๑๐ ลัคนาก็ต้องหมุนกัน ๑๐ รอบ ซึ่งผมก็ใช้อยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ความรู้หนีกลับไปหาครูบาอาจารย์ สมมุติกันว่าเจ้าชะตาเกิดตรงกับวันพุธที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๕.๔๐ น. จังหวัดชลบุรี เริ่มต้นให้เอาเวลาแตกต่างชลบุรี ซึ่งมีอยู่ ๑๖ นาทีมาหักออกจากเวลาเกิดเสียก่อน จะเหลือ ๑๕.๒๔ น. หรือจะเอา ๑๖ นาทีไปบวกเวลาอาทิตยอุทัยปานกลาง ๐๖.๐๐ น. จะได้เวลาอาทิตย์อุทัยชลบุรีเท่ากับ ๐๖.๑๖ น. แล้วใช้เวลาเกิดเดิมมาผูกดวง ซึ่งก็ถูกต้องทั้ง ๒ วิธี แล้วแต่ใครจะชอบวิธีไหน แต่ในที่นี้ผมจะใช้วิธีแรก ก่อนอื่นคุณต้องมีแผ่นหมุนหาลัคนาสำเร็จอยู่ในมือเสียก่อน แผ่นหมุนนี้จะเป็นของท่านใดก็ได้ ผลออกมาจะเหมือนกัน แต่ที่ต้องบังคับ คือปฏิทินดาราศาสตร์ของ อ. ทองเจือ อ่างแก้ว เพราะเล่มนี้ใช้มานานและครูบาอาจารย์ก็ใช้เล่มนี้ ก่อนจะลงมือใช้แผ่นหมุนหาลัคนา คุณต้องทราบรายละเอียดบนแผ่นหมุนเสียก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ขอให้คุณดูที่แผ่นล่าง ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขบอกนาฬิกาเริ่มตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น.เป็นต้นไป แผ่นบนคือโลก รอบนอกที่เป็นขีด ๆ หมายถึง ๑ องศา ในราศีหนึ่งจะมี ๓๐ องศา ขอให้คุณลองนับดูเพื่อทำความเข้าใจไปด้วย รอบถัดเข้าไป ที่มีตัวเลขสีดำ ๑-๒๗ คือฤกษ์ ๒๗ ฤกษ์ เลข ๑ หรือฤกษ์ที่ ๑ อัศวิณีจะเริ่มต้นที่ ๐.๐๐ องศาของราศีเมษ ถัดเข้าไปข้างใน เลข๓๖๔๒๑๔๖๓๕ เป็นดาวต่าง ๆ ที่ประจำอยู่ในราศีเมษ ถัดเข้าไปอีก เลข ๓-๑-๕ คือตรียางค์ประจำราศีเมษ ก็คือตรียางค์อังคาร-ตรียางค์อาทิตย์-ตรียางค์พฤหัสบดีนั่นเอง ถัดจากตรียางค์เข้าไปคือชื่อฤกษ์ต่างและหมวดฤกษ์ ถัดเข้าไปคืออันโตนาทีประจำราศี ราศี เลขประจำราศีตามลำดับ
ผมได้เปิดปฏิทินของที่เว็บพยากรณ์เพื่อดูตามอาจารย์ปรากฎว่าสมผสดาวในเว็บพยากรณ์เขียนไว้เป็นของวันที่ 1 มีนาคม 2547 ครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่
หรือว่าที่ผมสอนฟรีนี่.....มีแต่คุณรัดใจคนเดียว นอกนั้นไม่สน หรือต้องการเรียนแบบเสียเงิน ? ขอโหวดหน่อยครับว่าควรอยู่หรือควรหยุด!!
บททที่ ๘ การผูกดวง (ต่อ) ตอนที่ผ่านมาจบตรงที่ให้อ่านแผ่นหมุนหาลัคนา เมื่อมีความเข้าใจดีแล้วขอผ่านมาถึงการอ่านตำแหน่งของดาวในวันเกิด การผูกดวงตามวิธีแรก คือเอาเวลาเกิดหรือเวลาตกฟากตั้งหักเวลาท้องถิ่นออกได้เท่าใดให้เอาเส้นกั้นระหว่างราศีเมษและมีน (๐.๐๐ องศาของเมษ) ตามตัวอย่างให้เอาเส้นกั้นราศีเมษ-มีนหมุนให้ตรงกับ ๑๕.๒๔ น. แล้วดูราศี-องศา-ลิปดาของอาทิตย์ในวันเกิด ตามตัวอย่างนี้อาทิตย์สถิตราศี ๑๐(กุมภ์) ๑๙ องศา ๓๐ ลิปดา ให้อ่านองศาลิปดาจากแผ่นบน(แผ่นเล็ก)ไปที่ ๑๙ องศา ๓๐ ลิปดา แล้งมองตรงออกไปยังแผ่นล่างล่าง จะตรงกับต้นราศีสิงห์นวางค์อังคาร นั่นคือลัคนาอาทิตย์สถิตราศีสิงห์ ตามตัวอย่างนี้ถ้ายังไม่ชำนาญ หรือสายตาไม่ดีให้เอากระดาษทาบที่ ๑๙ องศา ๒๐ ลิปดามายังกึ่งกลางแผ่นหมุนจะเห็นได้ชัด ต่อไปเป็นการหาลัคนาของดาวจันทร์ ก็คงใช้วิธีเดียวกัน แต่เนื่องจากจันทร์ (๒) เดินเร็ว จึงต้องตัดองศาลิปดามาที่เวาลาเกิดของเจ้าชะตาเสียก่อน เพราะองศาลิปดาที่แสดงไว้ในปฏิทินดาราศาสตร์เป็นการคำนวณที่เวลา ๒๔.๐๐ น. ขั้นต้นให้หาผลต่างระหว่างเวลาเกิดของเจ้าชะตาว่าเกิดก่อน ๒๔.๐๐ น. กี่ชั่วโมง โดยเอาเวลาเกิดไปหักจาก ๒๔.๐๐ น. ในที่นี้จะเหลือ ๘.๓๖ น. นั่นหมายถึงเกิดก่อน ๒๔.