ดวงเมืองประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๐
พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
******************************************************************************
เมื่อกล่าวถึงการพยากรณ์ดวงชะตาเมืองประจำปีต่างๆ ที่ผมได้เคยนำเสนอมาแล้วมีข้อแตกต่างกับการพยากรณ์ของหมอดูเมืองไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความเชื่อของประชาชนคนไทยจำนวนมาก โดยให้ถือว่าวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของดวงเมืองประจำปีนั้น ทั้งยังถือว่า เป็นวันเปลี่ยนแปลงปีนักษัตรด้วย ซึ่งตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ไทยจะเปลี่ยนแปลงในวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือนห้า หรือวันเถลิงศกดังเช่นที่โบราณจารย์ได้ถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลานานแสนนาน
โดยปกติแล้วการพยากรณ์ดวงชะตาของแต่ละบุคคลประจำปีนั้น จะต้องเริ่มต้นจากวันที่เจ้าชะตามีอายุมาครบรอบปีอีกครั้งหนึ่ง หาได้เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมไม่ ดังนั้น การพยากรณ์ดวงเมืองไทยประจำปีจึงจะต้องเริ่มต้นในวันที่อายุของดวงเมืองนั้นเวียนมาครบรอบปีอีกครั้งหนึ่ง ตามหลักวิชาการโหราศาสตร์สากลรวมทั้งโหราศาสตร์ไทยได้นำหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าที่เรียกว่า Progressed Astrology โหราศาสตร์ฮินดู เรียกว่า Varshaphal และโหราศาสตร์ไทยโบราณเรียกว่า ทินวรรษ มาใช้ในการพยากรณ์ดวงชะตาประจำปีนั้นๆ โดยการผูกดวงเมืองฯ หรือ ดวงชะตาบุคคลขึ้นใหม่ในวันครบรอบวันเกิด โดยใช้เวลาที่นำมาประกอบการวางลัคนาคือ เวลาที่ดวงอาทิตย์โคจรมาสถิตอยู่ในราศี องศา ลิบดา และฟิลิบดาเท่ากับดวงอาทิตย์ในวันเกิดที่แท้จริงไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เขาใช้ศัพท์เทคนิคกรณีนี้ว่า Solar Return
ดวงเมืองของประเทศเรา ซึ่งในวงการโหราศาสตร์ไทยได้ยอมรับใช้ในการพยากรณ์ คือ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๕ เวลา ๐๖:๕๔ นาฬิกา ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีตั้งเสาหลักเมือง กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงกำหนดพระฤกษ์นี้ด้วยพระองค์เอง ตามดวงเมืองนี้ ลัคนา หรือ จุดกึ่งกลางของภพที่ ๑ สถิตในราศีเมษ ๒๓ องศา ๕๖ ลิปดา และดวงอาทิตย์สถิตในราศีเมษ ๑๐ องศา ๙ ลิบดา
เมื่อทำการผูกดวงชะตาขึ้นตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ก็ยังต้องมีการคำนวณหาว่า ในปีนั้น ดาวพระเคราะห์ดวงใดทำหน้าที่เป็นดาวประจำตัว สถิตอยู่ในเรือน หรือ ภพของดวงชะตาภพใด ให้คุณหรือให้ทุกข์โทษ สถานภาพของดาวพระเคราะห์แต่ละดวงเป็นอย่างไรโคจรตามปกติ หรือ วิกลคติ สถิตในราศีที่เป็นเกษตร ประเกษตร เป็นอุจจ์ เป็นนิจ ฯลฯ แล้วจึงพยากรณ์ไปตามนั้น
ผมขอยกตัวอย่างดวงเมืองประจำปีต่างๆ ที่ได้คำนวณตามหลักวิชาการข้างต้นมาแสดงไว้ดังต่อไปนี้
ปี พ.ศ.๒๕๔๘ (ระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๙) ผลการคำนวณปรากฏว่า ดาวเสาร์เป็นดาวประจำเมืองประจำปี ดาวเสาร์จึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดวงชะตาเมืองฯ นี้ มีลัคนาหรือเรือนที่ ๑ สถิตอยู่ในราศีมิถุน มีดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวประจำเมืองกุมหรือทับลัคน์ ดาวเสาร์จึงมีบทบาทเต็มที่ เป็นที่น่าเสียดายว่า ดาวเสาร์นี้เป็นบาปเคราะห์ที่ให้ทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาระดับแม่ทัพหลวง ทั้งยังมีดาวอังคารซึ่งเป็นบาปเคราะห์ระดับแม่ทัพรองสถิตในราศีกุมภ์ เป็นเรือนที่ ๘ ซึ่งเป็นภพมรณะของดวงเมืองฯ เข้าเกณฑ์ภินทุบาทว์ (เป็นภาษาบาลีแปลว่า สิ่งอุบาทว์ที่คอยบ่อนทำลาย) หรือ ที่ใช้ภาษาง่ายๆ ว่า ดวงแตก ส่วนดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นศุภเคราะห์ที่ให้คุณแก่เจ้าชะตาระดับแม่ทัพหลวงสถิตในราศีกันย์ เป็นเรือนที่ ๔ ของดวงชะตา เรือนที่ ๔ ของดวงเมืองจะเป็นภพที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภายในประเทศ หากเป็นดวงชะตาบุคคลทั่วไปจะเป็นภพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในครอบครัว ญาติพี่น้อง โดยปกติดาวพฤหัสบดีที่สถิตอยู่ในเรือนที่ ๔ นี้ถือว่าเป็นจตุรเกณฑ์ซึ่งจะให้คุณแก่เจ้าชะตาเป็นพิเศษ แต่บังเอิญในช่วงเวลาตลอดปี พ.