ReadyPlanet.com
dot
dot
นิตยสาร " โหราเวสม์ "
dot
bulletนิตยสาร "โหราเวสม์" ๔๘-๕๗
bullet:: ผูกดวง วางลัคนา หาสัมผุสดาว (ตามหลักคัมภีร์สุริยยาตร์) ::
bullet:: ผูกดวง วางลัคนา หาสัมผุสดาวตามปฏิทินดาราศาสตร์ (ลาหิรี) ::
bulletดูดวง ตามปี นักษัตร โหรหลวง
dot
เวป เพื่อนบ้าน
dot
bullethora-thai.com
bullethorasad.com
bullethorasad7.com
bullettiantek.com
bullettiantekpro.com
bullethenghengheng.com
bullet10luckastro.com
bulletตรวจล็อตเตอรี่
bulletค้นหาเบอร์โทรศัพท์
bulletค้นหาคำศัพท์
bulletค้นหารหัสไปรษณีย์
bulletOnline-Image-Converter
bulletAffiriate Area
bulletนำเข้าสินค้าจากจีน
bulletTaobao
bulletเฟอร์นิเจอร์
bulletกระบอกน้ำ
bulletของพรีเมี่ยม
bulletร่ม
dot
ข่าวสาร
dot
bulletเดลินิวส์
bulletไทยรัฐ
bulletข่าวสด
bulletบ้านเมือง
bulletมติชน
bulletคมชัดลึก
bulletกรุงเทพธุรกิจ
bulletผู้จัดการ
dot
เวปเพื่อนบ้าน แลกลิ้ง โฆษณา
dot
bulletเวปเพื่อนบ้าน
bulletแลกลิ้งที่นี่ LINK EXCHANGE
bulletโฆษณา คลิกที่นี่
dot
อาจารย์ เทียนเต็ก
dot
bulletดูดวงจีนฟรี กับ อ.เทียนเต็ก
bulletspeedtest.adsl
bulletYOUTUBE เวิ้งนครเขษม บ้านเรา


รับตั้งศาลต่าง ๆ

าจารย์โชคชัย เงินดี
รับตั้งศาลพระภูมิ เจ้าที่
พระพรหม และ
ถอนศาลต่างๆ
โทร:081-880-6143

 

พิธีพุทธาภิเษกวัจถุมงคลพระพิฆเณศมหามงคล รุ่น 1 วันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2555
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่

โปรแกรมผูกดวงจีน
อาจารย์เทียนเต็ก

โปรแกรม
ตรวจสอบโชคลาภความร่ำรวย
ราคา 300 บาท

โปรแกรมดูดวงจีน 2 ภาษา
windows mobile

โปรแกรมดวงจีน
"รู้หนึ่ง-รู้หมด"
ดูดวง,หาฤกษ์ด้วยตนเอง

โปรแกรม Tian-Tek Pro Version 1
ราคา 1,000 บาท

VCDและDVD เรียนดวงจีน
ชุดที่ 1-2-3

0

Download ฟรี.
ตลับเมตรไฮเทค (ดีที่สุดในโลก)วัดได้ยาวไกลที่สุด

วัตุถุมงคล
เสริมดวง แก้ชง
สะเดาะเคาะห์ ต่อชะตา

ดวงจีนและฮวงจุ้ย
ที่เป็นวิทยาศาสตร์

อาจารย์อ๊อดวัดสายไหม
เจ้าตำรับตระกรุดลูกปืน
(1ส.ค.2550)

หลวงหนุ่ย
ที่สุดแห่งเจ้าพิธีเทวาภิเษก
จตุคามราเทพ 27 มิ.ย.2550

ที่เขาว่ารวยเพราะปี่เซียะหรือเป็นที่ฮวงจุ้ยกันแน่

ประวัติปี่เซียะ 貔貅

ตำแหน่งขุมทรัพย์
มหาเศรษฐี

ฮวงจุ้ย คู่สมพงศ์
ชง - ฮะ

ฮวงจุ้ยคนตาย

การตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ดวงปี 51ดวงฮวงจุ้ยให้โทษ
นี่เป็นลิขิตฟ้า-ยากจะฝืน

คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี
ไปสู่สถานที่ดี

เปิดกรุจตุคามรามเทพ
รุ่นที่ คุณสนธิไม่มี

เหรียญมงคล แก้ชง เสริมดวง
สะเดาะเคาะห์ต่อชะตา
ที่ร้านเซเว่นทุกสาขา

สถานีโทรทัศน์สีช่อง 7. สี(กระจก 6 ด้าน) มาทำข่าวเกี่ยวกับ ปี่เซียะ"貔貅

svautoshop  xenon

 

อาจารย์ รสสุคนธ์
รับสอนโหราศาสตร์ไทย
ตามทฤษฎี นวางศ์จักร
(อ.บุศรินทร์ ปัทมาคม)

หลักสูตร 2 เดือน 40 ชม.
เน้นการพยากรณ์เป็นหลัก
เพื่อดูดวงได้จริง
รับงานพยากรณ์
งานอีเว้นท์ นอกสถานที่
ติดต่อ
086-3582656
ossukon7155@gmail.com
ดูดวงผ่าน
1900 111 080
หรือ App Horaworld
รหัส 153

รับพยากรณ์ดวงจีน

อ.มังกร (แซ่จึง)
มณีเกียรติไพบูลย์
พยากรณ์ดวงชะตาจีน
(ซี้เถียวโป๊ยยี่)
ฤกษ์จีน แต่งงาน
ออกรถ
ขึ้นบ้านใหม่
มือถือ
081-459-9550
บ้าน
02-870-2450



เครื่องหมายแทนดาวและกำลังโคจรของดาว โดย อ.สิงโต

เครื่องหมายแทนดาวและกำลังโคจรของดาว

โดย อ.สิงโต

 

            ดาวเคราะห์ที่ปรากฎอยู่ในโหราศาสตร์ไทยมีอยู่ ๑๐ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ทุกดวงโคจรเป็นวงรอบโลกในเขตรัศมีของสุริยวิถี มีเครื่องหมายแทนชื่อและมีอัตรากำลังโคจรต่างๆ กัน คือ

 

อาทิตย์ เลข ๑ อักษร อ เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติราศีละ ๓๐ วัน

จันทร์ เลข ๒ อักษร จ เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติราศีละ ๒ วันครึ่ง

อังคาร เลข ๓ อักษร ภ เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติราศีละ ๔๕ วัน

พุธ เลข ๔ อักษร ว เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติราศีละ ๓๐ วัน

พฤหัสบดี เลข ๕ อักษร ช เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติรศีละ ๑ ปี

ศุกร์ เลข ๖ อักษร ศ เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติรศีละ ๓๐ วัน

เสาร์ เลข ๗ อักษร ส เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติรศีละ ๒ ปีครึ่ง

ราหู เลข ๘ อักษร ร เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติรศีละ ๑ ปีครึ่ง

เกตุ เลข ๙ อักษร ก เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติรศีละ ๒ เดือน

มฤตยู เลข ๐ อักษร ม เป็นเครื่องหมายแทน มีกำลังโคจรปกติรศีละ ๗ ปี

            การโคจร หรือการเคลื่อนที่ไปของดาวทุกดวง เว้นอาทิตย์และจันทร์ เฉพาะดาวบางดวงก็มีอาการเคลื่อนที่ไปอย่างผิดปกติ ถ้าโคจรเร็ว เรียกว่าเสริดถ้าชากว่าปกติหรือถอยหลังเรียกว่าพักร ถ้าอยู่ในราศีหนึ่งนานกว่าปกติเรียกว่ามนท์

            ดาวทั้งหมด เว้นแต่ราหู เกตุและมฤตยู ต่างเป็นเจ้าครองประจำราศีทั้ง ๑๒ ราศีเรียกว่าเกษตร หรือเรียกว่าเจ้าที่หรือเจ้าเรือน

            สำหรับดาวเคราะห์ใดที่ครอง ๒ ราศี คืออังคาร พฤหัสบดี พุธ ศุกร์ และเสาร์เรียกว่าเอกาธิปไตย

 

อธิบายเรื่องดาว พักร-เสริด-มนท์

           

