แม่บททักษา ภาคพยากรณ์จร (ดาวพระเคราะห์เสวยและดาวพระเคราะห์แทรกอายุ)                               ศรรวสา      ในการเรียนวิชาขั้นสูงขึ้นไปนั้นเปรียบเหมือนการฝึกจิต ในระหว่างการเรียนนั้นจำเป็น ต้องมีผู้คอยควบคุมและคอยแนะนำอย่างใกล้ชิด  ให้เดินตรงไปตามเส้นทางเหมือนกับว่าเดินบนไม้กระดานแผ่นเดียว ที่ทางด้านซ้ายเป็นป่าทางด้านขวาเป็นทะเล ถ้าไม่ควบคุมให้ดีแล้ว ก็มีสิทธิ์ออกป่าออกทะเลได้โดยง่าย เพราะว่ายิ่งเรียนสูงขึ้นไปยิ่งมีทางแยกมากมาย มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ความคิดจะเริ่มหลากไหลบ้างก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ   ยิ่งมีจินตนาการกว้างไกลก็ยิ่งมีสิทธิ์ธาตุไฟแทรกได้ง่ายเช่นกัน ผู้เขียนรู้ดีว่าถึงบอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ นอกเสียจากว่าผู้ที่เคยประสบมาด้วยตัวเองเท่านั้น แต่การที่ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สำคัญตรงที่ผู้เขียนมีหน้าที่ถ่ายทอด และผู้เขียนก็ตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่าที่มีความสามารถจะพึงกระทำได้ ตัวผู้เขียนเองนั้น ก็เริ่มเรียนจากการไม่ชอบและไม่เชื่อในตัววิชา  เพียงแต่มีความเชื่อมั่นในตัวอาจารย์ เพราะได้รับรู้ถึงความกรุณาปราณีความยินดีที่จะให้ในสิ่งที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นตัววิชา (ศาสตร์ของการพยากรณ์) มารยาท(ของนักพยากรณ์) หรือว่าหลักในการดำเนินชีวิต (สำหรับผู้ที่จะสืบต่อและถ่ายทอดวิชา) ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า การที่เราสามารถเข้าถึงซึ่งจิตใจของบุคคลหนึ่งอย่างถ่องแท้แล้วนั้นมีคุณค่าและน่าซาบซึ้งเพียงไร เพราะก่อนที่จะเข้าใจในวิชานั้นต้องเข้าใจในตัวอาจารย์เสียก่อนว่าท่านเป็นอย่างไรและต้องการให้สิ่งใดกับเรา ไม่ใช่ตั้งเป้าว่าเราจะได้อะไรจากท่าน เมื่อได้หรือไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ละจากไป โดยหารู้ไม่ว่าในตัวอาจารย์นั้นมีวิชาอีกมากมายที่ให้เรียนรู้ให้ศึกษาต่อ ในอบรมสั่งสอนต่างๆ นั้นจะเป็นแนวทางให้คนรุ่นต่อไปได้ปฏิบัติตาม รับมาอย่างไรก็ถ่ายทอดไปอย่างนั้น การพยากรณ์จร โดยใช้วัยจรเป็นหลักในการดูแนวโน้มของวิถีชีวิต มีการกำหนดระยะเวลา เพื่อควบคุมในเรื่องต่างๆ แต่เนื่องจากการแบ่งวัยของทักษานั้นกว้างเกินไปและกินระยะเวลาหลายปี จึงได้มีการนำดาวเสวยอายุและดาวแทรก (ดาวพระเคราะห์เสวยและดาวพระเคราะห์แทรกอายุ) เข้ามากำหนดความขอบเขตเพื่อให้ได้รายละเอียดเพิ่มขึ้น ดาวเสวยอายุมีอิทธิพลเป็นอันดับแรกเพราะเป็นโครงสร้างหลักของวัยจร ส่วนดาวแทรกนั้นเป็นการขยายผลต่อว่า ในระหว่างช่วงวัยดังกล่าวนั้น มีเหตุการณ์อะไรเพิ่มเติมไปอีก ตัวอย่าง ดวงชาย