โหรอาหรับทำนายดวงทักษิณฯ
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์
พ.ต.ท.ทักษิณฯ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๙๒ เวลา ๑๒ นาฬิกา ๒๐ นาที ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีฉลู ลัคนาสถิตราศีตุลย์ ๗ องศา ๓๑ ลิปดา (หมอดูบางคนบอกว่า อยู่ปลายราศีกันย์ เนื่องมาจาก ไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอนของเจ้าชะตา) ดวงชะตานี้มีจุดเด่นที่สำคัญมากกล่าวคือ มีดาวพระเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์ จำนวน ๘ ดวง เรียงกัน เริ่มตั้งแต่ราศีมิถุนซึ่งเป็นเรือนที่ ๙ ไปจนถึงราศีสิงห์ซึ่งเป็นเรือนที่ ๑๑ ซึ่งตำราโหราศาสตร์ภารตะชื่อ คัมภีร์ปาริชาติชาดก ที่พันเอก ประจวบ วัชรปาน (ถึงแก่กรรมแล้ว) ได้แปลมาจากต้นฉบับภาษาสันสกฤต และเรียบเรียงไว้ ได้กล่าวไว้ใน มาลิกาโยค (มาลิกา หมายความว่า การนำเอาดอกไม้ต่างๆ มาร้อยเรียงกันเป็นพวงมาลา ) โศลกที่ ๑๓๙ ว่า ถ้ามาลิกาโยคเริ่มต้นจากภพที่ ๙ ของลัคนา เจ้าชะตาจะมีคุณสมบัติดีวิเศษต่างๆ หลายประการ เป็นที่นิยมในศาสนากิจ และมีอำนาจเข้มแข็ง
นอกจากนี้ ดาวพฤหัสบดียังสถิตอยู่ในราศีมังกร เรือนที่ ๔ ของดวงชะตา จัดเป็นปทุมเกณฑ์ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่มาลิกาโยค แต่เนื่องจาก จุดที่ตั้งของดาวพฤหัสบดีในราศีนี้ วิชาการโหราศาสตร์ทั่วไปถือว่า เป็นนิจ ทั้งยังโคจรวิกลคติถอยหลัง (พักร) อีกด้วย จึงน่าจะเป็นเหตุให้พลังอำนาจของมาลิกาโยคมิให้คุณแก่เจ้าชะตาอย่างเต็มที่
ที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือ จุดที่ตั้งของดวงอาทิตย์กับดาวพุธอยู่ในราศีเดียวกันคือ ราศีกรกฎ เป็นเรือนที่ ๑๐ ของดวง ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทำมุมห่างกันเพียง ๔๖ ลิปดา (ไม่ถึง ๑ องศา) จึงถือได้ว่า ดาวพุธเข้าสู่จุดดับ (Combustion) อยู่ในสภาวะที่สิ้นกำลังเนื่องจากถูกพลังของแสงจากดวงอาทิตย์ซึ่งเหนือว่ามากมายมหาศาลปิดบังข่มเอาไว้จนหมดสิ้น ดาวพุธ มีความหมายถึง การติดต่อสื่อสาร ความเฉลียวฉลาด มีปัญญาเปรื่องปราชญ์รอบรู้ในวิชาการแขนงต่างๆ โดยเฉพาะวิชาการสื่อสารอย่างกว้างขวาง และเมื่อดาวพุธสถิตอยู่ร่วมในมาลิกาโยค เจ้าชะตาจึงมีความรู้ในระดับสูงถึงปริญญาเอก มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถจัดการบริหารองค์กรที่ตนรับผิดชอบตั้งแต่ระดับบริษัทขึ้นไปจนถึงประเทศชาติในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ดาวพุธดับ จึงส่งผลให้เจ้าชะตาใช้ปัญญาที่มีอยู่ไปในทางลบ นอกจากนี้ ดาวพุธ ยังหมายถึงการวาจา ประกอบกับดาวพฤหัสบดีซึ่งทำมุมเล็งกับดวงอาทิตย์ และดาวพุธยังไม่ให้คุณแก่เจ้าชะตาเนื่องจากสถิตอยู่ในราศีนิจและโคจรวิกลคติดังกล่าวแล้วข้างต้นอีกด้วย เจ้าชะตาจึงไม่มีสัมมาสติ และสัมมาวาจา มักขาดสติในใช้วาจาอยู่บ่อยครั้ง เป็นที่ประจักษ์กันอยู่ทั่วไปแล้ว นอกจากนี้ ดาวพฤหัสบดียังมีความหมายถึงกัลยาณมิตร คือ ครูบาอาจารย์ ปูชนียบุคคล ที่ปรึกษาของเจ้าชะตา จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เจ้าชะตาได้พบกับครูบาอาจารย์ ที่ปรึกษาที่ชี้นำแก่เจ้าชะตาให้เข้ารกเข้าพงอยู่เป็นประจำ