            พักร เมื่อดาวเคราะห์ใดทิ้งระยะห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้น กำลังเคลื่อนของดาวนั้นจะช้าลงหรือถอยหลัง เรียกว่าดาวดวงนั้นพักร คือเมื่อดาวเคราะห์ออกอยู่นอกทางที่อยู่ในระยะใกล้ชิดกับดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นทางโคจรธรรมชาติของดาวเคราะห์นั้นเอง เพราะเมื่อถอยห่างจากดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์นั้นก็เสียกำลังดึงดูดที่ได้จากดวงอาทิตย์ไปทีละเล็กละน้อยเพื่อให้ได้กำลังนั้นคืนมา ดาวเคราะห์จึงมีอาการพักร

            เสริด เมื่อดาวเคราะห์ใดเคลื่อนจากระยะไกลอาทิตยื เข้าระยะใกล้กับอาทิตย์ย่อมใกล้เข้าไปก็ได้กำลังดึงดูดจากอาทิตย์มากขึ้น ดังนั้นจึงเพิ่มกำลังความเร็วขึ้น เรียกว่าเสริด คือความเร่งรีบ

            มนท์ คือดาวเคราะห์โคจรอยู่ในลักษณะเริ่มช้าลง พิกัดแต่ละวันเริ่มลดลง ๆเป็นอย่างนี้อยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็กลับโคจรย้อนวิถี

 

รูปแสดงวิถีจักรดาวเคราะห์โคจรรอบโลก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

            ดาวเคราะห์แต่ละดวง ต่างก็มีวิถีโคจรของตนเองเป็นอิสระ และโคจรรอบโลกแบบทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นเฉพาะราหูและเกตุซึ่งโคจรนอกแบบ คือโคจรตามแบบเข็มนาฬิกา ดาวดวงไหนอยู่ใกล้โลกช่องราศีจะแคบ การโคจรเพื่อให้ผ่านพ้นสุดราศีก็ใช้เวลาเร็วส่วนดาวดวงไหนที่อยู่ห่างไกลออกไป ยิ่งห่างออกไปมากช่องราศีก็ยิ่งกว้าง การโคจรเพื่อให้ผ่านพ้นราศีหนึ่งๆก็ต้องกินเวลานานกว่าตำแหน่งของดาวที่อยู่ใกล้โลก

            ท่านลองรำลูกศรชี้ตามเส้นทางโคจรของดาวแต่ละดวงดู แล้วขีดเส้นแบ่งช่องราศีให้เท่ากันเป็น ๑๒ ช่องราศี เขียนชื่อราศีประจำไว้ให้ครบแต่ราศี เมษ-มีน จะเห็นวิธีโคจรของดาวได้ชัดเจนและเข้าใจดียิ่งขึ้น

 

ดาวที่มีอิทธิพลเกี่ยวข้องแก่โลกและมนุษย์

 

            ดาวมีอิทธิพลเกี่ยวข้องแก่โลกมนุษย์มีอยู่ ๒ ชนิด

            ๑ เป้นดาวประจำที่ในท้องฟ้ารวมกันเป็นหมู่ ๆ มีอยู่ ๒๗ หมู่เรียกว่า ดาวฤกษ์ แต่ละหมู่อยู่ห่างกันเป็นระยะตลอด ๑๒ ราศี

            ๒ เป็นดาวเคลื่อนที่ มีอิทธิพลอำนาจผลดีร้ายให้แก่โลกและมนุษย์ เรียกว่าดาวเคราะห์

            สิ่งมีชีวิตได้กระทบหรือรับธาตุครบทั้ง ๔ ธาตุ คือเมื่อร่างกายได้กระทบอากาศและเริ่มหายใจในครั้งแรก ขณะนั้นก็รับเอาอิทธิพลของดาวเคราะห์ต่างๆ เข้าไว้ในร่างกาย เป็อิทธิพลประจำกำเนิดให้ผลแก่จิตใจและร่างกายให้เป็นไปต่างๆ ตลอดชีวิต สุดแท้แต่ปริมาณของอิทธิพลคุณภาพและลักษณะของดาวเคราะห์ เจ้าของอิทธิพลนั้นๆ เป็นอิทธิพลประจำกำเนิดจะคงอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต

            ในระหว่างชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวัน ก็รับกระแสอิทธิของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่โคจรหมุนเวียนอยู่ กระแสอิทธิพลของดาวเคราะห์จรหรืออิทธิพลจรที่รับนี้ เมื่อเข้ากระทบกับกระแสกำเนิด ถ้าเป็นกระแสที่ไม่ขัดกันเข้าร่วมกันได้ส่วนและอยู่ในที่เหมาะสมก็ให้คุณแก่ชีวิตและร่างกาย ถ้าเป็นกระแสที่ขัดกันเข้ากันไม่ได้ก็ให้โทษ

 

ดาวฤกษ์

 

            ดาวฤกษ์เป็นดาวที่ตรึงอยู่กับที่ในท้องฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง รวมกันเป็นหมู่ ๆ มี ๒๗ หมู่การแบ่งดาวฤกษ์เป็นหมู่ ๆ นี้ เพื่อการดูดาวของคนโบราณในเวลากลางคืนและเพื่อสำหรับดูจันทร์โคจรด้วย จึงแบ่งดาวออกเป็น ๒๗ ส่วน หรือ ๒๗ หมู่ หรือ ๒๗ กลุ่ม มีชื่อเรียกดังนี้

กลุ่มที่ ชื่อ ประกอบด้วยจำนวนดาว เรียกชื่อทั่วไป

๑. อัศวินี ๗ ดวง – ดาวม้า รูปคอม้า หรือหางหนู

๒. ภรณี ๓ ดวง – ดาวก้อนเส้า ดาวธงสามเหลี่ยม หรือดาวแม่ไก่

๓. กฤติกา ๘ ดวง – ดาวลูกไก่ ประดุจฝูงไก่

๔. โรหิณี ๗ ดวง – ดาวไม้ค้ำเกวียน คางหมู หรือจมูกม้า

๕. มฤคศิร ๓ ดวง – ดาวหัวเนื้อ เหมือนหัวเนื้อ หัวเต่า

๖. อารทรา ๑ ดวง – ดาวตาสำเภา รูปเหมือนหนึ่งแก้วปัทมราชประดุจเสวกฉัตรอันกางกั้น

๗. ปุนัพสุ ๓ ดวง – ดาวสำเภาทอง เรือชัย หัวสำเภา

๘. บุษย ๕ ดวง – ดาวสมอสำเภา ปุยฝ้าย พวงดอกไม้ ดอกบัวหลวง หรือดาวรูปหีบ

๙. อาศเลษา ๕ ดวง – ดาวพร้อม เรือน คู้ข้อศอก แขนคู้

๑๐. มฆา ๕ดวง – ดาวงอนไถ งูผู้ ปัสสาวะวัว วานร

๑๑. บุรพผลคุนี ๒ ดวง – ดาวเพดานที่กั้นไว้ เพดานตอนหน้า งูเมีย

๑๒. อุตรผลคุนี ๒ ดวง ดาวเพดานเรียงกัน เพดานตอนหลัง งูเหลือม

๑๓. หัสต ๕ ดวง – ดวงฝ่ามือ ศอกคู้ เหนียงสัตว์

๑๔. จิตรา ๑ ดวง – ดาวตาจระเข้ ต่อมน้ำ หรือไต้ไฟ มีพรรณดังแก้วไพฑูรย์

๑๕. สวาติ ๕ ดาว –ดาวช้างพัง กองแก้ว กระออมน้ำ รูปเหนียงผูกคอสุนัข

๑๖. วิศาขา ๓ ดาว – ดาวคันฉัตร ดาวเขากระบือ รูปแขนนางหนองลาดเหมือง ไม้ฆ้อง

๑๗. อนุราธา ๔ ดาว – ดาวประจำฉัตร รูปหน้าไม้ ธนูหงอนนาค หรือดาวหมี

๑๘. เชษฐา ๑๔ ดาว – ดาวช้างใหญ่ งาช้าง คอนาค มีรูปคด หรือดาวแพะ

๑๙. มูลา ๙ ดาว – ดาวช้างน้อย สดือนาค

๒๐. บุรพาษาฒ ๓ ดาว – ดาวสัปคับช้าง ปากนก ช้างพลายหรือดาวแรดตัวผู้

๒๑. อุตราษาฒ ๕ ดาว – ดาวแตรงอน รูปครุฑ หรือดาวแรดตัวเมีย

๒๒. ศรวณะ ๓ ดาว ดาวหลักชัย หามผีหรือโลง ดาวคนจำศีล

๒๓. ธนิษฐา ๔ ดาว – ดาวกา+หรือดาวไซ

๒๔. ศตภิษัช ๔ ดาว – ดาวพิมพ์ทอง ดังหางพิมพ์ทองมังกร

๒๕. บุรพภัทรบท ๒ ดาว – ดาวราชสีห์ตัวผู้ หัวเนื้อทราย

๒๖. อุตรภัทรบท ๒ ดาว – ดาวไม้เท้า ราชสีห์ตัวเมีย

๒๗. เรวดี ๓๒ ดาว – ดาวปลาตะเพียนคู่ รูปไซดักปลาหญิงท้อง

 

            กลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ ฤกษ์นี้ คนโบราณใช้ดูด้วยตาเปล่า ไม่มีกล้องส่องดูเหมือนสมัยนี้ ต้องอาศัยดูดาวบนท้องฟ้าเป็นประจำเพื่อการนับเวลา และดูดาวฤกษ์ในการเดินเรือหรืออย่างอื่น และมีการพยากรณ์คนเกิดขณะเมื่อจันทร์โคจรอยู่กลุ่มดาวฤกษ์อะไร สำหรับคำพยากรณ์คนเกิดขณะจันทร์อยู่ฤกษ์อะไรนั้นจะกล่าวในตอนหลัง

            สมัยนี้การดูดาวฤกษ์มีผู้สนใจน้อย หรือเกือบจะไม่รู้จักกับดาวฤกษ์เอาเสียเลย เนื่องจากใช้นาฬิกา หรือเข็มทิศและอื่นๆ แทนเสียโดยมาก

อธิบาย

๑.      หมู่ดาวฤกษ์แต่ละหมู่นั้นที่อาทิตย์โคจรผ่าน เรียกว่า ราศี ส่วนที่จันทร์โคจรผ่านเรียกว่าฤกษ์ และจันทร์ผ่านไป ๒๗ หมู่ เป็นเวลาบรรจบเดือนหนึ่ง

๒.      ในที่นี้ นับขึ้นที่อัศวินีฤกษ์เป็นที่ ๑ เวลาที่อาทิตย์โคจรมาถึงฤกษ์นี้กลางวันและกลางคืนเท่ากัน เรียกว่ามัธยมกาล บริเวณที่อาทิตย์โคจรในมัธยมกาลนี้ เรียกว่ามัชฌิมมณฑลและเมื่อดาวเคราะห์ดวงใดโคจรมาบรรจบรอบที่อัศวินีฤกษ์ก็เป็นเวลาปีหนึ่งของดาวเคราะห์นั้น ดังนั้นดาวเคราะห์ทุกดวง จึงได้เรียกว่าโลกกาล คือเป็นที่กำหนดเวลาในโลก

๓.      แต่ละฤกษ์มีกลุ่มดาวมากบ้างน้อยบ้าง เช่นฤกษ์อัศวินีมี ๗ ดวง จึงทำให้มนุษย์เกิดมามีผิวพรรณสัณฐานผิดแผกกัน ถ้าผู้ใดเกิดในขณะที่ดาวรัศมีสว่างรุ่งโรจน์กำลังขึ้นเป็นกลุ่มหรืออยู่ตรงศีรษะ ผู้นั้นจะมีผิวพรรณสะอาดผ่องใสสดชื่น มีปัญญาไวฉลาดเฉียบแหลมเป็นต้น

๔.     ดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าเป็นกลุ่มๆนั้น ยังเรียกต่างกันออกไปอีก ถ้าลากเส้นจากดวงนี้ไปดวงนั้นในกลุ่มหนึ่งๆ มีลักษณะเหมือนกับสิ่งใดก็เรียกชื่ออย่างนั้น เมื่อต่างคนต่างลากเส้นก็ย่อมนึกเห็นเป็นรูปไปตามที่คาดคะเน ดังนั้นดาวฤกษ์หมู่หนึ่ง ๆ จึงเห็นเป็นรูปต่าง ๆกัน แล้วก็มีชี่อเรียกต่าง ๆ กัน ดังกล่าวแล้วข้างต้น เช่นฤกษ์ที่ ๘ ปุยฝ้าย หรือพวงดอกไม้ ดอกบัวหลวง สมอสำเภา หรือรูปหีบ

๕.     ดาวฤกษ์ทุก ๆ กลุ่ม มีดาวเคราะห์เป็นเจ้าเข้าครองฤกษ์ทั้งหมด(จะอธิบายรายละเอียดเรื่องดาวเคราะห์เป็นเจ้าครองฤกษ์ทั้งหมดไว้ในเรื่องฤกษ์โดยเฉพาะ)

๖.      ในดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ ฤกษ์ หรือ ๒๗ กลุ่ม หรือ ๒๗ หมู่นั้น หมู่ที่จันทร์เสวยคือโคจรผ่านเมื่อวันเพ็ญ มีดาวฤกษ์ ๑๒ หมู่ คือ

 

ฤกษ์ที่ ๑๔ จิตรา เรียกตามเดือนจันทรคติว่า เดือนห้า จิตรมาส เป็นต้นปี

ฤกษ์ที่ ๑๖ วิศาขา หก วิศาขมาส

ฤกษ์ที่ ๑๘ เชษฐา เจ็ด เชษฐมาส

ฤกษ์ที่ ๒๐ บุตำษาฒ แปด อาษาฒมาส

ฤกษ์ที่ ๒๒ ศรวณะ เก้า สาวนมาส

ฤกษ์ที่ ๒๕ บุตพภัทรบท สิบ โปฐบทมาส

ฤกษ์ที่ ๑ อัศวินี สิบเอ็ด อัศวยุชมาส

ฤกษ์ที่ ๓ กฤติกา สิบสอง กัตติกมาส

ฤกษ์ที่ ๕ มฤคศิร อ้าย มฤคีรมาส

ฤกษ์ที่ ๘ บุษย ยี่ บุษยมาส

ฤกษ์ที่ ๑๐ มฆา สาม มาฆมาส

ฤกษ์ที่ ๑๒ อุตรผลคุนี สี่ ผัคคุณมาส

            ด้วยเหตุนี้ วันมาฆะ จึงหมายความว่าวันที่จันทร์เพ็ญเสวย ฤกษ์ที่ ๑๐ คือมาฆนักษัตรฤกษ์ หรือ วันวิสาขะ จันทร์เพ็ญเสวยฤกษ์ที่ ๑๖ คือ วิสาขนักษัตรฤกษ์

หมายเหตุ ในวรรณคดีไทย ก็มีกล่าวถึงกลุ่มดาวต่าง ๆ ไว้มาก เช่นในเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ ได้พรรณนาเรื่องดาวไว้ว่า

                        “ดูโน่นแน่แม่อรุณรัศมี ตรงมือชี้ดาวเต่านั่นดาวไถ

               โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไชย ดาวลูกไก่เห็นอยู่เป็นหมู่กัน

               นางอรุณทูลถามพระเจ้าป้า ที่ตรงหน้าดาวไถชื่อไรนั่น

นางบอกว่าดาวธงอยู่ตรงนั้น ที่เห็นกันเป็นระนาวชื่อดาวโลง

แม้ดาวกามาใกล้ในมนุษย์ จะม้วยมุดมรณาเป็นห่าโหง

ดาวดวงสำเภามีเสากระโดง สายระโยงระยางหางเสือยาว

นั่นแน่แม่ดูดาวจระเข้ ศีรษะเร่หกหางขึ้นกลางหาว

ดาวนิดทิศพายัพดูวับวาว เขาเรียกดาวยอดมหาจุฬามณี

โน่นดาวคันชั่งช่วงดวงสว่าง ที่พร่างพร่างพรายงามดาวหามผี”

 