๐๐ น. ๘ ชั่วโมง ๓๖ นาที เนื่องจากจันทร์ (๒) โคจร ๒ ชม.ต่อ ๑ องศา ดังนั้นเมื่อเอา ๒ มาหาร จะได้ผลลัพท์ ๔ องศา ๑๘ ลิปดา ผลลัพท์นี้ให้เอามาหักจากองศาลิปดาของจันทร์ ณ ๒๔.๐๐ น. ซึ่งจะเหลือองศาจันทร์ (๒) ณ เวลาที่เกิดจริง ๘ องศา ๓๓ ลิปดา ให้อ่านองศาลิปดาจันทร์ (๒) ในราศีที่ ๓ (กรกฏ) ๘ องศา ๓๓ ลิปดาจากแผ่นบนหรือแผ่นเล็กไปยังแผ่นล่างจะตรงกับราศีตุลย์ นั่นคือลัคนาจันทร์ (๒) สถิตราศีตุลย์ การหาลัคนาของอังคารา (๓) พุธ (๔) พฤหัส(๕) ศุกร์(๖) เสาร์(๗)ก็ทำวิธีเดียวกัน ยกเว้น ราหู(๘) และเกตุ(๙)ที่แตกต่างกัน ผมจะมาบอกกล่าวในคราวหน้า ขอให้ฝึกฝนให้ชำนาญ
บทที่ ๘ การผูกดวง (ต่อ) ก่อนอื่นต้องขอแก้ความผิดพลาดจากบทเรียนที่ผ่านมาเพื่อความสมบูรณ์ ดังนี้.....ที่กล่าวว่าให้เอาเส้นกั้นราศีเมษและมีน (๐.๐๐ องศาของราศีเมษ).....มาตั้งให้ตรงกับเวลาเกิดที่ชำระแล้ว... จากบทเรียนที่ผ่านมาผมได้ทิ้งท้ายไว้ตรงที่หาลัคนาของ อังคาร(๓) พุธ(๔)พฤหัสบดี(๕)ศุกร์(๖)เสาร์(๗)ทำเหมือนการหาลัคนาของอาทิตย์(๑)และจันทร์(๒)...หวังว่าทุกคนคงทดลองทำได้แล้ว ถ้าทำได้แล้วส่งการบ้านมาให้ผมดูด้วยครับ (sarnsidin@yahoo.com) ตอนนี้ผมจะบอกถึงการหาลัคนาของราหูและเกตุ ดังนี้... ให้เอาเส้นกั้นราศีเมษ-มีนตั้งที่เวลาเกิดอย่างเดิม ตามตัวอย่างที่สมมุติ ราหู(๘) สถิตราศีเมษ ให้ดูองศาลิปดาของราหู(๘)จากแผ่นใหญ่หรือแผ่นล่างเข้ามาตรงกับราศีใดในแผ่นเล็กหรือแผ่นบน นั่นคือลัคนาของราหู(๘) เกตุ(๙)สถิตราศีธนู ให้ดูองศาลิปดาของเกตุ(๙)จากแผ่นใหญ่หรือแผ่นล่างเข้ามาตรงกับราศีใดในแผ่นบนหรือแผ่นเล็ก นั่นคือลัคนาของเกตุ(๙) ตำแหน่งดาวทั้งหมดเมื่อทำขึ้นมาแล้ว นั่นคือตำแหน่งลัคนา ๆ ของอาทิตย์ ใส่ ๑ แทน ลัคนาของจันทร์ใส่ ๒ แทน ลัคนาของอังคารใส่ ๓ แทน ลัคนาของพุธใส่ ๔ แทน ไปจนถึง ลัคนาของ มฤตยูซึ่งแทนด้วย ๐ จะเห็นว่าดวง ๑๐ ลัคนาไม่ต้องใช้เครื่องหมาย ส หรือ ล แทน ซึ่งเมื่อเห็นดวงก็จะเป็นที่เข้าใจกัน ขอให้ทุกคนลองผูกดวงให้ชำนาญ(กรุณาอย่าใช้โปรแกรมสำเร็จรูป) นักโหราศาสตร์ควรผูกดวงได้หลายรูปแบบนะครับ... บทต่อไป"การหาตนุเศษ"
บทที่ ๙ การหาตนุเศษ เมื่อทุกท่านผูกดวงได้คล่องแล้วก็มาถึงการหาตนุเศษ ซึ่งก็เป็นหลัการเดียวกันกับทางราศีจักรทั่วไป จะต่างกันบ้างตรงที่คนลัคนาราศีกุมภ์ หรือที่เมื่อนับจากดาวเจ้าเรือนลัคนาแล้ว ดาวเจ้าเรือนลัคนาไปสถิตที่ราศีกุมภ์ นอกนั้นก็เหมือนกันหมด ทีนี้สมมุติว่าลัคนาราศีเมษ ดาว ๓ ไปอยู่ราศึกุมภ์ นับจากเมษไปหากุมภ์จะได้ ๑๑ แต่ดาวเจ้าเรือนหรือดาวเจ้าราศีกุมภ์คือ ๘ มาอยู่ที่ราศีธนู ก็ต้องนับย้อนกลับมาหา ๘ ที่ราศีธนูจะได้ ๓ แบบนี้ให้เอา ๑๑ มาคุณกับ ๓ ก็จะได้ ๓๓ หารด้วย ๗ จะเหลือเศษ ๒ นั่นคือ ๒ เป็นตนุ แต่ถ้าในดวงชะตามีดาวเกษตรกุมลัคนา (กุม ๑) อาทิตย (๑) ก็จะเป็นตนุเศษทันทีโดยไม่ต้องหาให้เสียเวลา เช่นลัคนาอาทิตย์ (๑) สถิตราศีเมษแล้วดาว ๓ อยู่ตรงนั้นด้วย อาทิตย์ (๑) ก็คือตนุเศษ ถ้าลัคนาสถิตราศีตุลย์ ดาวศุกร์ (๖)กุมลัคนา อาทิตย์ (๑) ก็เป็นตนุเศษ การหาลัคนาและการหาตนุเศษเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นต้องหัดให้คล่อง อย่าไปยึดโปรแกรมสำเร็จรูปมากนัก เพราะโปรแกรมทุกโปรแรมทำงานไปตามข้อมูลที่เราป้อนให้ แต่กับคนที่เวลาเกิดคลาดเคลื่อน เมื่อผูกดวงออกมาแล้วลัคนาไปเกาะนวางค์ที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ก็จะมีผลให้การพยากรณ์ผิดพลาดได้ เรื่องนี้ผมมีตัวอย่างมาก โดยเฉพาะพวกที่ลัคนาคาบเกี่ยว ๒ ราศี