อนึ่ง ดาวเน็ปจูนซึ่งสถิตในราศีตุลย์ เรือนที่ ๑๒ ภพวินาส ยังทำมุมเล็งกับราหูซึ่งสถิตอยู่ในราศีเมษ เรือนที่ ๖ ภพอริ ของเจ้าชะตา ดาวเน็ปจูนมีความหมายถึง ความฝัน จินตนาการ ราหูเป็นเจ้าการให้เกิดกิเลส ตัณหา มีโลภะ โทสะ โมหะ มาครอบงำจิตใจทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ ราหูยังเป็นเสมือนภาพลวงตา จึงน่าจะพยากรณ์ว่า เจ้าชะตาเป็นนักค้าความฝันที่ดีคนหนึ่ง
ภาพประกอบที่ ๑ เป็นภพดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผมได้ใช้ดวงชะตาแบบสากลซึ่งแสดงได้ทั้งราศีจักร ภวจักร แสดงราศี องศา ลิปดาของลัคนา ดวงอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งราหู และเกตุ (เกตุสากล) ไว้อย่างชัดเจนโดยครบถ้วน
ผมได้ตั้งใจจะใช้วิธีการพยากรณ์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์แบบก้าวหน้าดังเช่นที่เคยปฏิบัติ แต่บังเอิญได้ไปค้นพบตำราโหราศาสตร์อาหรับ ซึ่งมีวิธีการพยากรณ์แตกต่างไปจากวิธีที่โหร และหมอดูในเมืองไทยโดยสิ้นเชิง เขาใช้วิธีการนำเอาราศี องศา ลิปดาของลัคนา ดวงอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ต่างๆ รวมราหู และเกตุ มาบวกลบกันตามสูตรของเขา แล้วจึงพยากรณ์จุดดี จุดเด่น จุดเสื่อม จุดดับของเจ้าชะตา
เมื่อได้นำดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ มาคำนวณตามตำราโหราศาสตร์อาหรับดังกล่าว ปรากฏผลดังที่แสดงไว้ในภาพประกอบที่ ๒ ซึ่งผมขอยกมาเป็นตัวอย่างเพียง ๔ ประเด็น เป็นจุดเด่น ๒ และ จุดดับ ๒ (ผมได้ขีดเส้นใต้ไว้ในภาพประกอบที่ ๒ แล้ว) ได้แก่
จุดเด่นที่ ๑ อยู่ในราศีสิงห์ ๑๑ องศา ๔๓ ลิปดา หมายถึง เป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีเชาวน์ไหวพริบดี (Intelligence) อยู่ในเรือนที่ ๑๑ ภพเกี่ยวกับ ลาภ ผลประโยชน์ มีดาวศุกร์ และดาวเสาร์ สถิตร่วมอยู่ด้วย
จุดเด่นที่ ๒ อยู่ในราศีพิจิก ๗ องศา ๔๓ ลิปดา หมายถึง เป็นปัญญาชน พวกทำงานด้วยสมอง (Intellectuality) อยู่ในเรือน ๒ ภพเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวยของเจ้าชะตา
เมื่อนำเอาจุดเด่นทั้งสองข้อมาประมวลรวมกันแล้ว น่าจะพยากรณ์ว่า เจ้าชะตาจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบสามารถหาผลประโยชน์ใส่ตนได้ในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งส่งผลให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมหาศาล
จุดดับที่ ๑ อยู่ในราศีกันย์ ๗ องศา ๒๐ ลิปดา หมายถึง ความหายนะอย่างใหญ่หลวง (Catastrophe) อยู่ในเรือนที่ ๑๒ ภพวินาสของเจ้าชะตา