วิธีดูดาวฤกษ์ประจำสิบสองราศี วิธีที่ง่าย คือ แหงนหน้ามองหันศีรษะไปทางทิศเหนือ ขวามือของเราเป็นทิศตะวันตกและทางซ้ายมือเป็นทิศตะวันออก และให้ออกไปดูท้องฟ้าเวลา ๒๐.๐๐ น. กลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้จะปรากฎคล้ายกับว่าหมุนขึ้นมาจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้จะเห็นด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน ดังที่สุนทรภู่ได้พรรณนาไว้ตอนหนึ่งว่า “โน่นดาวม้าก็เหมือนอาชาไนย”  และอีกตอนหนึ่งว่า  “เรียงรายพรายพราวดาวลูกไก่ เห็นไรไรเรียงจรัสประภัสสร” ส่วนดาวจระเข้ขึ้นค่อนข้างดึก ในเดือนธันวาคมและมกราคม ราวๆ ๒๔.๐๐ น. เศษ แต่จะขึ้นเร็วในเดือนต่อไป และจะเห็นดาวกลุ่มนี้เมื่อหันหน้าไปทางทิศเหนือ ดาวจระเข้มีลักษณะอิริยาบถ คือ “ศีรษะเร่หกหางขึ้นกลางหาว” วิธีดูดาวฤกษ์นี้เมื่อสายตาคุ้นกับท้องฟ้า ก็จะเห็นดาวต่างๆ อยู่เป็นกลุ่ม ๆ เรียงกัน ถ้าลากเส้นจากดวงนี้ไปดวงนั้นจะเรียกชื่อถูกต้องดังกล่าวแล้วข้างต้น

 

ดาวเคราะห์ (ดาวเคลื่อนที่)

 

            ภายในสุริยจักรวาล คือขอบเขตอันกว้างใหญ่ไพศาล มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางและมีดาวบริวารหมุนรอบ

            ดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์มีแสงสว่างในตัวเองที่โคจรไปในจักรวาลอันเวิ้งว้างพร้อมกับบริวาร เส้นผ่าศูนย์กลาง ๘๖๔๐๐๐ ไมล์ หมุนรอบตัวเองกินเวลา ๒๕ วัน ๑๒ ชั่วโมง มีอุณหภูมิที่ผิวนอกประมาณ ๕๕๐๐ K ถึง ๖๐๐๐ K ผิวนอกของดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มแก๊สเหลวร้อน และบางทีเกิดมีพายุพัดไปมาบนดวงอาทิตย์ ตรงบริเวณที่เกิดพายุ พายุหมุนนี้เรียกว่าจุดดับในดวงอาทิตย์ ซึ่งบางแห่งมีบริเวณกว้างถึง ๕๐๐๐๐ ไมล์ จุดดับนี้จะเปลี่ยนแปลงไปทุก ๑๑ ปีครึ่ง ดวงอาทิตย์มีขนาดโตกว่าโลกประมาณ ๑ ล้าน ๓ แสนเท่า มีความถ่วงจำเพาะ ๑๒๕ สีทองแดง หรือสีแดงแก่

            โลก อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ ๙๓ ล้านไมล์ (แสงเดินได้วินาทีละ ๑๘๖๐๐๐ ไมล์) ดังนั้นแสงอาทิตย์จะส่องมาถึงโลก ต้องเสียเวลานานประมาณ ๘ นาที โลกหนักประมาณ ๖๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ตัน มีความถ่วงจำเพาะ ๕ มีอายุประมาณ ๔๐๐๐ ล้านปีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว ๗๙๒๖ ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลางเหนือถึงใต้ยาว ๗๙๐๐ ไมล์ เส้นรอบโลกตรง เส้นศูนย์สูตรยาว ๒๔๐๐๐ ไมล์ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๑๙๗ ล้านตารางไมล์ โลกมิได้หยุดนิ่งโคจรไปเรื่อย การโคจรแบ่งออกเป็น ๒ อย่าง คือ

(๑)         โคจรรอบตัวเองกินเวลา ๒๔ ชั่วโมง ด้วยความเร็วที่เส้นศูนย์สูตรประมาณ ๑๐๓๘ ไมล์ ต่อชั่วโมง

(๒)         โคจรรอบดวงอาทิตย์ ทางโคจรเป็นวงรีการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ๑ รอบเสียเวลา ๓๖๕ วัน ๕ ชั่วโมง ๔๙ นาที ๑๒ วินาที

โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาและแกนของโลก (เส้นสมมุติจากขั้วโลกเหนือถึงขั้วโลกใต้) มิได้ตั้งฉากกับเส้นระยะทางจากดวงอาทิตย์ แต่จะเยื้องไปประมาณ ๒๓ องศา ๓ ลิปดา

ดวงจันทร์ ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารของโลก ดวงจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๑๖๐ ไมล์ อยู่ห่างจากโลกประมาณ ๒๓๘๘๖๐ ไมล์ แสงจันทร์ส่องมายังโลกเสียเวลาประมาณ ๑๓ วินาทีดวงจันทร์มีน้ำหนัก ๗๔๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ตัน หมุนรอบโลก ๑ รอบเสียเวลา ๒๗ วัน ๗ ชั่วโมง ๔๓ นาที ด้วยความเร็วประมาณ ๒๓๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมง ดวงจันทร์หันด้านเดียวมายังโลกตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเห็นอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ได้ ดวงจันทร์ให้เกิดน้ำขึ้น น้ำลง เชื่อกันว่าบนดวงจันทร์ไม่มีอากาศ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ สีของดวงจันทร์ขาวนวล

ดาวอังคาร สีค่อนข้างแดง ได้ชื่อว่า  “เทพเจ้าแห่งสงคราม”  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีสิ่งที่มีชีวิตอยู่บนดาวดวงนี้ โคจรระยะห่างจากดวงดาวอาทิตย์ประมาณ ๑๔๑๑๕๕๐๐๐ ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๒๐๐ ล้านไมล์ ปริมาตรเทียบกับโลกเป็น ๐.๑๑ หมุนรอบดวงอาทิตยื ๖๘๖ วัน ๒๓ ชั่วโมง ๓๑ นาที หมุนรอบตัวเอง ๑ รอบ เสียเวลา ๒๔.๕ ช.ม.

ดาวพุธ ดาวพุธลักษณะสีเขียวใบไม้ ดาวดวงนี้โคจรระยะห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ ๓๕๙๘๗๐๐๐ ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๐๐๐ ไมล์ ปริมาตรเทียบกับโลก ๐.๐๔ หมุนรอบดวงอาทิตยื ๘๗ วัน ๒๓ ชั่วโมง ๑๕ นาที

ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลายที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์ ๑๒ ดวง เป็นบริวารหมุนรอบดาวดวงนี้ บนดาวพฤหัสบดีมีก๊าส ชื่อมีเธน มีแอมโมเนีย สีของดาวพฤหัสเป็นสีเหลืองสด มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘๘๗๐๐ ไมล์ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ ๔๘๓๖๗๘๐๐๐ ไมล์ มีปริมาตร ๓๑๘ โคจรหมุนรอบดวงอาทิตย์ ๔๓๓๒ วัน ๑๔ ชั่วโมง ๒ นาที เท่ากับ ๑๑ ปี  หมุนรอบตัวเอง ๑ รอบ ๙๗๕ ช.ม.

