อิทธิพลของดวงดาวในวันแสดงประชามติ
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์
ผมได้ตรวจสอบจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ เวลา ๑๖.๐๐ น. ซึ่งเป็นที่มีการออกเสียงแสดงประชามติว่า จะรับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ หรือไม่ ได้พบว่า ในวันเวลาดังกล่าว ลัคนา หรือ จุดเริ่มต้นชีวิตของเจ้าชะตา สถิตอยู่ในราศีธนู ซึ่งมีดาวพฤหัสบดีเป็นเจ้าของราศี และมีดาวพระเคราะห์อื่นๆ สถิตอยู่ในราศี เรือนและภพต่างๆ ซึ่งผมได้แสดงรายละเอียดไว้ในภาพประกอบที่ ๑
ในการตรวจสอบอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ครั้งนี้ ผมจะคัดเลือกเฉพาะดาวพระเคราะห์ที่เป็นศุภเคราะห์สำคัญที่ให้คุณแก่เจ้าชะตาได้แก่ดาวพฤหัสบดี ดาวพระเคราะห์ที่เป็นบาปเคราะห์ที่ให้ทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาได้แก่ดาวเสาร์ และดาวอังคาร รวมทั้งดวงอาทิตย์ และดาวจันทร์ซึ่งเป็นชะนวนให้เกิดประกายในการสร้างพลังให้ดาวพระเคราะห์ต่างๆ สรุปได้ดังนี้
๒.ดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีสิงห์ อาศัยอยู่ในเรือนที่ ๘ ภพมรณะที่เกี่ยวข้องกับอายุขัยขอเจ้าชะตา ในเรือนนี้ ยังมีดวงอาทิตย์ ดาวพุธ และดาวศุกร์อาศัยอยู่ด้วย ดาวเสาร์กับดาวอื่นๆ ในภพนี้ มีองศา ลิปดา ต่างกับดวงอาทิตย์เพียงเล็กน้อยจึงเข้าสู่จุดดับทั้งสิ้น จึงบั่นทอนอายุขัยของเจ้าชะตาให้สั้นลง
๓.ดาวอังคารสถิตอยู่ในราศีพฤษภ เป็นประ อาศัยอยู่ในเรือนที่ ๖ ภพอริที่เกี่ยวข้องกับข้าทาษบริวาร ศัตรูที่ไม่เปิดเผย สุขภาพของเจ้าชะตา
๔. ดาวจันทร์สถิตอยู่ในราศีตุลย์ อาศัยอยู่ในเรือนที่ ๑๑ ภพที่เกี่ยวกับลาภผลประโยชน์ต่างๆ โดยปกติแล้วจะเป็นคุณแก่เจ้าชะตา แต่เมื่อถูกดาวอังคารเล็งทำมุม ๑๘๐ องศาเกือบสนิท (ห่างกันเพียง ๕๔ ลิปดา) ทั้งเมื่อตรวจสอบตามหลักวิชาโหราศาสตร์ฮินดูที่เรียกว่า Vedic Astrology แล้ว ยังได้พบว่า ดาวจันทร์ ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ เป็นดาวพระเคราะห์ที่ส่งผลเบียนเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตา
นอกจากนี้ เมื่อได้คำนวณกำลังของดาวพระเคราะห์ต่างตามหลักวิชาโหราศาาสตร์ฮินดูดังกล่าว ปรากฏว่า ดาวพระเคราะห์ทุกดวงยกเว้นดวงอาทิตย์มีกำลังอ่อนมาก อาทิ ดาวพฤหัสบดีมีกำลังเพียง ๐.๘๖ ดาวเสาร์มีกำลัง ๐.๙๗ ดาวอังคารมีกำลัง ๑.๐๕ ดาวจันทร์มีกำลัง ๐.๙๓ เป็นต้น ส่วนดวงอาทิตย์มีกำลังสูงถึง ๑.๕๖ (โดยปกติ กำลังดาวพระเคราะห์มีกำลังเข้มแข็งจะต้องมีกำลังมากกว่า ๑ ขึ้นไป)
หากนำเอาหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาพิจารณาประกอบคำพยากรณ์ในเรื่องนี้ ก็จะเกิดจินตามยปัญญาเห็นรูปร่างลักษณะของรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.๒๕๕๐ ได้ชัดเจนขึ้น ดังจะกล่าวต่อไปนี้
๑. พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ว่า ในสุริยจักรวาลซึ่งประกอบด้วยดวงอาทิตย์ โลก และดาวพระเคราะห์ต่างๆ นั้น มีเพียงโลกเท่านั้นมีสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิตอาศัยอยู่ ส่วนดวงอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์อื่นๆ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ดวงอาทิตย์ทำหน้าที่เป็นต้นกำเนิดพลังงานให้แก่สิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกทั้งที่เป็นคุณเมื่อได้นำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง และให้โทษเมื่อนำมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ฝืนธรรมชาติ โดยมีดาวพระเคราะห์อื่นๆ ทำหน้าที่ถ่ายทอดพลังงานจากดวงอาทิตย์มาให้แก่โลกเป็นการเสริมพลังงานอีกทางหนึ่ง