จุดดับที่ ๒ อยู่ในราศีตุลย์ ๗ องศา ๓๑ ลิปดา หมายถึง การถูกจับกุม (Captive) อยู่ในเรือนที่ ๑ (ลัคนา) ของเจ้าชะตา
เมื่อได้ตรวจสอบดูการโคจรของดาวอังคารซึ่งถือว่า เป็นบาปเคราะห์สำคัญที่จะส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาได้พบว่า ดาวอังคารจะโคจรถึงจุดดับที่ ๑ ในวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ และจะโคจรถึงจุดดับที่ ๒ ในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๑ ดังนั้น จึงน่าจะพยากรณ์ว่า จุดจบของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะอยู่ในช่วงเวลาที่กล่าวแล้วนี้
อนึ่ง ผมยังได้อ่านพบในหนังสือ VASHAPHAL OR THE HINDU PROGRESSED HOROSCOPE ที่ท่าน B.V.Raman โหราจารย์สำคัญคนหนึ่งของอินเดียได้กล่าวถึงวิธีการพยากรณ์ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับวิชาโหราศาสตร์อาหรับไว้เหมือนกันมีชื่อเรียกว่า Sahams แต่ท่าน B.V Raman ได้กล่าวไว้ว่า การพยากรณ์ตามวิธีการนี้ดูจะไม่ได้ผลในทางปฏิบัติเท่าใดนัก จึงไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายกัน
ในเรื่องที่เกี่ยวกับสติปัญญา การคำนวณตามวิธีการพยากรณ์แบบ Sahams นำเอา ราศี องศา ลิปดา ของ ดาวจันทร์+ดวงอาทิตย์-ลัคนา และไม่นำเอาดาวมฤตยู เน็ปจูน พลูโต ราหู และเกตุ มาคิดคำนวณด้วย แต่ตามวิธีการของโหราศาสตร์อาหรับ นำเอา ราศี องศา ลิปดา ของดาวศุกร์+ดาวจันทร์-ดวงอาทิตย์ หรือ ลัคนา+ดวงอาทิตย์-ดาวมฤตยู การพยากรณ์ตามวิธีการทั้งสองจึงแตกต่างกัน
การพยากรณ์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์อาหรับนี้ ผมได้เคยนำมาทดลองพยากรณ์ดวงชะตาของผู้ที่คุ้นเคยกันหลายรายแล้ว ปรากฏว่า มีความแม่นยำในระดับหนึ่ง จึงได้นำมาทดลองพยากรณ์ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ดู ผลการพยากรณ์จะเป็นอย่างไรนั้น คงจะต้องติดตามหาผลกันในโอกาสต่อไป หวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ เจ้าของดวงชะตา ที่ผมเคยมีความคุ้นเคยกันมาแต่ก่อน (วันเดือนปี และเวลาเกิดที่นำมาใช้ในการผูกดวง ผมก็ได้รับมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณฯ โดยตรง) จะเข้าใจในเจตนารมย์ของผมในการเขียนบทความเรื่องนี้ว่า มิได้มีความตั้งใจที่เยาะเย้ยเหยียบหยามซ้ำเติมท่านแต่อย่างใด ผมได้เขียนขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาว เพื่อประโยขน์แก่ผู้ที่สนใจในวิชาการแขนงนี้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตเท่านั้น
สัพเพสัตตา อเวรา โหนตุ สัพเพสัตตา อัพยา ปัชฌา โหนตุ
สัพเพสัตตา อนีฆา โหนตุ สัพเพสัตตา สุขีอัตตานัง ปริหรันตุ
หมายเหตุ บทความนี้ได้เขียนขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาว จึงมิได้นำออกเผยแพร่ทั่วไป
ภาพประกอบที่ ๑