ดาวศุกร์ เป็นดาวที่สว่างสุกใส เราจะเห็นดาวนี้ในตอนเช้ามืดก่อนพระอาทิตยืขึ้นเรียกว่า ดาวประกายพฤกษ์ และเห็นในตอนหัวค่ำ เรียกว่าดาวประจำเมืองและนอกจากนี้ยังได้ชื่อว่า”เทวีแห่งความงาม” มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๗๖๕๐ ไมล์ ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ๖๗๒๔๕๐๐๐ ไมล์ มีปริมาตร ๐.๘๓ โคจรหมุนรอบดวงอาทิตย์ ๒๒๔ วัน ๑๖ ชั่วโมง ๔๘ นาที ดาวศุกร์มีสีผสมหลายสี ลักษณะเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำทะเล

ดาวเสาร์ มีลักษณะเป็นวงแหวน สีแก่ สีคล้ำ ๆ ห่างจากดวงอาทิตย์ ๘๘๖๗๗๙๐๐๐ ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๗๕๐๐๐ ไมล์ มีปริมาตรเทียบกับโลก ๙๕ หมุนรอบดวงอาทิตย์ ๑๐๗๕๙ วัน ๕ ชั่วโมง ๑๖ นาที หรือเท่ากับประมาณ ๓๐ ปี หมุนรอบตัวเอง ๑๐.๒๕ ช.ม. ดาวเสาร์มีดวงจันทร์เป็นบริวารถึง ๙ ดวง

ราหู ไม่ใช่ดาว แต่เป็นเงาของโลกส่วนหนึ่ง

เกตุ เป็นวิญญาณธาตุ ห่างจากดวงอาทิตย์ ๒๗๙๔๐๐๐๐๐๐ ไมล์ มีปริมาตรเทียบกับโลก ๑๗ หมุนรอบดวงอาทิตย์ ๖๐๑๘๐ วัน ๒๐ ชั่วโมง ๓๘ นาที หมุนรอบตัวเองประมาณ ๑๕๗๕ ช.ม.

มฤตยู เป็นสภาวะธรรมชาติ ห่างจากดวงอาทิตย์ ๑๗๘๓๓๘๓๐๐๐ ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๐๙๐๐ ไมล์ มีปริมาตร เทียบกับโลก ๑๕ หมุนรอบดวงอาทิตย์ ๓๐๖๘๘ วัน ๗ ชั่วโมง ๑๒ นาทีประมาณ ๘๔ ปี หมุนรอบตัวเอง ๑๐๗๕ ช.ม.

 

 

 

อิทธิพลของดาวเคราะห์ ๗ ดวง

 

            ดวงอาทิตย์ เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาลเปรียบเป็นบิดาของดวงดาว บริวารอื่น ๆ ชาวกรีกโบราณถือดวงอาทิตย์เป็นเทพเจ้าที่มีอำนาจในทางโชคชาตาทางดีเหนือเทพเจ้าทั้งปวงเป็นเทพเจ้าของนักรบและเป็นเทพเจ้าของกสิกรรม พืช และปศุสัตว์ทั้งปวงและทุกคนทั่วไปเรียกว่าเทพเจ้าของแสงสว่างและเป็นเทพเจ้าของการดนตรี และศิลปินต่างๆ ที่เก่งที่สุด คือ ทางพิณโบราณ เป็นเทพเจ้าที่มีความสามารถและเก่งที่สุดทางกีฬาต่างๆ เป็นเลิศในการวิ่งเร็ว พวกกรีกและโรมันได้สร้างเทวรูปไว้เคารพด้วยสัมฤทธิ์ คือศีรษะสวมหมวกเหล็กโบราณส่วนมือถือธนูเป็นอาวุธ

            ดวงอาทิตย์มีความหมายและอิทธิพลทางธรรมชาติ แสดงถึงเพศชาย แสดงถึงผู้สร้างมีลักษณะนิสัยอวดโต วางโต มีอำนาจ บังคับบัญชา ความเจริญงอกงาม

            ถ้าตำแหน่งสัมพันธ์ที่ดีกับดวงชาตา ย่อมให้คุณทำให้เกิดมีประสิทธิภาพในทางการงานเป็นที่นิยมรักใคร่ สุขภาพพลานามัยดี งามมีเกียรติ ความใฝ่สูง ความสำเร็จ อิทธิพลการแพทย์ งานการใหม่ ๆ การเดินทาง การเปลี่ยนที่อยู่ ที่พัก ที่อาศัย การเจรจาแลกเปลี่ยนที่มีผลสำคัญ การทูตการเอาประกัน ผลประโยชน์ทางครอบครัวทั้งหมด

            ถ้าตำแหน่งสัมพันธ์ไม่ดีกับดวงชาตา ย่อมให้โทษกับผลที่ให้คุณต่างๆ ในขณะที่อาทิตย์มีตำแหน่งสัมพันธ์ไม่ดี ไม่ควรเริ่มงานใหม่ พยายามรักษาสุขภาพอนามัยให้ดี ควรเลื่อนการชุมนุมพบปะ ไม่ควรทำธุรกิจการงานที่สำคัญ ๆ ในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ไม่ดี ก็ยังให้โอกาสเหมาะอยู่อย่างหนึ่ง คือ ส่งเสริมงานที่จะจวนจะแล้ว การเดินทางกลับ การถอยทัพ

            อิทธิพลของดวงอาทิตย์มีพลังมาก และคงทนอยู่นาน

            ดวงจันทร์ เป็นดาวบริวารของโลก ชาวกรีกโบราณนับถือพระจันทร์เป็นโลกพิภพเป็นเทพเจ้าแห่งอากาศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประจำชีวิตของสตรีทุก ๆ คน ตลอดจนชีวิตซึ่งใคร ๆ นับถือว่าเป็น เทพเจ้าแห่งการวิวาห์ และเทพเจ้าแห่งการเกิดของทารก คือหมายความว่าเป็นมารดาของเด็ก และในขณะเดียวกันเป็นเทพเจ้าของการเป็น หม้าย คือ สามีตายด้วย

            ดวงจันทร์ มีอิทธิพลต่อธรรมชาติชีวิตทุกชีวิตบนพื้นโลก มักมีอิทธิพลต่อผู้มีอารมณ์คอยเคลิบเคลิ้มอย่างแรง ต่อธาตุน้ำ ต่อต้นไม้ พืชพันธ์ต่าง ๆ ต่อชาวประมง มีธรรมชาติเป็นเพศหญิง ผู้รับ มีลักษณะเปี่ยมล้น ไหลอ่อนเหมือนน้ำ เปลี่ยนแปลงง่าย

            จันทร์ข้างขึ้น เป็นระยะของการติดต่อ ควรเริ่มลงมือทำกิจการใหม่ ๆ ที่เสี่ยง ๆ ในระยะนี้ งานที่ต้องวิ่งเต้นต่าง ๆเช่นงานซื้อขาย นายหน้าการเดินตลาด การเอาประกันหาโฆษณา ฯลฯ เป็นเวลาที่เหมาะแก่การเพาะเมล็ดพืชพันธุ์ไม้ การเก็บเกี่ยวและการปลูกต้นไม้ งานแพทย์ที่ไม่ใช่ศัลยกรรม การบำรุง สุขภาพอนามัย ในการพักฟื้นไข้ โอกาสดีสำหรับการเจรจาติดต่อ สร้างสัมพันธไมตรี แลกเปลี่ยนสนธิสัญญาทางการทูต

            จันทร์ข้างแรม เป็นระยะเวลาที่อิทธิพลของดาวจันทร์ลดลงเหมือนกระแสน้ำลงควรสงบนิ่ง  รอดูเหตุการณ์ กระชับกิจการ ควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ปกติในทางศัลยแพทย์ ทันตแพทย์ เหมาะแก่การศัลยกรรม การตัดสินใจรักษาโรคควรระงับไว้ก่อนในระยะนี้ ดีในการปลูกพันธุ์ไว้ ดอกไม้ปักมากกว่าไม้เมล็ดพืช

 

ดาวอังคาร

 

            ดาวอังคาร ทั้งกรีก และโรมัน นับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมีรูปร่างใหญ่โตแข็งแรง และมีกำลังมาก และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสงคราม อันสมเป็นทหาร หรือนักรบ มีนิสัยเสีย เป็นเทพเจ้าที่มีนิสัยโมโหฉุนเฉียวและมุทะลุรักการสงครามชนิดเลือดตกยางออก และนิสัยชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาท เป็นเทพเจ้าแห่งความดุร้าย ชอบทำลายล้างมากกว่าก่อให้เกิดขึ้น เป็นเทพเจ้าแห่งความตาย อันเกิดจากอุปัทวเหตุ เป็นเทพเจ้าแห่งพายุและแสง คือมีความรวดเร็วประจำ

            ดาวอังคาร มีความหมายทางธรรมชาติ ถึงการต่อสู้ รบพุ่ง ทำสงคราม ความกักขละหยาบคาย พลังงานที่ระเบิดออก โดยไม่มีอะไรควบคุมได้ เป็นสัญญาลักษณ์ของการรุกราน ต่อสู้ความกล้าหาญ มุทะลุ ตึงตัง  การดิ้นรนด้วยกำลังงานเกี่ยวกับเครื่องจักร โลหะ การกีฬา(บุคคลที่เกิดใต้อิทธิพลของดาวอังคาร มักเป็นผู้เข้มแข็ง)

