โหราทัศนานุวัฒน์ โดย ปิยวุฒิ

            โหราศาสตร์ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในกระแสโลกาภิวัฒน์ อาจจะเป็นคำถามที่ใครหลาย ๆ คนต่างสงสัยและสนใจ ซึ่งอาจเป็นคำถามเดียวกันกับในใจของท่านผู้อ่านขณะนี้

            โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับอิทธิพลของดวงดาว ที่มีพลต่อวิถีชีวิตของมวลมนุษย์บนฟื้นพิภพนี้ จากการโคจรของดาวนพเคราะห์ทั้ง ๙ ดวง ซึ่งโลกเราก็รวมอยู่ในนั้นด้วย อันกอปรด้วย ดวงอาทิตย์ (พระ๑ )เป็นแกนกลางของระบบสุริยะจักรวาล ดวงจันทร์ (พระ๒) อันเป็นบริวารของโลกที่โคจรเคียงข้างกับโลกของเรา มีดาวพระเคราะห์วงในที่โคจรใกล้โลกและดวงอาทิตย์ นั้นคือ ดาวพุธ (พระ๔) ดาวศุกร์(พระ๖) และดาวพระเคราะห์วงนอกที่อยู่ห่างไกลโลก ได้แก่ ดาวอังคาร(พระ๓)ดาวพฤหัส(พระ๕) ดาวพระเสาร์ (พระ๗) ดาวมฤตยู(พระ๐) นอกจากนี้ยังมีอุปเคราะห์ฉายาพระเคราะห์อันเกิด มาจากการคำนวณกฏเกณฑ์ ในวิชาโหราศาสตร์ คัมภีร์สริยยาตร์ สารัมภ์ อันได้แก่ราหู (พระ๘) เกตุ(พระ๙) ซึ่งมิใช่ดาวเคราะห์ แต่ก็มีผลในการพยากรณ์ ดี – ร้าย

            โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีมาช้านานกว่า ๕,๐๐๐ ปีก่อนพุทธกาล ในหมู่ชาวอาริยกะ (อารยัน)ซึ่งเป็นต้นกำเนิดชนชาติชาวอินเดียตอนเหนือ (อุตรประเทศ) เป็นผู้รวมรวมสร้าง กฏทฤษฏีต่าง ๆ ในการพยากรณ์ และถ่ายทอดความรู้กันในหมู่นักปราชญ์ จะนะยาสะนะสันยาสิน จนเป็นที่ยอมรับในหมู่นานาอารยะประเทศ และเข้าสู่สุวรรณภูมิ (อาณาจักรไทยในอดีตกาล) สมัยขอมเรืองอำนาจบนรากฐานความเชื่อ ผ่านพ้นยุคสมัยมาถึงปัจจุบัน กลายเป็นความเชื่อที่แฝงในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นไทย เช่น การดูฤกษ์ยามในงานพิธีต่าง ๆ เช่น แต่งงาน เปิดร้าน ขึ้นบ้านใหม่ โกนจุก บวชนาค การวางแผนการดำเนินชีวิตของบุคคลต่าง ๆ ที่มาขอรับคำแนะนำ จากผู้ทรงความรู้ที่เราเรียกว่า “โหรจารย์”

            แม้ปัจจุบันเรามีระบเทคโนโลยีสารสนเทศ มีอุปกรณ์ ดิจิตอลที่ก้าวล้ำนำสมัย แต่โหราศาสตร์มิได้ลดบทบาทความสำคัญลงแต่อย่างใด กลับทวีความโดดเด่นเป็นสง่าในยุคที่ ความเจริญทางวัตถุกับคุณธรรมในจิตใจนั้นส่วนทางกัน ความหวาดหวั่นในสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน บรรยากาศการเมืองที่ยังไม่รู้ทิศทาง โหราศาสตร์จึงเป็นผู้รู้ที่จะไขปรัศนีย์ แห่งฟากฟ้า สู่ความกระจ่างในจิตใจของมนุษย์ปุถุชน

            ข้าพเจ้าเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความศรัทธาในวิชานี้ และยังได้หล่อหลอมอุดมการณ์แห่งชีวิตไว้กับศาสตร์อันพิสุทธิ์นี้ โดยหวังว่า ทิพยปัญญาที่ยังใหญ่นี้จะเป็นมรดก แห่งอนุชนรุ่นหลังสืบไปข้าพเจ้ามีความยินดียิ่งที่ ได้นำเสนอแนะทฤษฏีความรู้ทางโหราศาสตร์ แค่ทานนักอ่าน โหราเวชทุกท่านที่มีความเชื่อ....ความรัก....ความศรัทธา ในวิชานี้เฉกเช่นข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้นำความรู้มากำนัลสำหรับท่านผู้อ่านที่รักในวันนี้