เกิดวันเสาร์  9/3/2511 เวลา 18.10 น. เมื่อตั้งตารางทักษาและผูกดวงจักรราศีขึ้นมาแล้ว จึงเริ่มนับอายุเพื่อหาวัยจรนั้น เริ่มนับที่ภูมิบริวารเป็นอันดับแรก จากตัวอย่าง เจ้าชะตาเกิดวันเสาร์ จึงเริ่มนับขวบปีแรกที่ภูมิบริวาร ๗ วัยแรก    เริ่มที่ภูมิบริวาร ๗   ดาวเจ้าวัยเป็นดาวเสาร์  ช่วงอายุตั้งแต่  1-10 ปี ดาวเสาร์เสวยอายุ วัยที่สอง เริ่มที่ภูมิอายุ ๕  ดาวเจ้าวัยเป็นดาวพฤหัส ช่วงอายุตั้งแต่ 11 - 29ปี ดาวพฤหัสเสวยอายุ  วัยที่สาม เริ่มที่ภูมิเดช ๘   ดาวเจ้าวัยเป็นดาวราหู  ช่วงอายุตั้งแต่  30 - 41ปี ดาวราหูเสวยอายุ                                             ในปีปัจจุบัน(2550)เจ้าชะตาอายุย่าง 40 ปี อยู่ในช่วงวัยที่สาม ดาวราหูเสวยอายุ ดาวราหู มาอยู่ภูมิอายุ ๕  ที่ราศีมีน ธาตุดินน้ำชั้นสาม  ดาวราหูนั้นมีดาวอังคารคู่ธาตุลม และดาวเสาร์คู่มิตรกุมอยู่ที่ราศีมีน จากตรงนี้โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดข้อสงสัยและให้ความสนใจกับดาวที่กุมกันมากกว่าดาวที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง เพราะอยากรู้ไปล่วงหน้าว่าดาวที่มาอยู่นั้นจะช่วยอะไรได้บ้าง บางครั้งศัพท์ทางวิชาการ ไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายเลย บางครั้งผู้เขียนจึงใช้การคิดถึงเรื่องที่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของคนปกติทั่วไป โดยการนึกมโนภาพว่าดาวนั้นเป็นตัวบุคคล พอมาอยู่ภูมิอายุ ผู้นั้นจะเข้ามามีอิทธิพลต่อวิถีการดำเนินชีวิตแต่เดิมของเจ้าชะตา  ที่ราศีมีนเป็นธาตุน้ำชั้นสาม ถ้ามองภาพยาก ให้ลองนึกถึงน้ำในบ่อหรือน้ำในบึงก็ได้  ที่นี้สภาพน้ำนั้นเป็นอย่างไร ถ้าท่านผู้อ่านนึกถึงน้ำจะนึกว่าเป็นอย่างไร  ความเย็น ความแปรปรวน  ความพลิ้วไหวของสายน้ำ ระลอกคลื่น แสดงว่า สถานที่ตรงนั้นสามารถอยู่ได้อย่างสบาย ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องแข่งขัน เมื่อเป็นภูมิของดาวพฤหัส จะหมายถึงว่าแต่เดิมนั้นเจ้าชะตา มีวิถีชีวิตตามประเพณีที่สืบทอดต่อกันมา   มีแนวทางที่ปฏิบัติกันจนเกิดความเคยชินทำให้ดูเหมือนไม่ใช่กฎ แต่เป็นหน้าที่ ที่ควรกระทำอยู่แล้ว  เช่น การเคารพนบไหว้ผู้ใหญ่ ดาวราหูมาอยู่ภูมิอายุ ๕ ส่งผลให้เกิดการกระทำที่แปลกแหวกแนว เพื่อหาสิ่งที่ตื่นเต้นเร้าใจไม่เรียบง่ายอย่างเดิม ดาวราหูธาตุลม ซึ่งเคยพัดไหวได้ตามใจชอบเมื่อมาอยู่ธาตุน้ำ กระแสน้ำจะรั้งไว้ไม่ให้กระเจิดกระเจิงไป  ถึงจะมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในกรอบ  ถึงแม้ไม่อยากสนใจ อยากได้อิสรเสรี แต่ก็ทำได้ยาก เพราะไม่ใช่สิ่งที่เคยปฏิบัติมา เมื่ออ่านดาวหลักของเรื่องเรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากจะอ่านดาวที่กุมว่าส่งผลอะไร