ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยมานานพอสมควร ได้ศึกษาหาความรู้จากตำราชองอาจารย์ต่างๆมามากมายหลายท่าน โดยเฉพาะตำราของโหราจารย์รุ่นเก่า ๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ที่ร้านเกษมบรรณกิจ แต่ปัจจุบันคงจะเหลืออยู่ไม่มากนักหนึ่งในจำนวนนั้นก็มีตราของอาจารย์เชย บัวก้านทอง ,อาจารย์ ร.ต.อ.เปี่ยม บุญยะโชติอาจารย์ ร.เลี่ยม เพชรรัตน์(โหรแฉล้ม) อาจารย์ทองคำ ยิ้มกำภู เป็นต้น ตำราเหล่านี้นับว่ามีคุณค่ามากจึงได้อ่านแล้วอ่านอีกหลายเที่ยว เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่มมีกฏเกณฑ์มากมายจนยากที่จะจดจำได้หมด จนมีคำที่โหราจารย์หลายท่านกล่าวเอาไว้ว่า โหราศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาไม่มีวันจบ
ที่น่าสนใจมากที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ก็คือ ตำราของอาจารย์ทองคำ ยิ้มคำภูที่ท่านระบุเอาไว้ท้ายชื่อท่านเลยว่า(ผู้วางฤกษ์รัฐประหาร) ชึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นการรัฐประหารในครั้งใด ส่วนอาจารย์เชย บัวก้านทอง ก็ได้ลงดวงวันก่อการปฏิวัติเมื่อปี ๒๔๗๕ พร้อมทั้งยังมีดวงชะตาของผู้ร่วมก่อการแสดงไว้ด้วยอีก ๑๖ ท่าน (นโม-โหรภาค ๒ เล่ม ๒)ชึ่งอาจารย์เชยท่านได้กล่าวไว้ในบทที่ ๖๒ เรื่องดวงชะตาคณะปฏิวัติความโดยย่อว่า
วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เป็นวันปรากฏการณ์สำคัญในทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยพฤติกรรมเยี่ยงนี้ทุกประเทศนองเลือดแต่ประเทศไทยมิได้เสียเลือดเนื้อแต่ประการใดเลย ผู้อ่าน นโมโหรคงจะนึกเอาว่า ตาเฒ่านี่ เขียนตำราโหรไหงเอาเรื่องการเมืองมาแทรก ดีรึ หากจะคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองก็คงไม่ผิด หรือถ้าจะคิดว่าเป็นการบอกเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ก็คงไม่ผิดอีก แต่ที่ผิดก็คือผู้ที่อ่านตำราโหรแล้วขาดการไตร่ตรองในขบวนการทำนาย
คำกล่าวตอนท้ายสุดนี่เองที่ทำให้เกิดความคิดว่าน่าจะนำเอา ดวงวันก่อการปฏิวัติมาศึกษาว่าเขาวางดวงฤกษ์กันแยบยลอย่างไร
วันก่อการปฏิวัติคือ วัน ๖ แรม ๖ค่ำ เดือน ๗ ปีวอก จศ.๑๒๙๔ เวลา ๕ ทุ่ม ๙ บาท ซึ่งเมื่อเทียบแล้วตรงกับวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลา ๒๓.๕๔ น.
ลัคนาสถิตราศีกุมภ์(ธาตุลม) เกาะสัตตมนวางค์ ๓ ตติยตรียางค์ ๖ เสวยปุรพภัทรบท นักบัตรที่ ๒๕ ประกอบด้วยเพชฒฆาตฤกษ์
กรณีศึกษา
๑.ฤกษ์(ล่างปของลัคนาและดาวเคราะห์ทั้งหมดเสวยฤกษ์ใหญ่(ล่าง) เพียง ๔ ฤกษ์ได้แก่ เพชฒฆาต โจโร สมโณ และเทวีฤกษ์โดยแยกเป็น
๑.๑ ลัคนา ดาว ๘ (ราหู) ตนุลัคน์และดาว๒ล้านเสวย ปุรพภัทรบท เพชฒฆาตฤกษ์กับมีดาว ๔ และดาว ๖เสวยฤกษ์เพชฒฆาตด้วยอีก ๒ ดาวแต่เป็นนักษัตรฤกษ์ ปุรนวสุ