            เรามาว่ากันที่ดวงมาตราฐานที่ ผู้เรียนโหราศาสตร์ทุกท่านต้องรู้จักกันเลยดีกว่า นั่นคือดวงมหาอุจจ์(อุจจ์) หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมผู้เขียนถึงไม่แนะนำ ดวงเกษตร อันเป็นดวงฟื้นฐานก่อนก็อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า ข้าพเจ้าได้นำความรู้มากำนัลสำหรับท่านผู้อ่านดังนั้น จึงต้องมีอะไรพิเศษแน่นอนและที่สำคัญเรื่องดวงเกษตรนั้น ก็มีตำราโหราศาสตร์ทั่วไปได้เขียนบรรยายไว้แล้ว จึงจะไม่เป็นการ”ประหลาดใจ” แต่อย่างใดถ้าผู้เขียนจะนำมากล่าวอีก

            ดวงมหาอุจจ์(อุจจ์)หมายถึง ดาวดวงใดที่มาสถิตตามราศีที่กำหนดไว้ดังรูปดวงข้างล่างนี้

            อาทิตย์(พระ๑)สถิตณ.ราศีเมษ

            จันทร์(พระ๒)สถิตณ.ราศีพฤษภ

            อังคาร(พระ๓)สถิตณ.ราศีมังกร

            พุธ(พระ๔)สถิตณ.ราศีกันย์

            พฤหัส(พระ๕)สถิตณ.ราศีกรกฏ

            ศุกร์(พระ๖)สถิตณ.ราศีมีน

            เสาร์(พระ๗)สถิตณ.ราศีตุลย์

            ราหู(พระ๘)สถิตณ.ราศีพิจิก

            เมื่อดาวดวงใดก็ตามตั้งแต่พระ๑-๗สถิตในราศีที่กำหนดไว้ถือว่า ดาวนั้นได้ตำแหน่งมหาอุจจ์(อุจจ์)หมายถึง ดาวนั้นมีพลังสูงที่สุด เพราะคำว่า อุจจ์ มาจากคำว่า “อุจจนะ”แปลว่า สูงที่สุด ซึ่งจะทำให้ปรัศนีย์ค่าของดาวดวงนั้น (ตัวแทนความหมายของดาวดวงนั้น) และดาวนั้นเป็นเจ้าเรือนเกษตรภพใดภพนั้นก็มีพลังมากขึ้นด้วย

            วินิจฉัยดาวอาทิตย์(พระ๑)ตำแหน่งอุจจ์

            พระอาทิตย์(พระ๑) ธาตุไฟ เจ้าเรือนเกษตรประจำราศีสิงห์ ปรัศนีย์ค่าตัวแทน ความร้อนเพศชายความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน ภาวะแห่งความเป็นผู้นำอิสระเสรี การมีชีวิตอยู่

            ราศีเมษ ธาตุไฟ เรือนทวาร จรราศี เรือนแห่งการกำเนิดภพแรกแห่งจักรวาลเป็นภพที่แสดงความเคลื่อนไหวรวดเร็วรุนแรง อันแสดงถึงความกระตือรือร้น เป็นราศีเพศชาย จึงแสดงออกซึ่งความกล้าได้กล้าเสีย มีเจตจำนง ทางความคิดเช่นไร ก็ทำไปอย่างนั้น (มักไม่ค่อยเก็บอารมณ์)

            เมื่อ ดาวอาทิตย์ สถิตอยู่ในราศีนี้ จึงเข้ากันได้อย่างมากเป็นเรือน ตรีโกณแห่งธาตุไฟและดาวอาทิตย์ก็ธาตุไฟ และเป็นเพศชายด้วยกันทั้งคู่ จึงเป็นการเพิ่ม พละศักดิ์ แห่งการเป็นผู้นำ

            ตามตำรากล่าวไว้ อาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ เจ้าชะตาจะเป็นคนมีเกียรติยศชื่อเสียงมีอำนาจบารมีมาก “จักเป็นขุนเป็นนาย จักเป็นใหญ่เป็นโต” (ยิ่งใหญ่ในวงราชการ)