นอกจากนี้ผมเห็นหนังสือของอาจารย์ที่ เขษมบรรณกิจ ไม่ทราบว่าถ้ายังไม่ได้เรียนหลักการจะอ่านแล้วได้ประโยชนหรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
ตนุเศษที่หาโดยแบบราศีจักร กับแบบสิบลัคน์ ขอบคุณครับ
ผมยังรอขอทราบข้อมูลที่ถามไว้อยู่นะครับ ระหว่างรอ ผมอ่านหนังสือของอาจารย์อรุณ ไปเรื่อยๆ นับถือ
บทที่ ๑๐ เรือนชะตา ๑๒ เรือน ในบทเรียนที่ผ่านมา ท่านได้เรียนรู้เรื่องการผูกดวงชะตาและการหาตนุเศษแล้ว หวังว่าคงฝึกฝนกันชำนาญแล้วทุกคน จึงใคร่สรุปไว้ตรงนี้ว่าการผูกดวงหรือการหาตนุเศษมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการพยากรณ์ เพราะดวงชะตาเปรียบเสมือนแผนที่ชีวิต ถ้าเราเขียนแผนที่ผิด การเดินทางตามแผนที่ก็ผิดด้วย ทว่าการเดินทางผิด เราหาทางเดินใหม่ได้ อย่างมากก็แค่เหนื่อย หรือถึงปลายทางช้า แต่การทายหรือพยากรณ์ผิดเพราะผูกดวงผิด มันมีความเสียหายหลายอย่าง นอกจากนักพยากรณ์จะหน้าแตกแล้ว อาจจะลามไปถึงคนสอนด้วย ดังนั้นตรงนี้ต้องระวัง คืออย่ารีบร้อนเกินไป แรก ๆ ควรทบทวนให้คล่องจริง ๆ ถ้าดวงชะตาถูกต้องตนุเศษถูกต้อง การทายหรือพยากรณ์เป็นเรื่องรอง จะผิดบ้างก็ไม่มากนัก ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเพื่อต้องการเป็นหมอดูหรือนักพยากรณ์อาชีพ ยิ่งต้องระวังหลายเท่าตัว
ทีนี้มาว่ากันเรื่องเรือนชะตา ๑๒ เรือนซึ่งมีดังนี้ ทั้งหมดนี้ผมนิยมเรียกว่าคาถาประจำเรือน ซึ่งจำเป็นต้องจำจนขึ้นใจ รวมทั้งความหมายด้วย แต่ความหมายที่นำมากล่าวเป็นความหมายหลักโดยย่อ ท่านอาจจะเพิ่มในลักษณะที่ใกล้เคียงกันได้อีก เรื่องเรือนทั้งหมดนี้ถ้าคนที่มีลัคนาแยกกับตนุเศษ ก็จะเป็น ๒๔ เรือน เวลาพยากรณ์ต้องนำมาประกอบกันเสมอ แต่ถ้าลัคนาและตนุเศษอยู่ในราศีเดียวกันทายง่ายมาก คาถาโดยย่อเป็นดังนี ดาวเจ้าเรือนที่กล่าวมาเป็นหัวใจของการพยากรณ์ การจะทายเรื่องอะไรให้นำดาวเจ้าเรือนนั้น ๆ มาพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนดาวลอยที่ปรากฏในดวงชะตาเป็นส่วนประกอบอีกทีหนึ่ง เป็นต้นว่าจะดูเรื่องคู่ว่าดีหรือไม่? ให้เอาดาวเจ้าเรือนปัตตานิมาพิจารณาเป็นอันดับแรก ถ้าดาวเจ้าเรือนปัตตานิดีเช่นได้ตำแหน่งมหาอุจจ์ มหาจักร ราชาโชค เกษตร เดช ศรี มนตรี ตามทักษาอยู่กับลัคนาด้วย อย่างนี้ถือว่าคนนั้นดี คือมีคู่ดีนั่นเอง
ในห้องนี้เป็นห้องเรียนโหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนา ซึ่งต้องมีการรับรู้รับทราบสัจจะก่อนเรียน ดังนั้นท่านที่เข้ามาในห้องนี้สมควรอย่างยิ่งที่ต้องรักษามารยาท และเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าของตำราดั้งเดิม (ไม่ใช่ผม) ควรเข้าทางประตู-หน้าต่างที่ผมเปิดไว้ อย่าพยายามป่ายปีนเข้ามาทางอื่นที่ไม่อนุญาติ เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่ลักษณะของคนดีของสังคม ถ้าตนเองอยากจะมีเกียรติ ก็ควรให้เกียรติผู้อื่นก่อนจึงจะเป็นการถูกต้อง/สีดิน
บทที่ ๑๑ ดวงทักษา เรื่องของทักษาเป็นเรื่องสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งของ ๑๐ ลัคนา อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าต้องเล่นให้เชื่อง ชนิดหลับตาเห็นดวงทักษาลอยอยู่ตรงหน้า ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากอิทธิพลของทักษามีมากมาย จนขยายอาณาเขตต์เข้าไปมีบทบาทในเรื่องของการให้ฤกษ์ ทักษาหรือดวงทักษา ในความเป็นจริงแล้วก็คือการแบ่งส่วนของโลกออกเป็น ๘ ส่วนนั่นเอง ถ้าจะเรียงกันไปตามลำดับ เพื่อประโยชน์และความละเอียดละออในการพยากรณ์ เบื้องต้นเราแบ่งโลกที่เราต่างก็อาศัยอยู่บนพื้นผิวของมันออกเป็น ๒ ส่วน คือกลางวันและกลางคืน จากนั้นก็แบ่งออกไปอีกเป็น ๔ ส่วน กลางคืน ๒ ส่วน กลางวัน ๒ ส่วน ถ้าท่านเขียนรูปประกอบด้วยจะเห็นเด่นชัด และแบ่ง ๔ ส่วนนี้ออกเป็น ๘ ส่วนอีกที ก็จะเป็นกลางวันและกลางคืนอย่างละ ๔ ส่วน ตรงนี้แหละคือส่วนของทักษาที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งผมรู้สึกเสียดายมากที่มีหลายท่านไม่นิยมใช้ ข้ามไปใช้การแบ่งส่วน ๑๒ ส่วน ซึ่งก็คือราศีจักรนั่นเอง ในรูปแบบของทักษาหรือที่ผมนิยมเรียกว่าดวงทักษานี้ถ้าท่านลองพิจารณาละเอียดจะเห็นความสมบูรณ์ของมันชัดเจนมาก โดยเริ่มต้นกันที่ทิศอาคเนย์อันเป็นส่วนที่อาทิตย์ (๑) อันเป็นดาวประธานของดาวทั้งหลายสถิต ตรงกันข้ามกับอาทิตย์ (๑) เป็นที่สถิตของดาวเสาร์ (๗) ดาว ๒ ดาวนี้คือดาวที่เป็นคู่ธาตุไฟนั่นเอง วนขวามาอีกช่องหนึ่งคือวนตามเข็มนาฬิกาจะเป็นที่สถิตของดาวจันทร์ (๒) ตจรงกันข้ามกับดาวจันทร์ (๒) ก็คือดาวพฤหัสบดี (๕) ๒ ดาวนี้เป็นดาวคู่ธาตุดิน ถัดมาอีกก็เป็นที่สถิตของดาวอังคาร (๓) ตรงข้ามกับดาวอังคาร (๓) ก็คือราหู (๘) ซึ่งเป็นดาวคู่ธาตุลมด้วยกัน ต่อไปเป็นที่สถิตของดาวพุธ (๔) ตรงกันข้ามกับดาวพุธ (๔) ก็คือดาวศุกร์ (๖) ธาตุเดียวกันอีก ตรงนี้เป็นมุมมองในลักษณะของดาวคู่ธาตุนั่นเอง ทีนี้ในอีกมุมมองหนึ่ง เริ่มกันที่ดาวอาทิตยย์ (๑) เป็นดาวพระเคราะห์ที่ในตำนานจัดไว้ในประเภทบาปพระเคราะห์ เช่นเดียวกับอังคาร (๓) เสาร์ (๗) ราหู (๘) อาทิตย์ (๑) จะมีกำลังประจำอยู่ ๖ อังคาร (๓) มีกำลัง ๘ เสาร์ (๗) มีกำลัง ๑๐ ราหู (๘) มีกำลัง ๑๒ จะเป็นได้ว่ากำลังเพิ่มขึ้นทีละ ๒ เท่ากัน ในส่วนของดาวศุภเคราะห์คือ จันทร์(๒) พุธ (๔) พฤหัสบดี (๕) ศุกร์ (๖) ก็เป็นดาวที่สลับเรือนทักษากันอยู่ คือบาปพระเคราะห์สลับกับศุภเคราะห์ สำหรับกำลังของดาวเริ่มที่จันทร์ (๒) มีกำลัง ๑๕ พุธ (๔) มีกำลัง ๑๗ พฤหัสบดี (๕) มีกำลัง ๑๙ ศุกร์ (๖) มีกำลัง ๒๑ ซึ่งกำลังก็เพิ่มขึ้นที่ ๒ เท่ากัน จะเห็นว่าง่ายในการจำกำลังของแต่ละดาว หรือหากจะลากเส้นเฉียง ๆ จากอาทิตย์ (๑) มาหา ศุกร์ (๖) จากจันทร์ (๒) มาหาราหู (๘) จากอังคาร (๓) มาหาพฤหัสบดี (๕) จากพุธ (๔) มาหา เสาร์ (๗) ดาว ๔ คู่นี้ถ้าจะเอากำลังของแต่ละดาวมารวมกันก็จะได้ ๒๗ นั่นคือดาวคู่สมพลนั่นเอง จากดวงทักษาถ้าจะมองกันอย่างลึกซึ้งแทบจะเรียกได้ว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าดวงเกษตร ๑๒ ราศี เมื่อทักษาหรือดวงทักษามีความสำคัญดังที่ได้ชี้นำให้เห็น ทุกท่านจึงไม่ควรทอดทิ้ง เพราะในบางคราวที่เราไม่ทราบเวลาเกิดของเจ้าชะตาเราสามารถใช้ดวงทักษาทดแทนดวง ๑๒ ราศีจักร์ได้อยู่ในระดับหนึ่ง (ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องของคาถาประจำดวงทักษา)
บทที่ผ่านมาเราได้กล่าวถึงรูปแบบของทักษาว่าเกิดมาจากการแบ่งส่วนของโลกออกเป็น ๘ ส่วน และในแต่ละส่วนหรือในแต่ละพื้นที่มีดาวต่าง ๆ เข้าครอบครอง ในส่วนของการนำมาพยากรณ์ ถ้าจะมีแค่ดวงดาวเข้าครอง ไม่มีคาถากำกับ หรือที่ผมเรียกว่าดาวเจ้าเรือนทักษา ก็จะขาดความชัดเจนไปหลายส่วน ในทำนองเดียวกันกับดาวเจ้าเรือน ๑๒ เรือนที่ต้องมีคาถากำกับ คาถาเรือนทักษามีดังนี้ คือ ควาหมายของคาถาอาจจะมีมากกว่านี้ ซึ่งท่านก็สามารถขยายความได้เอง แต่ในที่นี้ผมขอกล่าวโดยย่อ