๑.๒ ดาว ๓ และดาว ๗ เสวยกฤตติการกับอุตราษาฒ โจโรฤกษ์
๑.๓ ดาว ๕,๙ (เกตุ) และ ๐ (มฤตยู)เสวย อาศเลษาและปุรนวสุ สมโณฤกษ์
๑.๔ มีดาว ๑ เพียงดวงเดียวที่เสวยบูรณฤกษ์คือ อารทรา เทวีฤกษ์
๒.มีดาวเคราะห์เกาะตรียางค์พิษสุนัขรวม ๔ ดวงคือ ดาว ๔,๕,๖ และ ๙
๓.มีดาวที่มีคุณภาพดีมากในนวางค์จักรได้แก่ดาว ๔,๕และ ๗ เป็นเกษตร ดาว ๔,๖ และ ๐ (มฤตยู)ได้วรโคตม์นวางค์ ๘ เป็นปกิณกะโชค มีดาวคู่สมพล ๒ คู่คือ ๒๘ และ ๑๖ ดาวคู่ธาตุ๑คู่คือ ๖๔
๔.มีดาวที่ตรีโกณร่วมธาตุกัน ๓ กลุ่มคือ ลัคนา ๒,๘ (ราหู) ตรีโกณกับกาว ๑,๔ และ ๖ ดาว ๕,๙(เกตุ)ตรีโกณกับดาว ๐ (มฤตยู) กาว ๗ ตรีโกณกับดาว ๓ กาว ๒๘ได้นระเกณฑ์และดาว ๑ เป็นพินทุบาท
๕.มีดาวเคราะห์ที่มีองศาเท่ากันคือ ๒๗ องศาเศษรวม ๕ ดาวได้แก่ดาว ๒,๔,๕,๖ และ ๘ตำรายกให้เป็นดาวที่มีกำลังแรง (มีองศาสูง)โดยเฉพาะดาว ๐ (มฤตยู)ที่เป็นดาวปฏิวัติมีองศาสูงสุดคือ ๒๙องศาซึ่งเป็นดาวที่เป็นศูนยะพาหะกันลัคนาประกอบกับดาว ๐ ก็ยังได้วรโคตม์นวางค์เข้มแข็งมากอีกด้วย
๖.ดวงฤกษ์นี้กำหนดให้ ๘ (ราหู)ที่เป็นกาวตนุลัคน์ทักษาเป็นกาลกิณี เสวยเพชฒฆาตฤกษ์กุมลัคนาที่เป็นเกษตรและปกิณกะโชคทั้งราศีจักรและนวางค์จักรร่วมกับดาว ๒ ที่ทักษาเป็นเดช ดาว ๒๘ เป็นดาวคู่สมพล แต่อีกแง่หนึ่งบางท่านเรียกดาวคู่นี้ว่า ราหูอมจันทร์โดยเฉพาะดวงนี้ดาว ๒๘ กุมกันสนิทองศา(สนิทนวางค์)ให้กำลังในการต่อสู้ผจญภัยที่ต้องใช้ความอุตสาหะวิริยะบุกบั่นฟันฟ่าอุปสรรคอย่างขนานใหญ่
๗.คณะผู้ก่อการส่วนใหญ่เป็นข้าราชการทหารเท่าที่ทราบมี ๑๒ท่านอาทิเช่น พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา พล.ต.พระยาสุรเดช พล.ต.พระยาประเสริฐสงคราม พ.อ.หลวงพิบูลสงคราม พ.อ.พระยาทรงสุรเดชเป็นต้น ฝ่ายพลเรือนก็มี หลวงประดิษฐมนูญธรรมและพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ดังนั้นในดวงฤกษ์นี้จึงวางดาว ๓ ให้อยู่ในเรือนเกณฑ์(เป็น ๔ กับลัคน์)ที่ราศีพฤษภ ซึ่งมีดาว ๖ (ดาววันก่อการ) คู่มิตรเป็นเจ้าเรือน ทักษาของดาว ๓ เป็นศรีและดาว ๖ เป็นบริวารโดยที่ดาว ๓ ก็เป็นดาวเจ้าเรือนกัมมะและดาว ๓ เสวยโจโรฤกษ์ ตำราว่าใช้ในการทำเรื่องที่ผิดกฏหมาย เรื่องที่ต้องปิดลับสุดยอด
๘.อาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์ท่านว่าดวงใครมีดาว ๒๘ กุมลัคนามักเห็นผิดเป็นชอบ (โหราศาสตร์ไทยเรียกด้วยตนเองเล่มเดียวจบหน้า ๒๙๔) ในดวงฤกษ์นี้ดาว ๒ เกาะนวางค์ดาว ๔ เป็นดาวคู่มิตรแต่ ๘ เกาะนวางค์ดาว ๔ กลับเป็นดาวคู่ศัตรูกัน ซึ่งนวางค์ดาว ๔ นี้เป็นลูกนวางค์เกี่ยว ๒ ราศี (ลูกที ๙ ) เพชฒฆาตฤกษ์ซึ่งเป็นภินทฤกษ์แต่อาจารย์เชย บัวก้านทองกล่าวเอาไว้ว่านวางค์ดังกล่าวมิใช่จะให้โทษเสมอไป ก็มีส่วนดีให้คุณแก่ฟื้นดวงชะตาทำให้เด่น รุ่งโรจน์ได้เช่นหากเสวยเพชฒฆาตฤกษ์จะเด่นในทางปกครอง คุมกองทัพ บุกทลายเหล่าไพรี(นโม-โหร ภาค ๒ เล่ม ๔ หน้า ๔๖๐)