            ดวงอาทิตย์ (พระ๑) โคจรผ่านราศีต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณ ๓๐ วันต่อหนึ่งราศี ดังนั้น ๑๒ ราศีใช้เวลา ๓๖๐ วัน (หนึ่งปีโดยประมาณ) เราจะเห็นว่าใน ๑ รอบปี อาทิตย์จะโคจรเข้าสู่ราศีเมษ ๑ ครั้ง

            สรุปแล้ว อาทิตย์เป็นอุจจ์ทุก ๆ ปีในเดือนเมษายน ตั้งแต่ช่วงประมาณ ๑๓ เมษายน ถึง ๑๔ พฤษภาคม”ดูแล้วคนที่เกิดในช่วงนี้ของทุก ๆ ปี จะต้องเป็นคนที่มีวาสนาสูงส่ง เพราะอาทิตย์เป็นอุจจ์จริงหรือไม่” และข้อเท็จจริงที่สำคัญ ดวงอาทิตย์(พระ๑) อยู่ราศีเมษ ประมาณ ๓๐ วัน คุณภาพของดาวพระ ๑ ในเรือนเมษในแต่ละวัน จะไม่มีความแตกต่างกันบ้างเลยหรือ

            จากการที่ผู้เขียนได้วิเคราะห์ดวงชะตาศึกษาค้นคว้างจากตำราต่าง ๆและจากการที่ได้รับความรู้จากการสอนของอาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ หลายท่าน ในสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ วัดราชนัดดา โดยเฉพาะ คัมภีร์ดวงดาวในโหราศาสตร์ ของ อาจารย์ เรือนตรี สัมฤทธิ์ เกลาเกลี้ยง ตลอดจน ประสบการณ์ พยากรณ์ดวงชะตาของผู้เขียนเองพบว่า ผู้ที่มีดาวอาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ บางคนก็เป็นแค่คนธรรมดาที่มิได้มียศศักดิ์ หรือตำแหน่งใด ๆ ในวงราชการเลย ซ้ำร้ายบางคนก็อายุสั้น บ้างก็ออกจากงาน และก็มีอีกส่วนหนึ่งรุ่งเรืองในสายอาชีพอื่น ๆ ที่มิใช่งานราชการ และก็มีที่ได้ทำงานราชการมยศตำแหน่งสูง ๆ ตามตำราว่าไว้จริง ๆ

            ดังนั้น การพยากรณ์ ดวงชะตาจึงไม่ใช่เปิดตำรา ทองจำดวงมาตราฐานได้ก็นำมาใช้พยากรณ์อย่างแน่นอนเพราะยังไม่ครอบคลุมตัวแปรที่มีผลกระทบที่อาจหักล้าง ลดทอน หรืออาจเสริมเพิ่ม พละศักดิ์ ของดาวอาทิตย์ (พระ ๑) มหาอุจจ์ในเรือนเมษ ข้าพเจ้าจึงได้นำหลักเกณฑ์ต่าง ๆ มานำเสนอ ประกอบการพิจารณา ดวงอาทิตย์ (พระ ๑) ในราศีเมษ เพื่อวัดค่าพลัง ความดีแห่งอุจจ์ ดังนี้

            ๑) ลัดนา (เวลาเกิด) สัมพันธ์กับพระ ๑

            ๒)เจ้าวาระ (วันเกิดในสัปดาห์) ที่มีผลกับพระ ๑ ในราศีเมษ

            ๓) ดาวอังคาร (พระ๓) ที่สัมพันธ์กับพระ ๑ ในราศีเมษ

            ๔) องศา พระ ๑ ในแต่ละวันในราศีเมษ

            ๕) ดาวพระเคราะห์ ดวงอื่นที่ร่วมสัมพันธ์กับพระ ๑ โยคเกณฑ์กัน

            ๖)โยคมุมสัมพันธ์ (มหาตุงคิน)

            ๑) ลัคนา ที่เกิดจากการตำนวณ เวลาเกิด ที่ห่างจาก สมผุส พระอาทิตย์ (พระ ๑) ในวันนั้นโดยใช้จุดขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเป็นหลัก เมื่อเราทราบว่าลัคนาอยู่ราศีใดแล้ว ต้องมาพิจารณาว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับพระอาทิตย์ นั่นคือ พระ ๑ อยู่ภพที่เท่าไหร่จากลัคนาที่เราคำนวณได้

            หาดอยู่ภพที่ ๓,๖,๑๐,๑๑ เป็นเรือนอุปจัยแห่งบาปเคราะห์ดีมากสำหรับ (พระ๑)