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ดีกับดวงชาตาให้คุณในทางการดิ้นรน ต่อสู้เพื่ออิสรภาพความกล้าหาญชาญชัย สุขภาพพลานามัย นักกีฬา วิศวกร อุตสาหกรรม ก่อสร้าง พวกนักรบทุกเหล่า เกี่ยวกับผู้หญิง มักมีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับความรัก

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ไม่ดีกับดวงชาตา ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทบาดหมางผิดใจกัน เกิดอุปัทวเหตุเพราะความประมาทสะเพร่า การแตกความสามัคคีธรรมในหมู่คณะ ในวงสังคม

            การผ่าตัดไม่ควรกระทำในระยะที่ดาวอังคารมีกำลังสัมพันธ์ไม่ดี โดยเฉพาะการผ่าตัดอวัยวะของร่างกายส่วนที่จันทร์หรืออังคารโคจรเข้าไปอยู่ในราศีนั้น เช่นจันทร์ หรืออังคารโคจรอยู่ในราศีสิงห์ ก็ไม่ควรทำการผ่าตัดหน้าท้อง ซึ่งเป็นเครื่องหมายอวัยวะของร่างกายประจำราศีสิงห์ดาวอังคารมีอิทธิพลทันทีทุกเวลาและถาวร

 

ดาวพุธ

 

            ดาวพุธ ชาวกรีกและโรมัน ถือว่าเป็นเทพเจ้าของพ่อค้า หรือนักธุรกิจ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการค้าข้าวโพดของพวกพ่อค้าทั้งปวง ฉะนั้นจึงนับเข้าเป็นพระเจ้าแห่งการค้าและธุรกิจทั้งปวง พ่อค้าโดยมากของชาวกรีกและโรมันมักบูชาเทวรูปนี้ไว้ตามร้านค้าขายต่าง ๆเพราะนิสัยของเทพเจ้านี้ชอบสงบหรือรักสงบมากกว่าตีรันฟันแทง และเป็นเทพเจ้าที่เป็นนักพูด และปราชญ์ทางค้นคว้าหาเงินมากกว่าหาเรื่องทะเลาะวิวาท อันเรียกว่าเทพเจ้าแห่งความสันติสุข

            ดาวพุธ มีความหมายตามธรรมชาติในการติดต่อ แสดงถึงระบบประสาทปฏิภาณสมองความเฉียบแหลมว่องไว เป็นสัญญลักษณ์ของผู้เยาว์ นักเรียนนักศึกษา และพลังงานเคลื่อนไหวทางสมอง มีความโน้มเอียง เป็นเหตุให้บุคคลอยู่ไม่สุข กระสับกระส่ายทุรนทุราย หาความสงบได้ยาก  หงุดหงิดชอบเที่ยวเตร่ไปทุกหนทุกแห่ง มักทำให้ต้องอพยพไปอยู่ต่างจังหวัด ต่างประเทศ

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ที่ดีกับดวงชาตาย่อมให้คุณ เกี่ยวกับการเดินทาง การติดต่อ การพิจารณา การปาฐกถา การเดินตลาด การโฆษณา การประพันธ์ทุกด้าน อักษรศาสตร์วรรณกรรม ให้คุณทางการศึกษา สวัสดิภาพของผู้เยาว์

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับดวงชาตา จะเกิดอุปสรรคเกี่ยวกับการงานที่ใช้สมอง สมาธิ ความเอาใจใส่ แสดงถึงการแทรกแซง การหยุดชะงัก ความวิตกกังวล ความหวั่นไหว กระทบกระเทือนประสาท เกิดความยุ่งยาก เกี่ยวกับผู้เยาว์และเด็ก

            ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ คือขณะที่ดาวพุธโยกย้ายราศี เป็นระยะที่ดวงดาวมีอิทธิพลมากไม่ควรทำงานที่ต้องใช้ความเอาใจใส่อย่างหนัก หรืองานที่ต้องทนทำกันนานในระยะที่กล่าวนี้

 

ดาวพฤหัสบดี

 

            ดาวพฤหัสบดี พวกกรีกโบราณถือว่า ดาวพฤหัสบดีเป็นราชาแห่งฟ้า หรือบิดาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง (คล้ายพระอินทร์ พระอิศวร พระพรหม อย่างไทย) พวกกรีกโบราณนับถือดาวพฤหัสบดีเป็นบิดาของพระเจ้าและมนุษย์ทั้งปวง คือเป็นเทพเจ้าของทุก ๆ อย่างคือเทพเจ้าแห่งแร่ธาตุ ฝน ลม ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และเครื่องหมายของความสงบ คือ รุ้ง

            เมื่อเทพเจ้าแห่งชัยชนะของสงครามและกีฬาแห่งการเล่นกีฬาและการเล่น คือมีความสำเร็จทุกประการ พร้อมทั้งเป็นเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม ความคิด กฎหมาย และอำนาจที่จะพิพากษาอรรถคดีทั้งปวง

            ดาวพฤหัสบดีมีความหมาย ทางธรรมชาติ เกี่ยวกับความมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัตินา ๆ ประการ เป็นสัญญลักษณ์ของโชควาสนา ความเมตตากรุณาตั้งอยู่ในภูมิธรรมสังคม ความสำเร็จ อำนาจเกียรติภูมิ อิทธิพลไปในทางคุณงามความดี

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์ที่ดีกับดวงชาตา ให้คุณทางด้านฐานะ การเงิน การคลัง การเศรษฐกิจ การลงทุน ขนบธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา การติดต่อด้วยสังคมธรรม สังคมสงเคราะห์ หน้าที่พลเมือง การบำเพ็ญทาน การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ มีอุดมคติและทัศนะวิสัยงาม ใฝ่ฝันทะเยอทะยานในการสร้างฐานะ ความก้าวหน้า

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับดวงชาตา จะไม่อำนวยผล ควรระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย มักกลับเป็นคนหัวสูง อวดโต พูดเกินความจริง

            เฉพาะนักการพนัน วันใดดาวพฤหัสบดีอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ที่ดี ตัวเก็งจะมามาก แต่ถ้ามฤตยู หรือเกตุ มีอิทธิพลสูงว่า มักจะมีการฟลุ๊กเกิดขึ้น (อิทธิพลของดวงดาวพฤหัสบดีมีพลังเต็มที่และถาวร)

 

ดาวศุกร์

 

            ดาวศุกร์ ชาวโรมันนับถือว่าเป็นเทพเจ้าผู้หญิงชื่อวีนัส ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความสวยงาม ความเจริญต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวยงามตามธรรมชาติต่าง ๆ เช่นในสวนดอกไม้เงาบานสีสวย เป็นเทพเจ้าแห่งความรักปนความใคร่ หรือเทพเจ้าแห่งความรักทั่ว ๆ ไป คือหามีเจ้าของไม่เทพเจ้าวีนัสนี้ ชาวโรมันปั้นเป็นหญิงสาวเปลือยกายนอน หรือยืนคู่กับเด็กเล็กเปลือยกาย มีปีกถือคันธนูและลูกธนูเป็นอาวุธ (เด็กเล็กนั้นเป็นบุตรสุดสวาทของเทพเจ้าวีนัส ชื่อ คิวปิค)

            ดาวศุกร์มีความหมาย ทางธรรมชาติเกี่ยวกับการประสานกลมกลืนให้สนิทเป็นสัญญลักษณ์ของความรักความสบงการอยู่ร่วมโดยสันติความสวยงาม ดาวศุกร์เป็นดวงดาวที่มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษเกี่ยวกับเพศหญิง ทรงอิทธิพลทางสงเคราะห์อำนวยโชคต่อชีวิตเหนือดาวอื่น ๆ

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ที่ดีกับดวงชาตา ย่อมให้คุณและส่งเสริมงานด้านสังคมนิยมงามส่วนรวม ความรักใคร่ระหว่างเพศ ศิลป นักร้อง นักดนตรี ดาราภาพยนตร์ ละครการหากินในทางศิลปทั่วๆ ไป