ก็ค่อยนำมาอ่านเสริม  ถ้าจะถามว่าจำเป็นต้องอ่านหรือไม่ ก็ขอบอกว่าไม่จำเป็น แต่ถ้าจะอ่านก็ได้ไม่ผิดอะไร ทั้งสองดาว เข้ามามีผลกับดาวราหู ในฐานคู่ธาตุ (๓) และฐานคู่มิตร(๗) มาดูกันที่ ดาวอังคาร คู่ธาตุลม ของดาวราหูกันก่อน ลมของดาวอังคาร ส่งแรงกำลังให้ลมของดาวราหู เกื้อหนุนกัน ทำให้เกิดแรงต้านกระแสน้ำผลักดันให้กลายเป็นคลื่น  ทำให้ความเอื่อยเฉื่อยของน้ำนั้นผันผวนขึ้นมา เมื่อได้แรงสนับสนุนเช่นนี้ถ้าดาวราหูจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือปฏิวัติรูปแบบใหม่เพื่อตามใจที่ตัวเองต้องการนั้นก็ทำได้ไม่ยากแล้ว ทำให้สภาพที่เคยเป็นอยู่แต่เดิมมานั้น มีการเอาจริงเอาจังเพิ่มขึ้น  ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แทนที่จะใช้ความเมตตาปราณี ถ้าต้องการทำสิ่งใดจะรวดเร็วทันใจ ไม่ใช่แบบเช้าชามเย็นชาม             ส่วนดาวเสาร์ที่เข้ามาในฐานคู่มิตรของดาวราหูนั้น ส่งผลดาวราหูให้ไม่มุทะลุวู่วาม ด้วยความขี้วิตกกังวล จนจุกจิกของเสาร์นั้น ช่วยยับยั้งไว้ ดึงความเหลวไหล การเอาแต่ใจให้มีสติขึ้น ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่อย่างไรเสียก็เห็นแก่ความเป็นคู่มิตร ทำให้ต้องคิดซ้ำยอมกระทำตามบ้าง จะเห็นว่าดาวที่กุมทั้งสองดวงนั้น ส่งผลคานอำนาจกันอยู่ ดาวหนึ่งดึง ดาวหนึ่งส่ง และจะเกิดผลดีได้ ถ้ารู้จักเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับจังหวะและโอกาส  ไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็ว ฉับไวแบบดาวอังคาร หรือช้าๆ ได้พร้าเล่มงามของดาวเสาร์ จากนั้น ถ้าอยากจะขยายเรื่องต่อไป ก็สามารถนำดาววันเกิดมาอ่านร่วมกับดาวเสวยอายุ ได้อีกชั้นหนึ่ง เมื่อเจ้าชะตาเกิดวันเสาร์  ถือว่าดาวเสาร์มีอิทธิพลต่อเจ้าชะตาแต่แรกเริ่ม  จะเป็นการนำคู่ดาวมาอ่านเพียงอย่างเดียว โดยไม่ใช้ความหมายภูมิมาร่วมอ่าน ช่วงที่ดาวราหูเสวยอายุ ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่เจ้าชะตาได้ผ่อนคลายจากสิ่งต่าง ๆ ที่เคยสร้างความวิตกกังวลให้  ไม่เก็บงำความโศกเศร้าไว้  ไม่ถือสาหาความหรือเก็บสิ่งใดมาให้ร้อนใจมากมาย เป็นช่วงที่ได้ปลดปล่อยความทุกข์ ความเศร้า เริ่มเปิดโอกาสให้กับตัวเอง เข้าหาผู้คนเพื่อเที่ยวเตร่เฮฮามากขึ้น ความหวาดระแวงแคลงใจเปลี่ยนไปเป็นการเปิดใจยอมรับในสิ่งต่างๆ ได้ เมื่ออ่านช่วงเวลาของดาวเสวยอายุแล้ว ต่อมาเป็นเรื่องของดาวแทรก เพราะในช่วงที่ดาวราหูเสวยอายุ 12 ปีนั้น ดาวราหูไม่ได้ทำหน้าที่ตลอดทั้ง 12 ปี ระหว่างนี้จะมีดาวแทรกที่แตกต่างกันไป ดังนี้ (ระยะเวลาของดาวแทรกต่างๆ ผู้เขียนนำมาจากโปรแกรมโฮ๋ราสาด รุ่นโปรฯ)   ดาวราหู              เสวยอายุ            1ปี 4 เดือน ดาวศุกร์              