            ลัคนาอยู่ราศีกุมก์ อาทิตย์ (พระ ๑) อยู่ราศีเมษภพ ๓ จากลัคนา ดีมีกำลังให้ผลดีกับดวงชะตามีเกียรติจากวงสังคมที่ตนสังกัด เป็นนักประสานงานที่ดี

            ลัคนาราศีพิจิก อาทิตย์อยู่ภพ ๖ ดี การงานดีโดดเด่น เป็นนักต่อสู่ ตัวฉกาจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก ๆ ทำงานปราลปรามกำลังรบดี

            ลัคนาราศีกรกฏ อาทิตย์อยู่ภพ ๑๐ ดี การเงินดีมาก งานนำมาซึ่งความร่ำรวยยิ่งใหญ่มีอำนาจบารมี สูง ตำแหน่งงานสูง (อุจจ์จรัสแสง)

            ลัคนาราศีเมถุน อาทิตย์ภพ ๑๑ ดี มีเกียรติในวงสังคม ชนชั้นสูง ระดับแนวหน้าของสังคม ประสบความสำเร็จ มีโชคลาภเก่งด้านการลงทุน

            ลัคนาราศีเมษอาทิตย์ ภพที่ ๑ ร่วมลัคนาดี เป็นคนมีความเชื่อมั่น มีไหวพริบปฏิภาณดี มีขวัซกำลังใจดีมากประสบผลสำเร็จด้วยพลังของตัวเองเป็นคนมองการณ์ไกลมีโชคอยู่เสมอ

            ลัคนาอยู่ราศีธนู อาทิตย์(พระ๑)อยู่ภพที่ ๕ได้รับโชคจากผู้ใหญ่ หรือโชคจากการทำมาหากินต่างถิ่นแดนไกล สำเร็จการศึกษาระดับสูง แต่มักมีปัญหาด้านสุขภาพและอารมณ์ตอนอายุมาก ๆ

            ลัคนาอยู่ราศีสิงห์ อาทิตย์(พระ๑) อยู่ภพที่ ๙ มักเดินทางออกจากถิ่นกำเนิดแล้วไปประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง รุ่งเรืองมักเดินทางไกลหลาย ๆ ครั้งในชีวิตมักเป็นนายตัวเองรักอิสระมีแนวปรัชญาของตนเอง

            ดวงอาทิตย์(พระ๑) อยู่ภพที่ ๘,๑๒ ไม่ดี เพราะเป็นเรือน ทุสถานะภพที่แรงสำหรับพระ ๑

            ลัคนาอยู่ราศีกันย์ อาทิตย์เป็นอุจจ์ในภพ ๘ ไม่ดี มักไม่ถูกกับพ่อ หรือห่างบ้านเกิดเมืองนอน มักมีปัญหาสุขภาพ อารมณ์ทางเพศไม่ดี มีเคราะห์

            ลัคนาอยู่ราศีพฤษภ ห่างบ้านเกิด อาทิตย์ ภพที่ ๑๒ หรือต้องจากบ้านเกิดของตัวเอง ครอบครัวมักมีปัญหาไม่ค่อยสงบสูขต้องทำงานห่างบ้านห่างนาย

            ดวงอาทิตย์ (พระ ๑) ในภพที่ ๔ จากลัคนาอุจจ์ไร้แสง

            ลัคนาอยู่ราศีมังกร อาทิตย์ภพที่ ๔ นั้นหมายความว่า เจ้าชะตาเกิดในเวลาใกล้เที่ยงคืน เรามองไม่เห็นแสงของดวงอาทิตย์สุขภาพไม่ดีขี้โรค อารมณ์ขุ่นมัว เกิดเคราะห์เพราะยานพาหนะ เป็นคดีความทุกข์ใจ

            ๒)เจ้าวาระ(วันเกิดในสัปดาห์)ที่สัมพันธ์กับพระ๑

            หมายถึง เราเกิดวันอะไร ตั้งแต่ วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ... ไปจนถึงเสาร์ในขณะที่อาทติย์เป็น อุจจ์ (พระ๑ สถิตในราศีเมษ) ก็จะนำเชื้อนามแห่งทักษา ๘ ภูมินามไปสัมพันธ์ด้วยอันได้แก่ บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลี

            สาเหตุที่เรานำเอาระบบทักษาไปใช้ เพราะ ขณะที่อาทิตย์(พระ๑) เป็นอุจจ์ในราศีเมษ อาทิตย์ในดวงชะตากุมลัคน์ (ภพที่ ๑) ภพที่ ๓ ภพที่๖ ภพที่ ๑๐ ภพที่ ๑๑ จากลัคน์ดาวเจ้าวันเกิดก็จะบังคับให้ดาวอาทิตย์ นำหน้าที่ตามนามทักษา เช่น เกิดวันพฤหัส ดังตัวอย่าง

            เมื่ออาทิตย์เป็นศรี ก็จะไปเพิ่มพลังให้กับดาวในตำแหน่งอุจจ์ ซึ่งตำแหน่งศรีเป็นดาวที่แรงมากตามระบบทักษา ๘ ภูมินาม

            เกิดวันอังคาร ก็เป็นวันที่เพิ่มอำนาจให้พระ๑ ในเรือนเมษได้ดีอีกวันหนึ่งเช่นกัน ตามตัวอย่าง

            เมื่ออาทิตย์เป็นมนตรีตามนามทักษา ก็จะเพิ่มพลังให้ดาวอาทิตย์ในตำแหน่งอุจจ์ได้เช่นกันรองจากดาวศรี

            * แต่การใช้ทักษา ๘ ภูมินามนี้ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะต้องใช้ควบคู่กับตำแหน่งความสัมพันธ์ของลัคนากำเนิดด้วย เช่น อาทิตย์ได้นามทักษาศรี จากวันเกิด ต้องให้อาทิตย์(พระ ๑) สัมพันธ์กับลัคนาแล้วมีกำลังให้คุณดีด้วย เช่น อาทิตย์(พระ๑) เป็น ๓ (ภพที่ ๓) ๖(พระ๖) ๑๐ (พระ ๑๐) ๑๑(พระ๑๑) กับลัคนาหรือ เป็น ๑ (ลัคนาร่วมอาทิตย์) ๕ (อาทิตย์อยู่ภพที่๕) ๙(อาทิตย์อยู่ภพที่ ๙) จึงจะดีส่วนอาทิตย์ได้ทักษานามมนตรีจากวันเกิด ต้องให้อาทิตย์พระ๑ สัมพันธ์กับลัคน์ ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปเมื่อสักครู่ แต่ต้องยกเว้น อาทิตย์นามมนตรี ในภพที่ ๖ ถือว่าไม่ดีเพราะเกเรมักติดคุกติดตาราง เกิดวันจันทร์ต้องพึ่งระวังหากอาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ เพราะอะไร

            โปรดสังเกตุตัวอย่าง

            พระอาทิตย์(พระ๑) นามกาลี แปลว่าความชั่วร้ายอัปมงคลต่าง ๆ นาน ๆ เป็นนามที่ร้ายที่สุดในทักษา ๘ ภูมินามเพราะจะทำให้พระอาทิตย์ (พระ๑) ที่เป็นอุจจ์ที่เราว่าดีกลายเป็นคนเย่อหยิงจองหองอวดดีถือยศศักดิ์ รักศักดิ์รักศรี บ้า ๆ บอๆ เป็นคนแข็งกระด้างไม่ดีเลย

            และหากเป็นเกณฑ์ คือ พระ ๑ อยู่ภพที่ ๑,๔,๗,๑๐ กับลัคนา หรือ ตรีโกณ ๕,๙ ยิ่งไปกันใหญ่กลายเป็นหายนะแห้งอุจจ์

            ๓)ดาวอังคารที่สัมพันธ์กับพระ๑ ในราศีเมษ

            เราพิจารณา ดาวอังคาร พระ ๓ เนืองมาจาก ดาวที่เป็นดาวเจ้าเรือนเกษตร (เจ้าบ้าน) แห่งราศีเมษ เมื่อพระ ๑เป็นอุจจ์ในบ้านพระ ๓ ก็ต้องตามดูว่า พระ ๓ นั้นมีความเข้มแข็งมากน้อยเพียงใด ดังตัวอย่าง

            ดาวอังคาร และอาทิตย์ ร่วมกันในราศี (อุจจ์ เกษตรร่วมกัน)

            อาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ และอังคารก็เป็นเกษตรในราศีเมษด้วย ข้อสังเกตุ ตามตำราโดยทั่วไปมักบอกว่า อาทิตย์ร่วมอังคารไม่ดีจะมีเคราะห์ แต่ในกรณีนี้ ยกเว้น เพราะอาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ บ้าน อังคาร อังคารเป็นเกษตร ในบ้านตัวเอง ทำให้ราศีเมษเข้มแข็งมาก