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ไม่ดีกับดวงชาตา กลับให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียด ความมึนตึงในครอบครัว วงศาคณาญาติ เกิดความยุ่งยากใจเพราะผู้หญิง สุขภาพพลานามัยเสื่อมโทรมกำลังวังชาทรุดโทรมไป

            อิทธิพลของดาวศุกร์ เป็นไปชั่วครู่ยาม และจะแรงยิ่งขึ้นในเวลาย้ายราศี

 

ดาวเสาร์

 

            ดาวเสาร์ ชาวโรมันถือว่าดาวเสาร์เป็นเทพเจ้าของการหว่านพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวโพดส่วนทางกรีกถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคชาตา ฉะนันดาวเสาร์จึงเป็นเทพเจ้าแห่งความไม่แน่นอนคงทน คือเป็นได้ทั้งทางดีและทางชั่ว

            ดาวเสาร์มีความหมาย ทางธรรมชาติหมายถึงความอดทน การจำกัดสิทธิขอบเขตเป็นสัญญลักษณ์ของความรับผิดชอบอย่างหนัก ดาวเสาร์มีอิทธิพลไปในทางบาปเคราะห์ ให้ความชั่วร้ายต่อโลกและชีวิตบนโลก ผู้ที่อยู่ในใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ฟันมันเสียผุเกตั้งแต่ยังเด็ก

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ที่ดีกับดวงชาตา ก็ให้คุณประโยชน์มาก ทำให้เป็นคนเฉลียวฉลาดแหลม จะไดรับผลรางวัลเพราะความพยายามอย่างหนัก โชคลาภของคนที่อยู่ใต้อิทธิพลดาวเสาร์จะได้มาก็ต้องเหน็ดเหนื่อย เกิดผลทางที่ดิน การแลกเปลี่ยนการเจรจาตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สิน คนสูงอายุ และสวัสดิภาพของคนสูงอายุ การศึกษาที่ต้องใช้ความเอาใจใส่อย่างมาก การค้นคว้า งานทุกชนิดที่ไม่ขึ้นกับอารมณ์ การลงทุนที่ต้องใช้เวลานาน ๆ สิ่งที่ต้องสร้างเพื่อความถาวรและปลอดภัย

            อิทธิพลของดาวเสาร์ กล้าแข็งและคงทนมาก

            ถ้าอยู่ในตำแหน่งสัมพันธ์ไม่ดีกับดวงชาตา ทำให้เกิดความสลดใจ ฐานะต่ำต้อย การผลัดผ่อนเลื่อยกำหนด ความล่าช้า ไม่ตรงตามสัญญา หรือผิดความคาดหมาย ความรับผิดชอบแทนผู้ใหญ่สูงอายุ ความเหงาหงอยเปลี่ยวใจ ขาดความกระฉับกระเฉงว่องไว

 

ธาตุของดาว

 

            เมื่อโลกแบ่งสภาพของวัตถุออกเป็น ๔ ประเภท โดยใช้ความว่า วัตถุ(ธาตุ) คือไฟ ดิน ลม น้ำ ดาวเคราะห์ต่างๆ ก็มีธาตุเช่นเดียวกัน ดังนี้

            ธาตุไฟ ได้แก่ ดาวอาทิตย์และดาวเสาร์

                        อาทิตย์ แสดงถึง ธาตุไฟอันมีความร้อนและแสงโชติช่วง

                        เสาร์ แสดงถึง ธาตุไฟซึ่งกรุ่น ๆ ร้อนระอุ

            ธาตุดิน ได้แก่ ดาวจันทร์ และดาวพฤหัสบดี

                        จันทร์ แสดงถึง ธาตุดินชุ่ม ๆ ร่มเย็น เช่นที่พักอาศัย

                        พฤหัสบดี แสดงถึง ธาตุดินแห้ง ๆ เช่นขุนเขาแห้งแล้ง

            ธาตุลม ได้แก่ ดาวอังคาร และราหู

                        อังคาร แสดงถึง ธาตุลมซึ่งพัดเรื่อย ๆ ตามฤดูกาล

                        ราหู แสดงถึง ธาตุลม ลมพายุพัดแรงเป็นคราว ๆ เรื่อย ๆ

            ธาตุน้ำ ได้แก่ ดาวพุธ และดาวศุกร์

                        ดาวพุธ แสดงถึง ธาตุน้ำซึ่งตามมหาสมุทรทั่ว ๆ ไป

                        ดาวศุกร์ แสดงถึง ธาตุน้ำฝนตกแล้วไหลลงสู่ทะเลเป็นครั้งคราว ส่วนมฤตยูและเกตุไม่มีธาตุประจำ

            เกตุ จัดเป็นดาวพิเศษ เพราะเป็นวิญญาณธาตุ เมื่ออยู่กับดาวอะไร ทำให้ดาวดวงนั้นมีกำลังแรงขึ้น ไม่เสวยอายุบุคคล ถ้ากุมลัคนา ของบุคคลใดก็ทำหน้าที่ในราศีนั้น ๆ ดาวเกตุจัดอยู่ในพวกนก ๒ หัว คือเป็นทั้งบาปเคราะห์และศุภเคราะห์ ดาวไหนดีดีด้วย ดาวไหนร้ายร้ายด้วย โคจรผ่านอาทิตย์เพียงปีละครั้งเดียว

            มฤตยู จัดเป็นดาวพิเศษอีกดวงหนึ่ง เกิดขึ้นโดยสภาวะธรรมชาติ เกิดจากแหล่งธาตุน้ำเหมือนดาวอื่น มีกำลังเท่า ๆ กับดาวอื่นทุกดวงรวมกัน ชื่อว่า เทพเจ้าแห่งความตาย (สูญสิ้น) ไม่เสวยอายุบุคคล

 

ทิศประจำราศี

 

            ภายในจักรวาลซึ่งแบ่งเป็น ๑๒ ราศีแล้วนั้น นับแต่ราศีเมษ ถึง ราศีมีน ได้กำหนดทิศทางของราศีต่าง ๆ ไว้ดังนี้

๑.      ทิศตะวันออก หรือทิศบูรพา ได้แก่ราศีเมษ

๒.      ทิศตะวันตก หรือทิศประจิม ได้แก่ราศีตุลย์

๓.      ทิศเหนือ หรือทิศอุดร ได้แก่ราศีกรกฎ

๔.     ทิศใต้ หรือทิศทักษิณ ได้แก่ราศีมังกร

ระหว่างกลางของราศีทั้งหลายที่คาบเกี่ยวกับสองราศี คือ

ราศีพฤศภ และมิถุน คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศอีสาน

ราศีสิงห์ และกันย์ คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศพายัพ

ราศีพิจิก และธนู คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศหรดี

ราศีกุมภ์ และมีน คือทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือทิศอาคเณย์

 

เมื่อเวลาพยากรณ์ ก็ให้สังเกตดาวเจ้าเรือนต่าง ๆ ที่ไปสถิตอยู่ราศีของทิศใด ก็ทายว่าอยู่ทิศนั้น ตามความหมายของความต้องการของเราที่จะทำนายเอาเช่น ต้องการทายคู่ครองอยู่ทิศใดก้ให้พิจารณาดาวเจ้าเรือนปัตนิอยู่ในราศีใด และราศีที่ดาวปัตนินั้นไปสถิตอยู่ในราศีใดก็ทายว่าทิศนั้น เช่น สถิตอยู่ราศีเมษ ก็ทายว่าคู่ครองอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นต้น การเดินทางก็แม้นกันตามหลักว่า ถ้าดาวเจ้าเรือนศุภะเข้มแข็งดี ก็จะมีโอกาสเดินทางไกล แต่จะทราบว่าจะเดินทางไกลไปทางทิศใด ก็ให้สังเกตราศีที่ดาวเจ้าเรือนศุภะสถิต เช่นอยู่ราศีมังกร ก็ทายว่าจะได้เดินทางไปทางทิศใต้เป็นต้น และเรื่องอื่น ๆ นอกจากนี้ เมื่อต้องการดู ก็กำหนดตามหลักนี้ และไม่ใช้แต่ในดวงชาตาเดิมเท่านั้น แม้แต่ดวงชาตาจรก็ใช้ได้เหมือนกัน