บทที่ ๑๓ การทายดวงทักษา การทายหรือการพยากรณ์ นอกจากใช้ดวง ๑๒ ราศีแล้ว ดวงทักษาก็สามารถทายได้หลายเรื่องเช่นกัน อย่างน้อยเมื่อดวงทักษามีเรือนอยู่ทั้งหมด ๘ เรือน เราก็สามารถทายได้ ๘ เรื่อง เป็นต้นว่าเราจะทายเรื่องสุขภาพดีหรือไม่ดี ก็ต้องไปพิจารณากันที่ดาวอายุว่าดีหรือไม่เพียงใด เป็นดาวศุภเคราะห์หรือดาวบาปเคราะห์ หรือหากจะทายกันว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร พูดจาดีไหม มีมนุษย์สัมพันธ์ดีไหม ถ้าดาวพุธ(๔)ไม่เป็นกาลกิณีก็ถือว่าคนนั้นพูดจาดี มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ดังนี้เป็นต้น
สำหรับดาว ๖ ที่เดินถอยหลังทับลัคนา เงินติดขัดครับรายจ่ายมากกว่ารายรับ ถ้าเดินหน้าดีครับ ทั้งเงินทั้งความรักแจ่มใส่ ยกเว้นเป็นกาลีจรนะครับ
ดวงเดิมดาว ๖ ไปอยู่ภพวินาสน์ ที่ราศีเมษค่ะ อย่างนี้ตอนนี้ ๖ ถอยหลังการเงินติดขัด ทับลัคนาแถมเป็นกาลีจรอีกด้วยยิ่งแย่ซิค่ะ ถ้าเริ่มเดินหน้าแต่ยังทับลัคนาอยู่ จะเป็นอย่างไรค่ะ อย่างนี้ดาว ๕ (ศรีเดิม, อุตสาหะจร) ที่จรอยู่ภพพันธุ และกำลังจะไปอยู่ปุตตะ ( ๕ เดิมลอยอยู่ภพกัมมะ ราศีกุมภ์) จะช่วยอะไรได้หรือไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ
1.ลัคนาอาทิตย์อยู่กันย์ ดาว ๕ เป็นกาลีจรทับลัคน์ (เกิดวันอาทิตย์) ๕ เป็นเจ้าเรือนของภพ พันธุ กับปัตนิ เราแปลว่า จะเดือดร้อนเกี่ยวกับที่บ้านหรือคู่ครองได้หรือไม่ค่ะ ถ้า ๕ ไม่เป็นกาลีจร ถ้าเข้าทับลัคน์ ก็จะแปลว่า โชคดีเกี่ยวกับญาติ หรือคู่ครอง หรือคู่ครองนำโชคมาให้หรือเปล่า 2.ลัคนาอาทิตย์อยู่กุมภ์ ๘ เป็นกาลีจรเข้าพบกดุมภะ (มีน) เราอ่านว่าเขาจะเดือดร้อนเรื่องเงิน ห้ามลงทุน ได้หรือไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ อาจารย์ สอ้าน นาคเพชรพูล :: วันที่ลงประกาศ 0000-00-00 00:00:00 IP : |
1 |
ความคิดเห็นที่ 24 (3088461) | |
เรียนฟรี สอนฟรี โหราศาสตร์เพื่อประกอบอาชีพ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพ ร่วมกับชมรมโหราศาสตร์สากล เปิดสอนวิชาโหราศาสตร์เพื่อประกอบอาชีพให้กับบุคคลทั่วไป สำหรับท่านที่มีอายุ ตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป และไม่เกิน 65 ปี สมัครเรียนได้ที่ หรือ โทร 080-4505550 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น horosguru (info-at-horosguru-dot-com)วันที่ตอบ 2009-09-25 15:52:50 IP : 124.122.186.17 |
ความคิดเห็นที่ 23 (1333055) | |
ผมสนใจที่จะสั่งซื้อ Soft ware สำหรับการพยากรณ์แบบลัคนาที่ใช้วันเดือนปีและเวลาตกฟากเป็นหลักในการทำนาย อยากทราบว่ามีแหล่งจำหน่ายที่ใดครับ และโปรแกรมที่ใช้ง่ายๆ สำหรับประชาชนทั่วไปคือโปรแกรมอะไร ท่านใดทราบกรุณาแจ้งกลับมาที่ warakorn.d@pttchem.com ขอบคุณมากครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วรากร วันที่ตอบ 2008-01-12 14:23:58 IP : 222.123.5.247 |
ความคิดเห็นที่ 22 (1035234) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-07-04 19:15:13 IP : 203.146.127.176 |
ความคิดเห็นที่ 21 (1033920) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-07-04 14:59:05 IP : 203.146.127.178 |
ความคิดเห็นที่ 20 (1032849) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-07-04 11:58:45 IP : 203.146.127.178 |
ความคิดเห็นที่ 19 (985460) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น การดูดวงก็ดีอย่างหนึ่งคือว่าได้รู้อนาคต วันที่ตอบ 2007-06-04 10:52:07 IP : 61.7.143.175 |
ความคิดเห็นที่ 18 (704895) | |
