เมื่อดาวเสาร์ดับในราศีกรกฎ พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เวลา ๐๐.๐๒ น. ได้มีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ดวงอาทิตย์โคจรทับดาวเสาร์มีมุม ๗ องศา ๐๐ ลิปดาเท่ากันพอดีในราศีกรกฎที่เรียกว่า ดาวเสาร์ดับ ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ (๑)
ดาวเสาร์และดวงอาทิตย์เป็นธาตุไฟ เมื่อโคจรมาทับกันจึงส่งอิทธิพลเป็นความร้อนให้ปรากฏ หากดวงชะตาของผู้ใดมีดวงอาทิตย์สถิตอยู่ในราศีกรกฎ (ผู้ที่เกิดในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๘) ความร้อนย่อมจะทวีเพิ่มมากขึ้น
เรื่องคุณโทษของความร้อนนี้ พระพุทธเจ้าได้แสดงพุทธภาษิตเตือนพระภิกษุทั้งหลายไว้ใน อาทิตตปริยายสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรลำดับที่ ๓ ต่อจาก ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และ อนัตตลักขณสูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลังจากได้ตัดสินพระทัยออกประกาศพระพุทธศาสนาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นที่มาของ วันอาสาฬหบูชา ยังผลให้พระพุทธองค์ได้สาวกผู้รู้ตามพระองค์ชุดแรก ๕ รูป คือ ปัญจวัคคีย์ และปราณชฏิลจำนวนมากถึงกับ ๑,๐๐๓ รูป ทำให้พระพุทธศาสนาแพร่หลายและหยั่งรากลึกลงอย่างมั่นคงในแคว้นมคธภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
พุทธภาษิตที่ได้ทรงแสดงไว้ใน อาทิตตปริยายสูตร มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
ความร้อนจำแนกออกเป็น ๒ ประเภท ประเภทหนึ่งเป็นความร้อนภายนอก อาทิ ความร้อนจากแสงแดด จากกองไฟ ฯลฯ อีกประเภทหนึ่งเป็นความร้อนที่เกิดขึ้นภายใน เนื่องจากไฟกิเลสตัณหาที่เผาผลาญจิตใจอยู่ ได้แก่ ความร้อนเพราะกิเลสคือ ราคะ โทสะ โมหะ ความร้อนเพราะความเกิด ความแก่ และความตาย และความร้อนเพราะความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย ความทุกข์ที่เกิดจากความร้อนเนื่องจากไฟกิเลสตัณหาเผาผลาญจิตใจนี้ ท่านเรียกว่า สันตาปทุกข์ ท่านที่เคยอ่านบทความของผมเกี่ยวกับเรื่องอิทธิพลของดาวเสาร์ คงยังจดจำได้ว่า ดาวเสาร์ได้มีอิทธิพลส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่ดวงเมืองประเทศไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.๒๕๔๗ ประกอบกับดวงเมืองฯ ประจำปี พ.ศ.๒๕๔๘ ซึ่งผมได้คำนวณขึ้นตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้า (Progress Horoscope) มีดาวเสาร์กุมลัคนา จึงถือว่า ดาวเสาร์เป็นดาวประจำเมืองประจำปีนี้ ดังนั้น เมื่อดาวเสาร์ดับในครั้งนี้ ดวงเมืองฯ ประจำปี พ.ศ.๒๕๔๘ จึงน่าจะได้รับการกระทบกระเทือนไปด้วยไม่มากก็น้อย ซึ่งผมจะไม่แจกแจงพยากรณ์รายละเอียดให้มากมาย เพราะเกรงว่า ประชาชนคนไทยซึ่งกำลังมีความทุกข์ ร้อนรุ่มกลุ้มใจอยู่กับวิกฤติปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงและปลอดภัยในเขตสามจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งความปลอดภัยของชีวิต ทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว ซึ่งไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เวลาใดในบ้านของตนเอง หรือในสาธารณสถานในรูปแบบถูกปล้น จี้ ข่มขืน หรืออุบัติภัยอื่นๆ ซึ่งหมุนเวียนเข้ามาทักทายไม่เว้นแต่ละวัน จะขวัญกระเจิงมากยิ่งขึ้นจนไม่เป็นอันทำมาหากิน ร้อนรุ่มมุ่งหน้าหาที่พึ่งทั้งพระ พ่อมด หมอผี เพื่อให้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ หากโชคดีได้พบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ได้รับธรรมทานจากท่านมาเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้ความร่มเย็นผ่อนคลายความทุกข์ของตนเองและครอบครัวได้ในระดับหนึ่ง ถ้าโชคร้ายไปพบพ่อมดหมอผี นอกจากจะเสียทรัพย์แล้ว ยังเสียตัว เสียผู้เสียคนไปไม่น้อยก็มี
