นอกจากดวงพินทุบาทว์แล้วยังมีอีกลักษณะหนึ่งที่จัดว่าเป็นดวงอาภัพได้เช่นกัน  คือ    ๘(กาลกิณี)สถิตภพพันธุ  หรือดาวเจ้าเรือนกัมมะถูกดาวบาปเคราะห์เกาะกุมหรือเล็งในภพวินาศก็ย่ำแย่เช่นกันมักเข้าทำนองทำดีปิดทองหลังพระต่อให้เก่งปานใดก็มักถูกกดถูกกันมิให้ก้าวไปถึงฝัน, ถูกแย่งตำแหน่งหรือโดนแป๊กคาสนาม

ดวงร้าว หรือดวงแตก ภาษาโหรเรียกว่า   "พินทุบาทว์"  เป็นดวงที่มีวิบากกรรมมากทำอะไรก็เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามจะได้ดีแต่ละทีก็แสนยากลำบาก  ครั้นพอใกล้จะได้ดีก็มีเหตุให้ล้มครืนเพราะเหตุต่างๆไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งจากศัตรู หรือเหตุไม่คาดฝันทำให้ไปไม่ถึงฝันที่หวังไว้   ทั้งๆที่ตัวเองมีความสามารถไม่ด้อยกว่าเพื่อนฝูงแต่เป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรเยอะมีวิบากกรรมมาตัดรอนอยู่เสมอทำให้ต้องเจออุปสรรคขวางหน้าทุกครั้งร่ำไป   มักเกิดทุกข์ร้อนใจเนืองๆรูปแบบของดวง  "พินทุบาทว์"  บูรพาจารย์ท่านผูกเป็นโคลงไว้ดังนี้

เสาร์(๗)เพ่งเล็งลัคน์แล้ว     อสุรา(๘)

ภุมเมศร์(๓)อัษฎา(แปด)     ว่าไว้

จันทร์(๒)สิบเอ็ดแก่รา        หูเล่า

อาภัพอัปภาคย์ให้               โทษแท้ประเหิรหินฯ

หมายความว่าในดวงชะตาใครก็ตามถ้าเข้าเกณฑ์พินทุบาทว์คือ มีดาว ๗ หรือ ๘ เล็งลัคน์ ,  หรือ ๓ อยู่ภพมรณะ  หรือ ๒ อยู่ในภพสิบเอ็ดของราหู(วิถีโคจรของราหู)   ล้วนเป็นดวงชะตาอาภัพให้โทษอย่างเที่ยงแท้   นอกจากนี้ยังมีดวงพินทุบาทว์อีกลักษณะหนึ่งคือ

ระวิ(๑)ภุมมะ(๓)ทั้ง             โสรา(๗)

ปัญจะแก่ลัคนา                    พุธ(๔)เก้า

จันทร์(๒)กับชีวา(๕)             เป็นแปด

ศุกร์(๖)เจ็ดอาจารย์เจ้า          ว่าร้อนนิรันดรฯ

หมายความว่า ดวงชะตาที่มี ๑, ๓,๗ สถิตอยู่ในภพปุตตะของลัคนา, ๔ อยู่ภพศุภะ,   ๒ หรือ ๕  อยู่ภพมรณะ,  ๖ เล็งลัคน์ มักเดือนร้อนเนืองๆเช่นกัน

หมายเหตุ....ลักษณะดวงชะตาที่มีดาวสถิตดังกล่าวข้างต้นเรียกว่าดวงแตกหรือดวงร้าว  หรือดวงอาภัพ   คือ  ชั่วชีวิตมีแต่เรื่องร้อนใจเนืองๆส่วนจะเรื่องอะไรก็ดูเอาว่าดาวที่ไปเข้าเกณฑ์พินทุบาทว์มาจากเจ้าเรือนภพใด  และดาวนั้นมีคุณสมบัติด้านใด