แทรกดาวราหู     2 ปี 4 เดือน ดาวอาทิตย์         แทรกดาวราหู      8 เดือน ดาวจันทร์            แทรกดาวราหู      1 ปี  8 เดือน ดาวอังคาร           แทรกดาวราหู      10 เดือน 20 วัน ดาวพุธ               แทรกดาวราหู      1 ปี 10 เดือน 20 วัน ดาวเสาร์ แทรกดาวราหู      1 ปี 10 เดือน 10 วัน ดาวพฤหัส           แทรกดาวราหู      2 ปี 1 เดือน 10 วัน   เมื่อได้ช่วงระยะเวลาที่ของดาวแทรกต่างๆ แล้ว จากนั้นมาดูที่อายุปัจจุบันของเจ้าชะตา เป็นช่วงที่ ดาวพฤหัสแทรกดาวราหู เป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน 10 วัน  ขั้นตอนในการอ่านดาวแทรกนั้น จะมี 3 ขั้นตอน คือ 1. อ่านดาวแทรกกับดาวเสวยอายุ (๕ – ๘) ดาวแทรกเป็นดาวพฤหัส ในช่วงที่ดาวพฤหัสทำหน้าที่แทรกดาวราหูนั้น ทำให้เจ้าชะตาเริ่มคิดได้ ถ้าปล่อยตัวให้เหลวไหลมากไป หรือการทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จะรู้จักดัดแปลงแก้ไขให้ดีขึ้นให้อยู่ในกรอบในแนว มีการวางแผนไตร่ตรองก่อนที่จะกระทำ ใช้ประสบการณ์ ความผิดพลาด มาเป็นคุณประโยชน์ รู้จักคิดแก้ไข จนกลายเป็นความสามารถพิเศษ  มีการวางแผนการที่ค่อนข้างแยบยล มีกลอุบายที่จะเอาตัวรอดได้อย่างทันท่วงที 2. อ่านดาวแทรกกับดาววันเกิด (๕ – ๗) ดาวแทรกที่เป็นดาวพฤหัส ส่งผลให้ เริ่มใช้การหาเหตุผล เพื่อมาแก้ไขในสิ่งที่วิตกกังวลแต่เก่าก่อน   ไม่ว่าจะความทุกข์ใดๆ หรือความทรงจำที่เลวร้ายต่างๆ         เริ่มหาทางออกได้และรู้จักการใช้สติปัญญาเพื่อคลี่คลายปมปัญหาให้กับตัวเอง มีการปลงได้ไม่คิดซ้ำซาก  มีการช่วยเหลือเผื่อแผ่ให้กับคนทั่วไป ไม่เก็บตัวหรืออยู่แต่ในโลกส่วนตัวเหมือนอย่างแต่ก่อน 3. อ่านดาวแทรกจากดวงจักรราศี ดาวแทรก ๕ อยู่ภูมิมูละ ๑ ที่ราศีสิงห์(ธาตุไฟชั้นสอง) ทำให้เกิดความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ที่จะไขว้คว้าในสิ่งที่เป็นเครื่องที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่ง ความมีฐานะ  ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถยนต์ หรือเครื่องประดับต่างๆ ที่มีค่ามีราคา(มูละ๑) ความร้อนของธาตุไฟ กระตุ้นให้เร่งผลักดัน จึงทำให้ขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ขาดการพิถีพิถัน แต่เป็นการมั่นใจในฝีมืออย่างเต็มเปี่ยมว่าต้องทำได้  เชื่อมั่นในความรู้ ความคิดและความเก่งกล้าสามารถของตัวเอง             เมื่อแยกอ่านตามลำดับขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยออกคำพยากรณ์เพื่อสรุปผล ในช่วงอายุ 40 ปี เป็นช่วงที่ ดาวราหูเสวยอายุและดาวพฤหัสแทรก ทำให้ช่วงวัยนี้ของเจ้าชะตาต้องรู้จักการชิงไหวชิงพริบ การพลิกแพลงอย่างมีชั้นเชิง(ดาวราหูเสวยอายุ) สร้างความแปลกใหม่ให้กับวิถีชีวิตเดิม