เรียนถามครับ พฤหัสเป็นบริวาร เสาร์เป็นกาลกิณี จะเป็นอย่างไรบ้างครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น a19 วันที่ตอบ 2006-11-22 12:42:53 IP : 221.128.101.40 |
ความคิดเห็นที่ 17 (531026) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
yourlife
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้แสดงความคิดเห็น yourlife วันที่ตอบ 2006-07-06 21:40:00 IP : 202.12.74.5 |
ความคิดเห็นที่ 16 (442230) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2006-04-11 01:40:59 IP : 203.114.97.169 |
ความคิดเห็นที่ 15 (441909) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2006-04-11 01:14:32 IP : 203.114.97.169 |
ความคิดเห็นที่ 14 (90815) | |
อาจารย์สอ้าน ผมเกิดวันอังคาร ไม่เห็นทำงานผู้ใหญ่จะเมตตาเลย แต่ตนเองมีคุณธรรม ยุติธรรม ฉะนั้น ทักษาตามที่อาจารย์บอกก็ไม่ใช่จะจริงเสมอนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สีฟ้า วันที่ตอบ 2005-04-16 17:40:11 IP : |
ความคิดเห็นที่ 13 (89179) | |
โหราศาสตร์ 10 ลัคนา โดย...สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน) การทายดวงทักษา (ต่อ) คนเกิดวันอังคาร คนเกิดวันอังคาร ดาวอังคาร ๓ เป็นบริวาร ดาวพุธ ๔ เป็นอายุ ดาวเสาร์ ๗ เป็นเดช ดาวพฤหัสบดี ๕ เป็นศรี ดาวราหู ๘ เป็นมูลละ ดาวศุกร์ ๖ เป็นอุตสาหะ ดาวอาทิตย์ ๑ เป็นมนตรี ดาวจันทร์ ๒ เป็นกาลกิณี ดังได้กล่าวแล้วการทายหรือพยากรณ์ให้พิจารณากันที่ดาวให้คุณหรือให้โทษมากเป็นเกณฑ์ ในที่นี้ดาวพฤหัสบดี ๕ เป็นดาวศรีประจำวันเกิด ดาวจันทร์ ๒ เป็นกาลกิณี ดาวพฤหัสบดีหมายถึงความมีคุณธรรม ความรอบรู้วิชาการ ผู้บังคับบัญชา เมื่อมาเป็นศรีจึงได้รับความเมตตาจากผู้บังคับบัญชาดี ความรู้ดีมีคุณธรรม ในส่วนของด้านไม่ดีคืออะไรที่เกี่ยวกับดาวจันทร์เช่น เสน่ห์ ความงาม ความอ่อนโยน เมื่อต้องมาเป็นกาลกิณีสิ่งเหล่านี้ก็เสื่อมไป แต่กรณีจันทร์ ๒ ถือกันว่าไม่เสียหายมากนัก เพราะจันทร์เป็นกาลกิณีไม่เต็มที่เหมือนดาวอื่น เพราะถือกันว่าจันทร์ไม่เป็นศรีกำเนิดให้ใคร คือคนเกิดวันราหูไม่มี ดังนั้นจึงไม่เป็นกาลกิณีหรือแม้เป็นก็ได้รับการยกเว้น คือมีโทษน้อยลงนั่นเอง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สอ้าน/สีดิน วันที่ตอบ 2005-04-12 12:48:30 IP : |
ความคิดเห็นที่ 12 (83078) | |
ศาสตร์ 10 ลัคนา โดย....สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน) บทที่ 13 การทายดวงทักษา(ต่อ)
ที่ผ่านมาได้กล่าวถึงคนเกิดวันอาทิตย์ ๑ เอาไว้ ตอนนี้จถะกล่าวถึงคนเกิดวันจันทร์
คนเกิดวันจันทร์ดาว ๒ เป็นบริวาร ดาวอังคาร ๓ เป็นอายุ ดาวพุธ ๔ เป็นเดช ดาวเสาร์ ๗ เป็นศรี ดาวพฤหัสบดี ๕ เป็นมูลละ ดาวราหู ๘ เป็นอุสาหะ ดาวศุกร์ ๖ เป็นมนตรี ดาวอาทิตย์ ๑ เป็นกาลกิณี
การพยากรณ์หรือการทายดังได้กล่าวไว้แล้วว่าให้นำเอาดาวที่เสียมากและดีมากมาพิจารณาก่อน ดาวที่ไม่ดีมากไม่ร้ายมากค่อยว่ากันอีกที ในที่นี้ก็ควรยกเอาดาวที่เป็นกาลกิณี ศรี มนตรี เดช
คนเกิดวันจันทร์ดาวที่เป็นกาลกิณีคืออาทิตย์ ๑ ตามความหมายของอาทิตย์ ๑ คือชื่อเสียงเกียรติยศ ตำแหน่งหน้าที่การงาน เมื่อมาเป็นกาลกิณีเช่นนี้แสดงถึงว่าบุคคลผู้ที่เกิดวันจันทร์ย่อมจะได้สิ่งที่กล่าวมาด้วยความยากเย็น ต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องมีการแข่งขัน มีการต่อสู้ดิ้นรนมากเป็นพิเศษ หรือไม่ก็มักจะได้ที่เหลือจากคนอื่นเป็นต้น