สำหรับดวงชะตาของบุคคลที่เกิดในช่วงสัปดาห์ที่ ๔ ของเดือนกรกฎาคมนี้ น่าเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ดวงดาวในครั้งนี้ เนื่องจากจุดดับของดาวเสาร์อยู่มีเชิงมุมใกล้เคียงกับจุดสถิตของดวงอาทิตย์ในดวงชะตา ความร้อนที่เกิดจากธาตุไฟซึ่งเป็นธาตุของดาวเสาร์และอาทิตย์จะเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ หากลัคนาสถิตอยู่ในราศีตุลหรือใกล้เคียง จุดดับของดาวเสาร์จะสถิตอยู่ในเรือนที่ ๑๐ หรือภพที่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่การงาน และเจ้าชะตารับผิดชอบมีตำแหน่งที่เป็นประธานหรือผู้นำมวลชน บัลลังก์หรือเก้าอี้ของท่านจะร้อนรุ่มลุกเป็นไฟ ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตปัญหาที่ตนและหรือพรรคพวกบริวารได้สร้างขึ้นเองผสมกับวิกฤติปัญหาของบ้านเมืองรอบตัวรอบบ้านทั้งในด้านเศรษฐกิจสังคม ความมั่นคงและปลอดภัยของชาติในรูปแบบต่างๆ ทั้งดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นศุภเคราะห์ที่ควรจะให้คุณแก่เจ้าชะตา ได้โคจรเข้าไปสถิตในเรือนที่ ๑๒ หรือภพวินาศจึงไม่สามารถจะส่งอิทธิพลให้คุณแก่เจ้าชะตาได้ ทำให้เจ้าชะตาขาดกัลยาณมิตรที่ดี ขาดที่ปรึกษาที่ดี มีแต่มิตรเทียม ที่ปรึกษาที่หน้าไหว้หลังหลอก คอยชักมีดดาบไว้แทงข้างหลัง จะทำคุณงามความดีก็ไม่มีผู้ใดเห็นประจักษ์ เสมือนกับปิดทองหลังพระ
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ดาวอังคารซึ่งเป็นบาปเคราะห์ยังโคจรเข้าไปสถิตอยู่ในเรือนที่ ๗ ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับคู่ครอง ทำมุมเบียน ๙๐ องศาเป็นทุกข์โทษกับดวงอาทิตย์และดาวเสาร์ที่ดับในเรือนที่ ๑๐ ดาวอังคารเป็นธาตุลม จึงช่วยพัดกระพือโหมให้ความร้อนที่มีอยู่แล้วให้ร้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้น
หากจะมีคำถามว่า เมื่อเจ้าชะตามีเคราะห์ร้ายขนาดนี้ ควรจะทำพิธีสะเดาะเคราะห์อย่างไร ผมจึงขอแนะนำให้เจ้าชะตาทั้งหลายที่เกิดในช่วงสัปดาห์ที่ ๔ ของเดือนกรกฎาคมนี้ ตั้งสติศึกษาพิจารณา อาทิตตปริยายสูตร ที่ผมแสดงไว้ในตอนต้นของบทความนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ได้แสดงไว้อย่างชัดเจนถึงทุกข์ สมุทัย ที่ทำให้เกิดความร้อนรุ่มภายในใจเนื่องจากถูกไฟกิเลสตัณหาเผาผลาญในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะต้องใช้วิธีดับทุกข์หรือทุกข์นิโรธ แล้วปฏิบัติการตามขึ้นตอนการดับทุกข์ (อริยมรรค) ที่ถูกต้อง คือ การดับไฟกิเลสตัณหาที่มีให้หมดสิ้นไป แล้วปฏิบัติตามอย่างจริงจัง ควบคู่กับการสมาทานและรักษาศีล และการบำเพ็ญกุศลกรรมต่างๆ ทั้งจะต้องมีสติตั้งอยู่บนความไม่ประมาทเสมอ ถึงแม้ว่า ไม่สามารถจะกำจัดกิเลสตัณหาที่ฝังตัวอยู่ในจิตใจให้หมดสิ้นเนื่องจากยังไม่บรรลุนิพพาน ก็ยังดีกว่าไม่กระทำอะไรเลย หากเจ้าชะตาปฏิบัติได้เช่นนี้ ผมรับรองได้ว่า จะทำให้เกิดอานิสงส์ช่วยผ่อนบรรเทาทุกข์โทษ ผ่อนคลายความร้อนที่เกิดจากกิเลสตัณหาที่เผาผลาญจิตใจอยู่ในขณะนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งผมขออนุโมทนาด้วยใจจริง
หมายเหตุ (๑) ตรงกับปฏิทินดาราศาสตร์สากล |