ๆ ต้องลงแรงทั้งกายใจและรู้จักการระงับอารมณ์ ตรงไหนเร่งได้ก็เร่ง ตรงไหนต้องผ่อนต้องช้า ก็รอเวลาได้เช่นกัน (กุมกับดาวอังคารและดาวเสาร์) แต่ก็ไม่เก็บงำสิ่งใดเพื่อนำไปเป็นความทุกข์ (อ่านร่วมกับดาววันเกิด) การที่ดาวราหูไปอยู่ภูมิดาวพฤหัส แต่เดิมมานั้น ทำให้ได้รับการซึมซับมีการเรียนรู้แบบอยู่ในกรอบ ในระเบียบมาบ้างแล้ว ถึงแม้จะไม่เต็มที่นักก็ตาม แต่พอถึงช่วงดาวพฤหัสแทรก จึงเป็นการไม่ยากนักที่จะใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา สานต่อหน้าที่อย่างมีระบบและมีวิจารณญาณในการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มขึ้น (๕-๘) เกิดความเข้าใจ ไม่ท้อแท้ ถึงแม้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย มีความเห็นใจผู้อื่นและเข้าใจในชีวิตเพิ่มขึ้น(๕-๗)  เมื่อมีทั้งความรู้และมีประสบการณ์ต่างๆ มากขึ้นแล้วทำให้ เจ้าชะตาเกิดความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง เล็งเห็นการที่จะทำให้ได้มาซึ่งฐานะและความเป็นอยู่ที่มั่งคั่ง(ดาวพฤหัสแทรก) ในปัจจุบันเจ้าชะตาประกอบอาชีพส่วนตัว โดยการจับสัตว์ป่าขาย(มีใบอนุญาต) เป็นการใช้ความสามารถพิเศษส่วนตัว มีรายได้ดีพอสมควร  ก่อนหน้านี้เจ้าชะตาทำงานอยู่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะออกจากงาน เจ้าชะตาก็มาปรึกษาผู้เขียนว่าจะออกจากงานดีไหม เพราะเบื่อผู้ร่วมงาน และไม่อยากเป็นลูกจ้างอีกต่อไป ผู้เขียนไม่ได้ทัดทานอะไร แต่ก็ให้คำแนะนำเท่าที่ทำได้ เพราะรู้ว่านั่นแค่ปลายเหตุ แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือเจ้าชะตาเริ่มจะคิดการใหญ่ อยากรวยให้ทันใจตัวเองมากกว่า คงเบื่อที่จะทำให้คนอื่นรวย เลยคิดว่าความสามารถของตัวเองนั้นมีมากพอที่จะทำให้ตัวเองรวยได้ (จากช่วงอายุที่ดาวแทรก ๕ อยู่ภูมิมูละ ๑) ส่วนเรื่องความเบื่อในเรื่องงานก็เนื่องมาจากดาวราหูเสวยอายุ เพราะดาวราหูไม่สามารถทนอยู่ในกรอบในระเบียบได้นานๆ ถึงจะมีการปรับตัวให้เข้าแถวเข้าแนวบ้าง แต่ความรักอิสรเสรีของราหูนั้นจะทนทานได้นานแค่ไหนกัน จากที่อ่านผ่านมานั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะได้หรือไม่ได้อย่างที่ต้องการ แต่เป็นช่วงการของดำเนินงานเป็นเพียงความคิดเท่านั้น แต่ความคิดนั้นจะมีแรงผลักดันให้เกิดการกระทำได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่อง เพราะความอยากได้อยากเป็นนั้นมีอยู่ทั่วไปกับหลายๆ คนเช่นคนอ้วนอยากผอมแต่ถ้าไม่ควบคุมอาหาร ไม่ออกกำลังกาย ก็ยังเป็นแค่ความคิดอยู่ร่ำไป ไม่สามารถผอมได้อย่างที่ต้องการ ความคิดหรือความตั้งใจเดิมของเจ้าชะตานั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป ตรงนี้จะต้องใช้การดูดาวจรในปัจจุบันเข้ามาร่วมอ่านด้วยเพื่อเป็นการขยายเรื่องอีกที