ส่วนดาวที่เป็นศรีคือดาวเสาร์ ๗ เมื่อดาวหมายถึงโทษทุกข์ ความเชื่องช้าสุขุมรอบคอบ และทรัพย์สินก็ย่อมหมายถึงสิ่งที่กล่าวมากลับดีขึ้นเป็นต้น เช่นโทษทุกข์น้อยลง ทั้งการจะได้ทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์ก็ง่ายกว่าการเป็นกาลกิณีหรือเป็นอย่างอื่น
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น สอ้าน/สีดิน วันที่ตอบ 2005-03-31 15:21:51 IP : |
ความคิดเห็นที่ 11 (56266) | |
ศาสตร์ 10 ลัคนา โดย....สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน) บทที่ 13 การทายดวงทักษา(ต่อ) ความจริงการทายหรือพยากรณ์ดวงทักษา เป็นการทายที่มีผลดีในระดับหนึ่งที่พอใช้ได้ แม้จะมีรายละเอียดไม่มากนัก แต่ถ้าจะพูดกันให้ตรงกับความเป็นจริงแล้ว ดวงทักษานับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญของดวง 12 ราศีจักร คนที่เรียนมาและยังทายดวงทักษาไม่ทะลุปรุโปร่ง จะไปเอาดีทางการทายดวง 12 ราศีจักรได้อย่างไร? เพราะดวง 12 ราศีจักร แค่ลากเส้นตรงต่อออกไปจาก ภูมิอาทิตย์ ๑ ภูมิอังคาร ๓ ภูมิเสาร์ ๗ และภูมิราหู ๘ ในดวงทักษาออกไปภูมิละเส้น ก็จะเป็นดวง 12 ราศีจักรทันที ตรงนี้ถ้าท่านลองเขียนดวงทักษาขึ้นมาแล้วลองทำตามผมว่าก็จะดูง่ายขึ้น พอเป็นดวง 12 ราศีจักร ก็เพิ่มคาถาประจำราศีหรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์ ก็คือคาถาประจำเรือนอันมี ตนุ กะดุมพะ สหัชชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตตานิ มรณะ ศุภะ กัมมะ ลาภะ วินาสน์ ดังได้กล่าวมาแล้วว่าดวงทักษาของใครคนใดคนหนึ่ง จะเริ่มกันที่วันเกิดเป็นอันดับแรก เกิดวันอาทิตย์กา ที่ดาวอาทิตย์คือเลข ๑ เกิดวันจันทร์กาที่เลข ๒ เกิดวันอังคารกาที่เลข ๓ เกิดวันพุธกาที่เลข ๔ เกิดวันเสาร์กาที่เลข ๗ เกิดวันพฤหัสบดีกาที่เลข ๕ คนเกิดวันราหูไม่มีจึงไม่ต้องกาที่เลข ๘ คนเกิดวันศุกร์กาที่เลข ๖ การทายทักษาหรือดวงทักษาเริ่มต้นกันที่ ดวงทักษากำเนิด เป็นสำคัญ ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบพื้นฐานว่าเป็นอย่างไร คือคนจะเกิดวันอะไร ดาวอะไรเป็นบริวาร ดาวอะไรเป็นอายุ ดาวอะไรเป็นเดช ดาวอะไรเป็นดาวศรี ดาวอะไรเป็นมูลละ ดาวอะไรเป็นอุตสาหะ ดาวอะไรเป็นมนตรี ดาวอะไรเป็นกาลกิณี นั่นคือท่านใดมีดาวอะไรดีเสียประการใด ต้องจำให้แม่นยำ เหมือนกับที่ต้องจำเรือนและความหมายของมัน และดาวที่ต้องจำให้แม่นยำคือ ดาวที่เป็นกาลีหรือกาลกิณี และดาวที่เป็นศรี-มนตรี-เดช ดาวอะไรที่เป็นกาลี หรือกาลกิณีดาวนั้นเสีย ดาวอะไรที่เป็นศรี-มนตรี-เดช นั่นคือดาวที่ให้คุณ สำหรับดาวอื่นดาวบริวาร อายุ มูลละ อุตสาหะ เป็นดาวกลาง ๆ คือไม่ดีไม่เสีย ถ้าเป็นดาวศภเคราะห์ คือดาวที่ให้คุณ การทายจะมีหลักดังนี้ คนเกิดวันอาทิตย์ ดาวอาทิตย์ ๑ เป็น บริวาร ดาวจันทร์ ๒ เป็นอายุ ดาวอังคาร ๓ เป็นเดช ดาวพุธ ๔ เป็นศรี ดาวเสาร์ ๗ เป็นมูลละ ดาวพฤหัสบดี ๕ เป็นอุตสาหะ ราหู ๘ เป็นดาวมนตรี ดาวศุกร์เป็นกาลกิณี พยากรณ์ได้ว่า ท่านผู้นี้เป็นคนที่มีปากดี พูดจาดี มีมนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่นดี พูดจาเป็นหลักเป็นฐานมีคนเชื่อฟัง คือว่ากันไปตามความหมายของดาวพุธ ๔ แต่ก็มีข้อเสียทางด้านการเงิน คามรัก ทำงานการเงินไม่ดีนัก เพราะดาวศุกร์ ๖ เป็นดาวกาลกิณี จึงเป็นไปตามความหมายของดาวศุกร์ ๖ คือ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สอ้าน/สีดิน วันที่ตอบ 2005-02-18 16:10:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 10 (55555) | |
