|
ดาวฮิมเดือน พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ๒๐ ต.ค.๔๖ |
คำว่า ดาวฮิมเดือน เป็นภาษาพื้นเมืองของคนไทยภาคเหนือ ซึ่งคงจะไม่คุ้นหูคุ้นตานักศึกษาวิชาโหราศาสตร์กันมากนัก ความหมายที่แท้จริงของคำนี้ก็คือ ดาวเข้าวงพระจันทร์ หรือ ดวงจันทร์ได้โคจรไปบังดาวหนึ่งดาวใด (Occultation) นั่นเอง ดาวในที่นี้หมายถึงดาวพระเคราะห์ อาทิ ดาวเสาร์ อังคาร เป็นต้น หรือดาวฤกษ์ดวงหนึ่งดวงใด ในกรณีที่ดวงจันทร์โคจรเข้าไปบังดาวพระเคราะห์มีชื่อเรียกเป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่งว่า ครหคราส ส่วนกรณีที่ดวงจันทร์เข้าไปบังดาวฤกษ์ มีชื่อพิเศษเรียกว่า นักษัตร์คราส คำว่า คราส ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ แปลว่า กิน แต่เรามักจะใช้ในความหมายว่า อม เช่น สุริยคราส แปลว่า ราหูอมอาทิตย์ จัทรคราส แปลว่า ราหูอมจันทร์ ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ไทยโบราณถือว่า ราหูเป็นดาวดวงหนึ่ง เช่นเดียวกับธาตุ แต่หลักวิชาโหราศาสตร์ปัจจุบันซึ่งนักศึกษาบางส่วนยอมรับแล้ว รวมทั้งโหราศาสตร์ฮินดู และโหราศาสตร์ตะวันตก ถือว่าเป็นจุดตัดระหว่างเส้นทางโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ หรือ รวิมรรค กับเส้นทางโคจรของดวงจันทร์รอบโลก หรือ จันทรมรรค ซึ่งจะมี ๒ จุด จุดตัดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ดวงจันทร์โผล่ขึ้นมาทางตะวันออกกับดวงอาทิตย์เรียกตามวิชาการโหราศาสตร์ว่า ราหู (North Node) และจุดตัดในทางตรงข้ามเรียกว่า เกตุ (South Node) เมื่อใดก็ตาม ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์มีองศาเท่ากัน และอยู่ในระนาบเดียวกัน เราเรียกว่า จันทร์ดับอมาวสี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันข้างแรม ๑๕ ค่ำของเดือนคู่ และวันข้าแรม ๑๔ ค่ำของเดือนคี่ตามปฏิทินจันทรคติ นอกจากนี้ ถ้าจุดที่จันทร์ดับนั้นมีองศาห่างจากราหูไม่เกิน ๑๕ องศา ก็จะเกิดสุริยคราสขึ้น ในทางตรงข้าม หากเมื่อใดดวงจันทร์ทำมุมเล็ง ๑๘๐ องศากับดวงอาทิตย์และอยู่ในระนาบเดียวกัน เมื่อนั้นดวงจันทร์จะเต็มดวงที่เรียกว่า จันทร์เพ็ญ นอกจากนี้ถ้าจุดที่จันทร์เพ็ญนั้นอยู่ห่างจากราหูไม่เกิน ๙ องศา ก็จะเกิดจันทรคราสขึ้น เช่นเดียวกับดาวพระเคราะห์อื่นๆ หากโคจรเข้าไปสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์เป็นเชิงมุม ๐ องศา ก็เรียกว่า ดาวนั้นดับ หรือเมื่อทำมุม ๑๘๐ องศา กับดวงอาทิตย์ ก็เรียกว่า ดาวนั้นเพ็ญ เรื่องที่ว่า สุริยคราสและจันทรคราสนั้นมีอิทธิพลต่อโลก บ้านเมือง หรือตัวบุคคลหรือไม่เพียงใดนั้น ไม่มีกล่าวถึงกันมากนักในวงการโหราศาสตร์ฮินดูและตะวันตก สำหรับโหราศาสตร์ไทยนั้นแต่เดิมมิได้มีการกล่าวถึงเช่นกัน ต่อมาได้โหราจารย์ไทยสองท่าน คือ พันเอกประจวบ วัชรปาณ และอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ได้สนใจทำการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง ปัจจุบันนี้ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ยังมีศิษย์ของท่านที่สืบทอดเจตนารมย์ของท่านทำการศึกษาค้นคว้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง อาทิ คุณยอดธง ทับทิวไม้ รวมทั้งผมซึ่งได้นำเสนอบทความกรณีศึกษาฯ ไปแล้วมากมายหลายครั้ง จนถึงบัดนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่น่าเชื่อว่า ทั้งสุริยคราสและจันทรคราสนั้นมีอิทธิพลต่อโลก และบ้านเมืองแน่ ส่วนตัวบุคคลนั้น ผมได้เคยกล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า ยังไม่แน่นอนเพราะมีตัวแปรสำคัญคือ กฎแห่งกรรม เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ยังสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้าให้รู้ว่า กำลังจะเป็นเหตุภัยเกิดขึ้น เป็นการเตือนสติให้เจ้าชะตาตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ถึงแม้ว่าเหตุภัยจะเกิดขึ้นจากอิทธิพลของคราสจริง เมื่อเจ้าชะตาตั้งอยู่บนความไม่ประมาทแล้วย่อมผ่อนบรรเทาทุกข์โทษนั้นได้ เป็นที่น่ายินดีว่า ในปัจจุบันนี้ วงการโหราศาสตร์ตะวันตกได้ให้ความสนใจติดตามศึกษาค้นคว้ากันมากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ปรากฏว่า มีโหราจารย์ท่านใดได้เขียนตำราอธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดเพียงพอที่จะใช้เป็นเอกสารอ้างอิงได้ ผมได้เขียนบทความเรื่องดาวฮิมเดือน หรือ ดาวเข้าวงพระจันทร์มาหลายเรื่องแล้ว และได้เน้นถึงเรื่อง ดาวเสาร์เข้าวงพระจันทร์ เนื่องจากได้พบว่าโหราจารย์โบราณได้ให้ความสำคัญอยู่มาก ดังปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุโหร ส่วนเรื่อง ดาวอังคารเข้าวงพระจันทร์ ที่ผมได้นำเสนอเป็นบทความออกเผยแพร่เมื่อไม่นานก็เป็นเพียงกรณีศึกษาทางวิชาการเท่านั้น ในขณะที่เขียนบทความดังกล่าวก็ได้เกิดความคิดใหม่ขึ้นว่า เมื่อมีดาวพระเคราะห์หนึ่งใดโคจรเข้าวงพระจันทร์ คือ เข้าไปอยู่ด้านหลังของดวงจันทร์แล้ว ดวงจันทร์สามารถช่วยถ่ายทอดพลังงานของดาวพระเคราะห์นั้นมายังโลกได้มากขึ้นในลัษณะเดียวกับสถานีถ่ายทอดโทรทัศน์ หรือ สถานีรีพีทเตอร์ที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคม หากเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังในกรณีที่เกิดขึ้นทุกวันพระแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ ที่เรียกว่า วันจันทร์ดับอมาวสี เช่นเดียวกับดาวเสาร์และดาวอังคาร ซึ่งตามหลักโหราศาสตร์ถือว่า เป็นบาปพระเคราะห์ (ในบางโอกาสดาวทั้งสองก็เป็นดาวที่ให้คุณได้เหมือนกัน) ดวงจันทร์น่าจะถ่ายทอดพลังงานที่เป็นทุกข์โทษมายังโลกได้เช่นเดียวดับกรณีที่เกิดสุริยคราส หรือ กรณีที่ดาวเสาร์และดาวอังคารเข้าวงพระจันทร์ เมื่อกล่าวถึงดาวอังคารเข้าวงพระจันทร์ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๖ และจาผลการศึกษาโดยนำเอาหลักวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาวมาผสมผสานจนเป็นที่น่าเชื่อได้ว่า มีอิทธิพลต่อเหตุการณ์โลกและบ้านเมืองจริง เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๔๖ เวลา ๒๒.๓๙ น (เวลาในเมืองไทย) ได้เกิดปรากฏการณ์ดาวฮิมเดือน คือ ดวงจันทร์ได้เข้ามาบังดาวอังคาร หรือดาวอังคารได้เข้าวงพระจันทร์อีกครั้งหนึ่ง ตามหลักฐานที่บันทึกไว้ในวิชาการดาราศาสตร์ ปรากฏว่าจะสามารถเห็นได้ในพื้นที่บริเวณหมู่เกาะปาปัวนิวกินี ประมาณลองติจูด ๑๕๐ องศาตะวันออก และละติจูด ๖ องศาใต้ ดาวอังคารใช้เวลาอยู่หลังดวงจันทร์ประมาณ ๓๓ นาที ซึ่งตามสมมุติฐานที่ผมได้ตั้งไว้ ปรากฏการณ์นี้จะบังเกิดผลแก่เหตุการณ์โลกและบ้านเมืองภายในเวลาประมาณ ๑๕ วัน ซึ่งเป็นไปตามนั้นจริงๆ กล่าวคือ ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่บริเวณหมู่เกาะปาปัวนิวกินีในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๖ เวลาในประเทศไทย ๑๗.๑๙ น มีความแรงถึง ๖.๔ ริคเตอร์ จึงเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ผมได้กล่าวถึงดาวเสาร์ฮิมเดือน และดาวอังคารฮิมเดือนมามากแล้ว ต่อไปนี้ผมจะกล่าวถึงดาวฮิมเดือนอื่นๆ บ้าง ในวันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๖ เวลาในประเทศไทย ๒.