๒. ผู้ที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ ได้แก่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งประกอบด้วยคณะบุคคลที่มีความเป็นมนุษยธรรม (มีศีลธรรม มีคุณธรรม และมีจริยธรรม) แตกต่างกัน เท่ากับเป็นผู้ให้กำเนิด และปฏิสนธิกาลแก่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งจะมีรูปร่างลักษณะอย่างไร จะสามารถอำนวยประโยชน์ หรือสร้างปัญหาให้แก่ประชาชนคนไทยหรือไม่เพียงไร จึงขึ้นอยู่กับความเป็นมนุษยธรรมของบุคคลเหล่านี้ พฤติกรรมของคณะกรรมาธิการคณะนี้บางคนในช่วงเวลาที่มีการรณรงค์จึงน่าจะเป็นคำตอบที่ดี ซึ่งสามารถพิสูจน์ด้วยเวลาอย่างแน่นอน แต่ในช่วงเวลาที่รอการพิสูจน์ ประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อยก็จะต้องได้รับบทเรียนของชีวิตในรูปแบบต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๓. ในกรณีนี้ เราต้องถือว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามประชามตินี้เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต จึงไม่สามารถก่อกรรมทำเข็ญ สร้างบุญสร้างบาปขึ้นได้ด้วยตนเองได้ คณะบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และผู้บริหารราชการแผ่นดินในองค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ ผู้ที่จะนำความเจริญก้าวหน้า สร้างความร่มเย็นเป็นสุข หรือ นำความวิบัติฉิบหายมาหยิบยื่นให้ให้แก่ประชาชนคนไทย เป้าหมายสำคัญของประชาชนคนไทยจึงควรจะอยู่ที่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ ที่จะนำมาใช้ ดังนั้น เมื่อถึงวันเลือกตั้ง จงอย่าละเลยในการไปใช้สิทธิ์ ขอให้ใช้วิจารณญาณของตนเองคัดเลือกตัวบุคคลที่เป็นคนดี มีศีลธรรม มีคุณธรรม มีความรู้ประสบการณ์มากเพียงพอที่จะเป็นผู้แทนของท่านไปนั่งในรัฐสภาให้ได้มากที่สุด พึงมีความละอาย และความเกรงกลัวต่อบาป รู้จักสำรวมอินทรีย์คือ กาย วาจา และใจ มิให้อิทธิพลของอกุศลจิต คือ ความโลภเห็นแก่เงินทองที่เขามาหยิบยื่นติดสินบนให้เพื่อจ้างวานให้ท่านไปลงคะแนนเสียงให้เข้ามาครอบงำโดยเด็ดขาด จึงจะเป็นเหตุปัจจัยให้พวกเราได้รัฐสภาที่ดี เป็นสถานที่ชุมนุมของคนดีที่พระท่านเรียกว่า สัตบุรุษ
เมื่อได้พิจารณาตามหลักวิชาโหราศาสตร์ดวงดาวที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงน่าเชื่อว่า อิทธิพลของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในวันทำประชามติเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ มีกำลังมากเพียงพอที่สร้างอกุศลวิบากให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ปฏิสนธิขึ้นมีลักษณะไม่สมประกอบพิกลพิการ เป็นภาระแก่ประชาชนคนไทยที่จะต้องเลี้ยงดูอุ้มชูกันต่อไปไม่น้อยหน้ากว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ซึ่งผมได้เคยพยากรณ์ไว้มาแล้ว แต่ยังโชคดีที่อายุขัยของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ นี้ไม่ยืนยาวนัก
หมายเหตุ บทความเรื่องนี้ได้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๐ แต่มิได้นำออกเผยแพร่เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นการชี้นำในการแสดงประชามติ
ภาพที่ ๑ จุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในวันแสดงประชามติ วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