            *แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามร่วมองศาแนบสนิทกับดวงอาทิตย์เท่านั้นเองไม่เช่นนั้น จะกลายเป็น เกณฑ์ร้ายไป

            อาทิตย์เป็นอุจจ์อังคารเป็นอุจจ์ อันนี้ถือว่าดีมาก ๆ เพราะ เจ้าบ้านอังคาร ๓ เข้มแข็งมากและยังส่งแสงเกณฑ์ ๔ จากมังกรเรือนที่ตนสถิตไปยังราศีเมษคุ้มครอง ราศีเมษ ทั้งยังได้ ปัศวะเกณฑ์ ภพที่ ๑๐ จากเมษมีดาวเข้าตำแหน่งองค์เกณฑ์ “ปัศวะทศต้องอังค์เกณฑ์ ชีวะจันทร์ ภุมเมนผ่องแผ้ว”ยิ่งใหญ่มากๆ

            นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์อื่น ๆ อีกเช่น ดาวอังคาร เกาะนวางค์มิตร อยู่กึ่งกลางราศี กาวอังคารเพ็ญ ดาวอังคาร พักร์ เกณฑ์วิเศษทฤษฏีโยคของอังคาร ซึ่งจะขอกล่าวในบทต่อ ๆ ไปแต่ในบทนี้จะพูดถึงหลักง่าย ๆ ก่อน ที่ยังไม่ต้องใช้การคำนวณ ละเอียดมากมายอะไรนัก

            ดาวอังคาร เสื่อมเมื่อเป็น ๘,๑๒ กับเรือนเมษบ้านของตัวเอง

            จากตัวอย่าง ดาวอังคารเป็น ๘,๑๒ กับราศีเมษ นั่นคือ อังคาร เจ้าบ้านอ่อนแอไม่ช่วยส่งเสริมดวงอาทิตย์ที่อยู่ในบ้านตัวเอง

            ๔ องศาพระ ๑ ในแต่ละวันในราศีเมษ

            โดยปกติ เมื่อพระอาทิตย์ ๑ สถิตในราศีเมษ เริ่มต้นจาก ๐ องศา ก็จะมีการเคลื่อนที่ไปในราศีวันละ ๕๙ ลิปดาโดยประมาณ กินเวลา ๓๐ วัน จึงจะพ้นราศีไปยังราศีพฤษภ พลังของดาวอาทิตย์ที่มาเป็นอุจจ์ในราศีนี้ ในขณะที่โคจรไปแต่ละองศา มีคุณภาพแห่งพละศักดิ์ ที่แตกต่างกันออกไป

            ดาวอาทิตย์จะมีพลังมากที่สุด เมื่อสถิต ในช่วงระหว่าง ๑๐ องศา ในราศีนี้ เรียกว่า ปรมอุจจ์และจะอ่อนแอ เมื่อโคจรในช่วง ๒๐ องศา ถึง ๒๓ องศา ๒๐ ลิปดา และในช่วงปลายราศีเมษ ประมาณ ๒๙ องศาถือว่า อาทิตย์กำลังจะย้ายราศี ทำให้ไม่มีพลังสถิต เหมือน รถยนต์ที่กำลังปรับระดับความเร็วเพิ่งเปลี่ยนเกียร์ไม่ดีอ่อนแอ

            ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ข้าพเจ้าตั้งใจอยากจะมานำเสนอ ทั้งในเรื่องดาวพระเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่ร่วมสัมพันธ์กับพระอาทิตย์ในตำแหน่งอุจจ์ โยคเกณฑ์ มุมดาวสัมพันธ์ต่าง ๆ และยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายแต่คงต้องเป็นโอกาสต่อไป

            หากท่านมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ หรือ ข้อสงสัยตอนหนึ่งตอนใดในบทความของข้าพเจ้าสามารถติดต่อสอบถามได้ ตามชื่อ และ เบอร์โทรศัพท์ด้านล่างนี้

            ปิจวุฒิ (อาจาร์วุฒิ พยากรณ์)

            โครงการโหราศาสตร์นานาชาติ สาขา ฟื้นที่บางนา

            เปิดสอนและพยากรณ์ ดวงชะตา

            โปรดติดต่อ ๐๘-๖๙๘-๒๒๑๕๐ สายตรง (อาจารย์ วุฒิ)

            เปิดสอนวิชา สัตตเลขาพยากรณ์ (๗ ตัว ๙ ฐานประยุกต์) โหราศาสตร์ สิบสองราศี