โดยการดูว่าดาวแทรก ๕ นั้นจรอยู่ที่ใดในดวงจักรราศี  ในช่วงปัจจุบัน ดาวแทรก ๕ จรอยู่ภูมิมนตรี ๓  ที่ราศิพิจิก(ธาตุน้ำชั้นสอง) มีตำแหน่งมหาจักร ทำให้การยึดติดความคิดเดิมเริ่มเปลี่ยนไป ธาตุน้ำทำให้ไม่ตั้งแง่แต่ในความคิดของตัวเองสามารถรอเวลาได้ไม่รีบร้อน ดาวพฤหัสมีตำแหน่งเป็นมหาจักร ทำให้ต้องรู้จักการใช้ความรู้ที่มีพลิกผันไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบด้าน  อยู่ภูมิมนตรี ๓ ทำให้ต้องแสดงฝีไม้ลายมือที่มีออกมาให้ผู้ใหญ่หรือผู้ช่วยเหลือเห็น จากดาวแทรก ๕ จร ส่งผลให้เจ้าชะตาคิดหาผู้ช่วยเหลือ เพื่อทำให้ความหวังและความตั้งใจเดิมนั้นเป็นจริงขึ้นมาแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นัก เพราะเจ้าชะตาต้องแสดงความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีออกมา จนกว่าผู้ใหญ่หรือผู้ช่วยเหลือจะยอมรับ ถ้าเป็นเรื่องงานก็ต้องวางโครงการวางระบบอย่างดีที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติจริงได้ (เจ้าชะตามีโครงการจะรับเหมางานวางสายไฟใต้ดิน)   ผู้เขียนไม่อยากให้ใช้ภาษาโหรในเวลาที่ออกคำพยากรณ์ เพราะผู้มารับคำพยากรณ์นั้นไม่ได้เป็นผู้ศึกษาในวิชานี้ นอกจะไม่เข้าใจในความหมายแล้วบางทียังจำไปผิดๆ อีก ซึ่งทำให้ความเข้าใจผิดเพี้ยนไปได้ และอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ทั้งสองฝ่าย เมื่อท่านผู้อ่านผ่านมาถึงบทนี้ ท่านจะเห็นว่าหลักของวิชานั้น ถึงแม้ว่าไม่ได้มีมากมาย แต่สามารถขยายไปได้อีก เหมือนเช่นคำสุภาษิตโบราณของไทย เป็นคำสั้นที่ฟังดูง่ายแต่มีความหมาย มากมายที่ต้องทำความเข้าใจ ถ้าจะถามว่า จำเป็นด้วยหรือ  ที่ต้องศึกษาทุกขั้นตอนอย่างละเอียด  ถ้าคุณไม่สบายแล้วต้องไปหาหมอเพื่อรักษาหรือว่าดูอาการ  ก็ย่อมอยากได้ผู้ที่รักษาตนให้หาย คงไม่มีใครอยากได้หมอที่ไม่ชำนาญการรักษา ผู้ที่เป็นหมอนั้นควรจะวินิจฉัยตรวจให้อย่างละเอียด ถึงแม้ว่าการเจ็บป่วยนั้นจะรักษาหายได้ด้วยยาสามัญประจำบ้านก็ตาม เมื่อคุณต้องการสิ่งใด ก็ควรกระทำสิ่งนั้นต่อบุคคลอื่น เฉกเช่นเดียวกัน ในเรื่องของวิชาทักษานี้ ท่านผู้อ่านเห็นว่าดี ถูกใจ ใช่เลย ตรงนี้ก็เนื่องมาจากผู้เขียนได้รับการถ่ายทอดสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้องมาจากท่านอาจารย์ แต่ถ้าสิ่งไหนท่านผู้อ่าน ไม่ถูกใจ ไม่ชอบ หรือคิดว่าไม่ถูกต้อง ตรงนี้ก็มาจากความบกพร่องในการเรียนรู้และความสามารถที่ไม่เพียงพอของผู้เขียนเอง  ในการที่ต้องเป็นผู้สืบสานและรักษาวิชาให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติต่อไป มิให้สูญสลายหายไปตามกาลเวลานั้น ผู้เขียนถือว่าเป็นภาระอย่างยิ่ง แต่เป็นภาระที่แบกไว้ไม่เหนื่อยเลย/.