๕๓ น. จะเกิดปรากฏการณ์ดาวศุกร์เข้าวงพระจันทร์ หรือดาวศุกร์ฮิมเดือน ตามหลักฐานทางวิชาการดาราศาสตร์ จะครอบคลุมอาณาบริเวณตั้งแต่ฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ด้านมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ประเทศบราซิลผ่านตอนกลางของทวีปไปจนถึงหมู่เกาะตาฮิติในมหาสมุทรแปซิฟิก ใช้เวลาอยู่หลังดวงจันทร์ประมาณ ๑ ชั่วโมง ตามวันเวลาดังกล่าวตามหลักวิชาโหราศาสตร์ฮินดู ปรากฏว่า ดาวศุกร์ซึ่งตามหลักวิชาโหราศาสตร์ทั่วไปเป็นดาวศุภเคราะห์ได้แปรสภาพเป็นบาปเคราะห์ เช่นเดียวกับดาวเสาร์และดาวอาทิตย์ เมื่อได้ผูกดวงเมืองของประเทศบราซิลตามหลักวิชาโหราศาสตร์ตะวันตก (Geodic Chart) แล้วปรากฏว่า ดวงจันทร์นอกจากจะถ่ายทอดพลังงานที่เป็นทุกข์โทษของดาวศุกร์ซึ่งเป็นเจ้าเรือนที่ ๑๐ ของดวงเมืองเข้ามายังโลกแล้ว ยังทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศากับดาวมฤตยู จึงช่วยถ่ายทอดพลังงานของดาวมฤตยูในลักษณะที่เป็นทุกข์โทษมายังโลกอีกส่วนหนึ่ง ดาวมฤตยูในขณะนี้ยังอยู่ในลักษณะทับกับดาวอังคารห่างกันประมาณ ๖ องศาอยู่ในเรือนที่ ๘ หรือ ภพมรณะ ซึ่งสถิตอยู่ในราศีมีน ซึ่งมีดาวพฤหัสบดีเป็นเจ้าเรือน และดาวอังคารยังทำมุมเบียนประมาณ ๑๕๐ องศากับดาวเนปจูน และทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศากับดาวพลูโต นอกจานี้ ดาวจันทร์ยังทำมุมประมาณ ๑๘๐ องศากับราหูซึ่งอยู่ในเรือนที่ ๑๐ ซึ่งสถิตอยู่ในราศีพฤษภมีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือน ดวงจันทร์จึงช่วยถ่ายทอดอิทธิพลของราหูมายังโลกอีกส่วนหนึ่ง ดาวอังคารคู่กับดาวมฤตยูหมายถึงอุบัติภัย ดาวอังคารและราหูเป็นธาตุลม ดาวเนปจูนมีอิทธิพลเกี่ยวกับพลังงานน้ำมัน ทะเล มหาสมุทร ดาวพลูโตมีอิทธิพลเกี่ยวกับการเกิดการตาย เรืออับปาง การลอบสังหาร แผ่นดินไหว ดาวพฤหัสบดีเป็นเจ้าเรือนที่ ๘ หรือ ภพมรณะ มีความหมายถึงการสูญเสียต่างๆ อิทธิพลของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่ถูกถ่ายทอดพลังงานมายังโลกดังกล่าว จึงน่าจะพยากรณ์ว่า นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไปประมาณ ๑ เดือน จะเกิดแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น น้ำท่วมฉับพลัน มีอุบัติภัยทางทะเล เกิดเรืออับปาง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นในบางประเทศในภูมิภาคส่วนนี้ก็ได้ ส่วนบ้านเรานั้น ดาวเนปจูนยังอยู่เหนือหัว หรือ เรือนที่ ๑๐ และราหูอยู่ในเรือที่ ๑ ของดวงเมือง เรื่องฝนตก น้ำท่วมฉับพลัน พายุฟ้าคะนอง จึงจะยังคงเกิดขึ้นไปอีกนาน อนึ่ง จุดที่ดาวศุกร์เข้าวงพระจันทร์นั้นอยู่ในเรือนที่ ๗ ซึ่งสถิตอยู่ในราศีตุลย์มีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือน ทั้งดาวศุกร์ยังเป็นเจ้าของเรือนที่ ๒ ของดวงเมืองซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจ การเงิน การคลังของประเทศ จึงต้องจับตาสังเกตเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยใกล้ชิด ผู้บริหารของประเทศไม่ควรประมาทในเรื่องนี้ ควรน้อมเกล้าฯ รับสนองพระบรมราโชวาทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาฯ พระราชทานแก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (ผู้ว่าฯซีอีโอ) ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหินเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ เวลา ๑๗.๓๐ น. ไว้ว่า
..รัฐบาลบอกว่าต่อไปจะไม่มีคนจน ก็แสดงว่า ต่อไปก็จะไม่มีผู้ผลิตอาหาร เป็นการพูดทิ้งปริศนาที่ไม่ค่อยสวยนัก แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า หน้าที่ของท่านเป็นอย่างไร ที่จะทำให้คนจนสามารถมีรายได้ สามารถเป็นนักเศรษฐศาสตร์ได้
. **************************** |