ศ.๒๕๔๘ มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ดาวพฤหัสบดีมีการโคจรวิกลคติ เดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง คุ้มดีคุ้มร้าย เหมือนผีเข้าผีออก จึงส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่ดวงชะตาเมืองเป็นระยะๆ นอกจากนี้ จุดที่ตั้งของราหูยังอยู่เหนือดวงเมืองฯ หรือ เรือนที่ ๑๐ เป็นภพที่หมายถึงการบริหารประเทศ ดังนั้นเมื่อราหูเข้ามายึดครองภพนี้ จึงส่งผลให้การบริหารประเทศอยู่ในลักษณะมืดมนหลงทางเนื่องจากถูกอวิชชาเข้าครอบงำปิดบัง มีการบริหารผิดพลาดคลาดเคลื่อน ผิดทำนองคลองธรรมมาโดยตลอด ผลงานของรัฐบาลที่ปรากฏออกมามีลักษณะเหมือนภาพมายา เนื่องจากราหูมิใช่ดาวพระเคราะห์ แต่เป็นเงาที่ปรากฏขึ้นตรงจุดตัดระหว่างเส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์และดาวจันทร์เท่านั้น
นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๘ ดาวเสาร์ได้มีการโคจรวิกลคติแปรปรวนเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับดาวพฤหัสบดีดังที่ได้กล่าวมาแล้วโดยตลอด จึงส่งผลเป็นทุกข์โทษสร้างวิกฤติปัญหาให้แก่ดวงเมืองในรูปแบบต่างๆ ดังที่ได้ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมมาจนถึงทุกวันนี้ ควบคู่ไปกับดาวพฤหัสบดียังมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน ดาวเสาร์ได้เริ่มโคจรเป็นปกติเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๙ ส่วนดาวพฤหัสบดีจะโคจรเป็นปกติในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ในช่วงเวลาก่อนที่ดาวเสาร์ และดาวพฤหัสบดีจะโคจรเป็นปกติ ดวงเมืองฯ จึงอยู่ในสภาพบอบช้ำมากเนื่องจากพิษร้ายจากดาวเสาร์กับดาวพฤหัสบดี รวมทั้งดาวอังคารที่สถิตอยู่ในเรือนที่ ๘ ภพมรณะ ของดวงเมืองเข้าเกณฑ์ ภินทุบาทว์ หรือ ดวงแตก ก็ยังคอยกระหน่ำซ้ำเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย ที่น่าสังเกตว่า ดาวประจำตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปีนี้คือ ดาวอังคาร
สำหรับดวงเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๔๙ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๙ จนถึงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๐ นั้น เมื่อได้ทำการผูกดวงชะตาและคำนวณหาดาวประจำเมืองประจำปีตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ผลปรากฏว่า ดาวอังคารเป็นดาวประจำเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๔๙ ดาวอังคารจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดาวอังคารนี้มีความหมายเกี่ยวกับทหาร ดาวอังคารนี้สถิตอยู่ในราศีมิถุนซึ่งมีดาวพุธเป็นเจ้าของราศี ดาวพุธมีความหมายถึงพลเรือน เมื่อคำนวณเปรียบเทียบกำลังดวงดาวระหว่างดาวอังคารกับดาวพุธแล้ว ดาวอังคารมีกำลังสูงกว่าดาวพุธมาก ดาวอังคารจึงมีอำนาจเต็มที่ในราศีนี้ ซึ่งเป็นเรือนที่ ๑๐ ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน จึงชี้ชัดว่า ทหารจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินแทนพลเรือน และเมื่อได้ตรวจสอบจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์สำคัญต่างๆ ในดวงชะตาเมืองประจำปีนี้แล้ว พบว่า มีลัคนาสถิตอยู่ในราศีกันย์ มีดาวบาปเคราะห์คือ ดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีกรกฎ เป็นเรือนที่ ๑๑ ของดวงชะตา เรือนที่ ๑๑ เป็นภพที่เกี่ยวกับรัฐสภา ดาวเสาร์มีความหมายเกี่ยวกับนักการเมือง
สำหรับดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์สถิตอยู่ในราศีตุลย์ เรือนที่ ๒ ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวข้องกับกระแสการเงินเดินสะพัด การค้าภายในประเทศและต่างประเทศ กำลังการซื้อ เศรษฐกิจการคลัง ฐานะการเงินของประเทศ เงินเหลือคงคลัง การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาดหุ้น แต่โดยที่ยังโคจรวิปริตอยู่จึงแสดงผลให้สร้างวิกฤติปัญหาแก่บ้านเมืองมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๔๙ จึงโคจรเป็นปกติ และเริ่มส่งเป็นคุณแก่เจ้าชะตา ดังนั้นเมื่อดาวอังคารขึ้นครองเมืองคือเรือนที่ ๑๐ ดาวเสาร์เบียดเบียนเป็นทุกข์โทษต่อรัฐสภาในเรือนที่ ๑๑ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการปฏิรูปการปกครองฯ ขึ้นเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๙ และได้แก้ไขผ่อนคลายวิกฤติปัญหาต่างๆ ของชาติบ้านเมืองได้ในระดับหนึ่ง
ดาวพฤหัสบดีมีความหมายประจำตัวหลายประการ อาทิ กิจการธนาคาร กระบวนการยุติธรรม ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา กิจการต่างประเทศ การสาธารณสุข กิจการศาสนา ปูชนียบุคคล ฯลฯ
ส่วนดวงเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๕๐ นี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๐๒๓ เมษายน ๒๕๕๑ เมื่อได้ทำการผูกดวงชะตาและคำนวณหาดาวประจำเมืองประจำปีตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ผลปรากฏว่า ดาวอังคารยังคงเป็นดาวประจำเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๕๐ ดาวอังคารจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดาวอังคารนี้มีความหมายเกี่ยวกับทหาร ดาวอังคารนี้สถิตอยู่ในราศีกุมภ์ซึ่งมีดาวเสาร์ (บางตำราว่า ราหู) เป็นเจ้าของราศี เป็นเรือนที่ ๓ ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง ประเทศเพื่อนบ้าน ที่น่าสนใจคือ ดาวอังคารถูกดาวมฤตยู และราหูทับ (อยู่ในราศีเดียวกันและมีองศาต่างกันไม่เกิน ๓ องศา ๒๐ ลิปดา) ดาวอังคารเป็นธาตุลม ราหูเป็นธาตุลม ดาวมฤตยูเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดินฟ้าอากาศเช่น ฝนตกฟ้าคะนอง ฯลฯ ดังนั้น จึงน่าจะพยากรณ์ว่า จะเกิดพายุฟ้าคะนองรุนแรงมีฝนตกมากทำให้เกิดน้ำท่วมมากทั้งในบ้านเราและในประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณบอกเหตุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า มาเลเซีย ฯลฯ ดูจะไม่ราบรื่นนัก สำหรับปัญหากับประเทศมาเลเซียนั้นจะเชื่อมโยงสร้างอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาในสี่จังหวัดภาคใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อนึ่ง ถ้าพิจารณาอีกแง่หนึ่ง ราหูเป็นเสมือนภาพลวงตา ดังนั้นเมื่อทับดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำเมือง และดาวมฤตยู จึงอาจเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดโมหะ ตัดสินใจผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ ของประเทศได้
ในปี พ.ศ.๒๕๔๙๒๕๕๐ นี้ มีดาวใหญ่ที่โคจรผิดปกติ คือ ดาวเสาร์ได้โคจรผิดปกติมาตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ ไปจนถึงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๐ และจะไปโคจรผิดปกติอีกตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ เป็นต้นไป การโคจรผิดปกติในช่วงเวลาหลังนี้จึงจะส่งผลเป็นทุกข์โทษขึ้นอีกเป็นพิเศษ และดาวพฤหัสบดีซึ่งได้โคจรผิดปกติมาตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๐ ไปจนถึงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๐
ตามดวงเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๕๐ ดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีกรกกฎซึ่งมีดาวจันทร์เป็นเจ้าของราศี เป็นเรือนที่ ๘ ของดวงชะตา เป็นภพที่เกี่ยวกับการล้มละลาย การสูญเสียทรัพยากรบุคคล ความสัมพันธ์ในด้านการเงินกับต่างประเทศ หนี้สาธารณะ ทั้งดาวเสาร์ยังทำมุมเล็ง ๑๘๐ องศากับเรือนที่ ๒ ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวข้องกับกระแสการเงินเดินสะพัด การค้าภายในประเทศและต่างประเทศ กำลังการซื้อ เศรษฐกิจการคลัง ฐานะการเงินของประเทศ เงินเหลือคงคลัง การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาดหุ้น ทั้งดาวเสาร์นี้ยังทำมุมเป็นทุกข์โทษกับเรือนที่ ๕ ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวกับการเสี่ยง การเก็งกำไรในการลงทุน และเกี่ยวกับเยาวชน