 

 

 

 

ราศีที่มีกำลังในเวลากลางวันและกลางคืน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

              

 

ราศีที่มีกำลังในเวลากลางวันคือ ราศี สิงห์ กันย์ ตุลย์ พิจิก ธนู มังกร

ราศีที่มีกำลังในเวลากลางคืน คือ ราศี กุมภ์ มีน เมษ พฤศภ มิถุน กรกฎาคม

ดาวแต่ละดวงจะให้ความหมายในทางราศีภาคนั้น ๆ มากประมาณ ๗๕ เมื่อภาคนั้นที่มีดาวสถิตอยู่ และจะให้ความหมายที่ตนไม่ได้สถิตอยู่เพียง ๒๕

ตัวอย่าง เช่น ดาวอังคารเป็นเกษตรสองราศี คือราศีเมษ และราศีพิจิก แต่เมื่ออังคารไปประจำสถิตอยู่ราศีพฤศภ ซึ่งเป็นภาคกลางคืน อังคารก็จะให้ความหมายในทางราศีเมษเจ้าเกษตรของตนถึง ๗๕ และจะให้ความหมายมาทางราศีพิจิก ๒๕

และสมมุติอังคารอยู่ในราศีกันย์ ภาคกลางวัน ก็จะส่งกำลังไปยังราศีพิจิก ๗๕ และจะส่งกำลังให้ราศีเมษเพียง ๒๕ เช่นเดียวกัน

 

ความเป็นจริงระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก

 

            ดวงอาทิตย์ที่เราเห็นในเวลากลางวันนั้น เราเรียกว่าดวงอาทิตย์ธรรมชาติ ไม่ได้เคลื่อนที่ไปได้เคลื่อนที่ไปไหนเลย โลกเราต่างหากที่หมุนรอบตัวเองไปด้วยและโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปด้วย เมื่อโคจรผ่านดาวประจำราศีใด เช่น ราศี เมษ พฤศภ มิถุน กรกฎ สิงห์ เป็นต้น เราก็เรียกว่าโลกโคจรมาสถิตในราศีนั้น ๆ จึงจะถูกต้อง แต่เราหาเรียกความจริงเช่นนั้นไม่ เราเรียกกลับกันว่าดวงอาทิตย์โคจรมาสถิตในราศีนั้นราศีนี้ ที่เราเห็นในดวงชาตาเป็นเลข ๑ คือเครื่องหมายแทนดวงอาทิตย์ธรรมชาตินั้น เป็นบทกลับของโหราศาสตร์ที่นำมาใช้เปรียบเหมือนเวลาเรานั่งรถไฟกำลังแล่น เราจะเห็นว่าต้นไม้และสิ่งต่างๆ ที่พื้นดินวิ่งหนีเราไป แต่ถ้าเราอยู่พื้นดินเราก็เห็นรถไฟแล่นหนีเรา

            ฉะนั้น การคำนวณ เช่น สุริยุปราคา จันทรุปราคาหรืออื่น ๆ ก็เป็นทฤษฎีต่าง ๆ เกิดขึ้น

 

สุริยุปราคา จันทรุปราคา เกิดขึ้นได้อย่างไร

 

            สุริยุปราคา เกิดขึ้นได้ด้วยในการโคจรของโลกไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์พร้อมกับการที่ดวงจันทร์เป็นบริวารโคจรไปรอบ ๆ โลก โดยติดตามโลกไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ด้วยนี้ เมื่อดวงจันทร์เข้ามาอยู่ในตำแหน่งระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก และเงามืดของดวงจันทร์ทอดตกลงบนพื้นผิวโลก คนบนพื้นผิวโลกในบริเวณนั้นย่อมเห็นดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังไป เรียกว่าเกิดสุริยุปราคา

            จันทรุปราคา  เกิดขึ้นได้ เมื่อดวงจันทร์โคจรไปอยู่ในตำแหน่งบนวงโคจรรอบโลกตรงข้ามกับตำแหน่งเดิม และเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก ที่ทอดไปในอวกาส ดวงจันทร์ก็ไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ เพราะถูกโลกบังเสีย คนบนโลกจึงเห็นดวงจันทร์มัวและมืดไป นับเป็นการเกิดจันทรุปราคา

            ปรากฎการณ์ทั้งสองประเภทนี้ รวมเรียกว่า อุปราคาล

            อุปราคาจะเกิดได้เมื่อใดและเห็นได้ที่ไหน หลักเกณฑ์ง่าย ๆ ของอุปราคาให้เห็นได้ว่าสุริยุปราคาเกิดได้แต่ในวันแรม ๑๕ ค่ำหรือขึ้นค่ำ เมื่อดวงจันทร์โคจรเข้ามาอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ และจันทรุปราคาก็เกิดแต่ในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ

            สุริยุปราคา เห็นมืดมิดแต่เฉพาะผู้ดูอยู่ตรงเงามืดตก ส่วนจันทรุปราคานั้นเมื่อดวงจันทร์ถูกบังมืดไป ผู้ที่อยู่บนพื้นโลกในบริเวณกว้างใหญ่ จะสามารถเห็นได้พร้อมกัน จึงเป็นปรากฎการณ์ที่มีผู้เห็นได้มากกว่าสุริยุปราคามืดมิด

            ระยะความนานของอุปราคา ช่วงเวลาที่เกิดจันทรุปราคาจะยาวกว่าช่วงเวลาของสุริยุปราคา ความหนาของเงามืดของโลกตรงที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านนั้นมีค่าประมาณ ๕๗๐๐ ไมล์ เนื่องด้วยดวงจันทร์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเฉลี่ยราว ๒๐๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมง จึงอาจอยู่ในบริเวณที่ยังถูกเงามืดของโลกทอดทับบางส่วน

            และถ้าหากว่าดวงจันทร์ เคลื่อนที่ผ่านศูนย์กลางของเงามืดด้วยแล้ว ก็จะมืดมิดอยู่นานกว่า ๑ ชั่วโมงด้วย

            ในขณะเมื่อดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกับศูนย์กลางของโลกและดวงอาทิตย์ และอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในวงทางโคจร พร้อมกับอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุดด้วยเงามืดของดวงจันทร์จะตั้งฉากกับพื้นผิวโลก และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๖๗ ไมล์ นับเป็นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เงามืดนี้เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็ว ๒๐๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมง เท่ากับความเร็วของดวงจันทร์ในวงทางโคจรแต่โดยเหตุที่พื้นโลกที่เส้นศูนย์สูตรและอยู่ตรงจุดเที่ยงวันเคลื่อนที่ไปทางเดียวกันด้วยความเร็ว ๑๐๐๐ ไมล์

 

           

 




บทความ อาจารย์ สิงห์โต สุริยาอารักษ์

โหราศาสตร์เข้าสู่ประเทศไทย article
โหราศาสตร์ตกถึงมือประชาชนเมื่อใด article
โหรกับหมอดูต่างกันหรือไม่ อย่างไร article
สุริยุปราคาและจันทรุปราคาอย่างไหนจะเกิดบ่อยครั้งกว่ากัน อ.สิงโต
โหราศาสตร์ไทย เรียนด้วยตนเอง อ.สิงห์โต สุริยาอารักษ์ (๑) article
โหราศาสตร์ไทย เรียนด้วยตนเอง อ.สิงห์โต สุริยาอารักษ์ (๒) article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.


-

-


Since 2003 - 7 - 11 Best View 1024 x 768 pixels...... www.horawej.com Email address: horawej@horawej.com
เว็บไซด์โหราเวสม์ (จำหน่ายโปรแกรมโหราศาสตร์ต่าง ๆ เว็บเพื่อการศึกษาทางวิชาโหราศาสตร์) โดย นายวิชิต เตชะเกษม โทร. 08-1844-3372
พร้อมหนังสือ เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์จาก เขษมบรรณกิจ 25 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม 10600
โทร. 02-439-2339, 02-439-7388-9, Fax. 02-439-7387 (หยุดวันอาทิตย์)
www.scb.co.th/