ReadyPlanet.com


ถึงอาจารย์ตาบอดส่องตะเกียงครับ


 

 1.ถ้าดาวพุธคู่กับดาวพฤหัส ถือว่าให้ผลดีในเรื่องสติปัญญาหรือเปล่าครับ

 2.ถ้าดาวพุธโคจรไปทับเกตุในดวงเดิมจะเป็นอย่างไรครับ

 3.ถ้าดาวที่ได้ค่าษัฑพละดี แต่สถิตอยู่ทุสถานภพจะถือว่าให้คุณหรือให้โทษกันแน่ครับ

 4.มีวิธีการคำนวนค่าษัฑพละของราหูกับมฤตยูบ้างไหมครับ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ จัด :: วันที่ลงประกาศ 2006-10-19 10:29:36 IP : 124.120.183.92


1

ความคิดเห็นที่ 5 (1035290)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-04 19:20:50 IP : 203.146.127.176


ความคิดเห็นที่ 4 (1033745)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-04 14:51:33 IP : 203.146.127.178


ความคิดเห็นที่ 3 (1033105)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-04 12:00:09 IP : 203.146.127.178


ความคิดเห็นที่ 2 (667308)

2. เรื่อง ราหูและเกตุ นั้นตำรากล่าวไว้น้อยมาก เนื่องจาก 2 ดวงนี้ถือเป็นดาวเคราะห์ฉายา แต่ก็พอมีกล่าวไว้ คือ

๔ สัมพันธ์ ๙ มักจะได้ความรู้ใหม่ , เกิดการต่อรอง , มีโชค , เป็นช่วงที่อยากเรียบเรียงวาจา , อยากศึกษาหาความรู้ , สนใจในคัมภีร์

แต่ถ้า ๔ กับ ๙ ทำมุมร้ายต่อกัน มักประสบกับเหตุการณ์ที่ผิดพลาด , ไม่รักษาวาจา , ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน , งุนงง , ไม่ลงตัว , ฝันเฟื่อง

 

3. ดาวที่ได้ค่าษัฑพละดี แต่สถิตอยู่ทุรสถานะ ดาวใดที่สถิตในทุรสถานะย่อมส่งผลแก่ชีวิตน้อย สู้ดาวที่สถิตในเรือนเกณฑ์ หรือ เรือนโกณไม่ได้ แม้มีกำลังดีก็ไม่ให้คุณสักเท่าใด

แต่จะให้ค่ามากในการเป็นเจ้าเรือนนั้นๆ อันนี้ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป การให้คุณให้โทษนั้นต้องดูจากสัมพันธ์ของดาวเคราะห์มากกว่า

 

4. ราหูและเกตุ ต่างก็เป็นเพียงเคราะห์ฉายา(ไม่ใช่ดาวจริง) ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีกล่าวไว้ในตำราเกี่ยวกับการคำนวณษัฑพละศักติ

ส่วน ยูเรนัส เป็นดาวที่โบราณไม่กล่าวถึงเนื่องจาก ท่านใช้ดาวที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาลที่อยู่ในขอบเขตของเส้น ECLIPTIC หรือ ที่เราเรียกว่าเส้นรวิมรรค หรือ เส้นทางโคจรของพระอาทิตย์เท่านั้น

ส่วนดาวที่โคจรอยู่นอกนั้นไม่ใช้ เส้นรวิมรรคนั้นมีขอบเขต 8 องศา มีเส้น DECLINATION ปัดเหนือปัดใต้ได้ไม่เกิน 23.5 องศา หากดาวเคราะห์ใดที่มีมากกว่าให้ถือว่าอยู่นอกเขต ย่อมไม่มีอิทธิพลต่อมนุษย์โดยตรงบนโลก

ฉะนั้นดาวที่เลยดาวเสาร์ออกไป โบราณจึงไม่ได้นำมาใช้นัก แต่ก็มีกล่าวถึงในอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งจะไม่ขอกล่าวเพราะจะยาวเกินไป โดยปราชญ์ทางโหราศาสตร์โบราณเคยกล่าวไว้ว่า "ดวงดาวบนท้องนภานั้นมีมากมายหลายโกฎิ แต่เรานำมาใช้เพียง ๗ ดวงก็เพียงพอแล้ว" อันนี้ผมเห็นด้วย ตีความแค่ 7 ดวงก็หัวจะระเบิดแล้ว 7 ดวงยังไม่ไปถึงไหน ล่อเอามาบวกอีก 3 ดวงจะไม่พา งง ยิ่งกว่าเดิมหรอ ถ้าตีความดาว 7 ดวงได้กระจ่างแล้วค่อยมาว่ากัน แต่ก็จะหาข้อมูลเกี่ยวกับดาว 3 ดวงนั้นมาให้ไว้ศึกษากันบ้างอย่างที่เคยทำไว้ในพยากรณ์ครับ(เดี๋ยวจะตกยุค อิอิ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2006-10-19 19:14:18 IP : 58.136.48.35


ความคิดเห็นที่ 1 (667281)

ตอบ

1. ทั้ง ๔ และ ๕ นั้นตามธรรมชาติเป็นศุภเคราะห์ แต่ ๕ เป็นกลางแก่พุธ และ ๔ เป็นศัตรูของ ๕

๔ มาสัมพันธ์กับ ๕ มักทำให้มีปัญหาเรื่องการศึกษา , การใฝ่หาความรู้ไม่จบสิ้น , การศึกษา การถ่ายทอดที่ล่าช้า , วุ่นวายเกี่ยวกับการแสวงหาความสำเร็จ , การเดินทางไกล , การแสวงหาความสงบ ความหลุดพ้น

 

๕ มาสัมพันธ์กับ ๔ จะร้อนวิชา , ได้ครอบครองข้าวของผู้อื่น , การเลียนแบบ , การฉวยโอกาศ

 

ถ้า ๔ และ ๕ มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จะทำให้มีความสามารถในด้านการศึกษา , ประสบความสำเร็จในการศึกษาหาความรู้ , ฉลาด , ใจดี , สติมั่นคง , มีความรู้ที่กว้างขวางทั้งทางโลกและทางธรรม

ถ้า ๔ และ ๕ มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน  จะทำให้ปลิ้นปล้อน , ปลอมแปลง , เหตุร้ายจากแดนไกล , ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ , หาความลงตัวไม่ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาบอดส่องตะเกียง วันที่ตอบ 2006-10-19 18:51:47 IP : 58.136.48.35



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.