ส่วนดาวพฤหัสบดีนั้นสถิตอยู่ในราศีพิจิกซึ่งมีดาวอังคารเป็นเจ้าของราศี และอยู่ในเรือนที่ ๑๒ ของดวงเมือง เป็นภพที่ ๑๒ หมายถึงสถานที่กักกัน โรงพยาบาล ทัณฑสถาน ดาวพฤหัสบดีจึงดูจะไม่สามรถแสดงบทบาทได้เท่าไร ผลงานของ คตส. และปปช. ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้เพียรพยายามทุกวิถีทางเร่งรัดผลงานให้ปรากฏเป็นรูปธรรมภายในกรอบเวลาก็ยังมีไม่มากนัก ดาวพฤหัสบดีมีความหมายถึง รัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่แน่ว่า จะผ่านประชามติได้หรือไม่ เนื่องจากมีกระแสต่อต้านมารอบด้าน จนกว่าจะถึงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๐ เมื่อดาวพฤหัสบดีโคจรเป็นปกติ จึงน่าจะพยากรณ์ว่า วิกฤตปัญหาสำคัญของบ้านเมืองจะเริ่มคลี่คลาย ภารกิจสำคัญต่างๆ ที่คณะปฏิรูปฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้จะเริ่มผลิดอกออกผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ คตส,ปปช. การร่างรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้ง หากเป็นไปได้ ควรมีการเลือกตั้งก่อนวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นวันที่ดาวเสาร์จะเริ่มโคจรผิดปกติ และอาจสร้างปัญหาติดตามมาด้วย
เท่าที่ได้กล่าวมา เป็นเพียงการวิเคราะห์ผลกระทบจากดาวที่สำคัญบางดวง อาทิ ดาวเสาร์ พฤหัสบดี ดาวอังคาร เท่นั้น หากจะพิจารณาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งลงไป ก็จำเป็นต้องหยิบยกเอาดาวพระเคราะห์ซึ่งเป็นดาวขนาดเล็กเช่น ดาวจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงอาทิตย์ ดาวเน็ปจูน และดาวพลูโตมาตรวจสอบประกอบด้วย
กล่าวโดยสรุปว่า สถานการณ์บ้านเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๕๐ ไม่น่าจะดีกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบริหารราชการแผ่นดินบนรากฐานเศรษฐกิจพอเพียง ระบบการเลือกตั้งและรัฐสภา (รัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงจะไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างกันอยู่ขณะนี้) กระบวนการยุติธรรม การค้าภายในประเทศและต่างประเทศ กำลังการซื้อ เศรษฐกิจการคลัง ฐานะการเงินของประเทศ เงินเหลือคงคลัง และตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ผมได้ตรวจสอบดวงชะตาเมืองประจำปี พ.ศ.๒๕๕๑ แล้ว ดาวศุกร์จะเป็นดาวประจำเมือง ส่งผลให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน จึงขอให้ประชาชนคนไทยที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันมาหลายปีแล้วจะได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที
***************************************
หมายเหตุ มีสิ่งที่สมควรบันทึกไว้เพื่อประกอบการศึกษาค้นคว้าดังนี้:-
๑. ก่อนที่ดาวเสาร์จะโคจรปกติเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๙ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองในวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๙
๒. เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๙ เป็นวันเริ่มปีใหม่ของดวงเมืองฯ ดาวประจำดวงเมืองเปลี่ยนจากดาวเสาร์ เป็นดาวอังคาร ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสต่อประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครอง (ดาวพฤหัสบดี) ช่วยกันแก้ไขวิกฤติปัญหาของประเทศ
๓. ในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ดาวพฤหัสบดีได้โคจรเป็นปกติ วิกฤติปัญหาของบ้านเมืองได้เริ่มคลี่คลายออกเมื่อได้มีการปฏิรูปการปกครองฯเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๙
*ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ สุชาติ เผือกสกนธ์ เป็นอย่างสูง สำหรับบทความที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะชน มา ณ ที่นี้ด้วย*
www.horawej.com นายวิชิต เตชะเกษม