เรียนศิษย์ การทายจรเรื่องการเงินหรือความรักไม่ว่าลัคนาสถิตราศีใด ตนุเศษราศีใดก็ตาม ใช้ดาวศุกร์จรสัมพันธ์ดีกับลัคนาครับ ถ้าดีก็ได้เงินใช้ครับ ส่วนพฤหัส ๕ เป็นดาวจรประจำปี ปีใดเข้ามาดีกับลัคนา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สอ้าน/สีดิน วันที่ตอบ 2005-02-17 15:20:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 9 (55550) | |
เรียนคุณอภิชาติ ราหู ๘เมื่ออยู่ในเรือนปัตตานิ ถือว่าเป็นการทำลายคู่ ยิ่งถ้าดาวเจ้าเรือนปัตตานิไปอยู่ในภพวินาสน์ อริ มรณะ หรือ ๐ ทำลายด้วยยิ่งชัดเจนมากครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สอ้าน/สีดิน วันที่ตอบ 2005-02-17 15:11:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 8 (55413) | |
เรียนท่านที่ติดตามทุกท่าน บทเรียนที่ค้างอยู่นี้จะได้รับการเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ครับ ขอบคุณครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สอ้าน/สีดิน วันที่ตอบ 2005-02-17 10:11:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 7 (21371) | |
รอติดตามอยู่นะครับท่านอาจารย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์โข่ง วันที่ตอบ 2004-12-08 10:55:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 6 (15360) | |
จะมีการสอนสิบลัคนาต่อไหมคะอาจารย์เขียนเข้าใจง่ายดีค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เมย์ วันที่ตอบ 2004-11-23 10:13:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 5 (7931) | |
เรียนถาม อ.สอ้านครับ การอ่านดาวจร ถ้าลัคนาอยู่ราศีกุมภ์ และตนุเศษอยู่ราศีเมษ เมื่ออ่านดวงจร จะใช้ดาวพฤหัสหรือศุกร์เป็นดาวกดุมภะจรสัมพันธ์กับลัคน์ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์โง่ไม่เรียนเซ็น วันที่ตอบ 2004-11-01 00:02:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 4 (6472) | |
ขอเรียนถาม อ.สอ้านครับ ดาว๘ บาปเคราะห์ จรเข้าภพปัตนิ ถือว่าทำลายเรื่องคู่ครอง ในกรณีที่ ดาว ๘ เป็นเจ้าเรือนภพปัตนิ แถมเป็น มนตรีจร จะส่งผลดีหรือผลเสียในเรื่องคู่ครองครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชาติศิษย์ ศรีสิบลัคน์ วันที่ตอบ 2004-10-26 13:14:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 3 (6471) | |
ขอเรียนถาม อ.สอ้านครับ ดาว๘ บาปเคราะห์ อยู่ในภพปัตนิ ถือว่าทำลายเรื่องคู่ครอง ในกรณีที่ ดาว ๘ เป็นศรี กำเนิด อยูในภพปัตนิ จะส่งผลดีหรือผลเสียในเรื่องคู่ครองครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชาติศิษย์ ศรีสิบลัคน์ วันที่ตอบ 2004-10-26 13:11:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 2 (1047) | |
ไม่ทราบว่าจะมีต่อ ไหมครับอาจารย์ เพราะว่าอ่านแล้ว เข้าใจดี อยากรู้มากขึ้นนะครับ เปงไปได้ไหมครับว่าจะโทรไป สอบถามบางอย่างกับอาจารย์ นะครับ หรือ e-mailไปได้ไหมครับ ยังไงช่วยรบกวนตอบกลับทีนะครับ ขอบคุณครับบ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กลองของ วันที่ตอบ 2004-09-15 13:17:00 IP : |
ความคิดเห็นที่ 1 (1045) | |
ขอบคุณมากครับอาจารย์ที่สอน ผมได้เข้ามาที่ website นี้เปงครั้งแรก แล้ว ผมได้อ่านทำให้ ผมเข้าใจแล้วจะไปฝึกฝนอีกครั้งหนึ่งครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กลองของ วันที่ตอบ 2004-09-15 13:01:00 IP : |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 2037427 |