โฉมหน้ารัฐบาลใหม่
พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอื่น การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. และสิ้นสุดลงในเวลา ๑๕.๐๐ น.วันเดียวกัน ตามหลักวิชาการโหราศาสตร์จึงถือว่า วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ เวลา ๑๕.๐๐ น.เป็นปฏิสนธิกาลของสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อได้ผูกดวงชะตาแล้ว ปรากฏว่า ลัคนาสถิตราศีเมษ ๒๔ องศา ๕๔ ลิปดา เกาะอยู่ในภรณีนักษัตรที่ ๒ โดยมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพระเคราะห์อื่นๆ สถิตอยู่ในราศี เรือนภพต่างๆ ดังที่แสดงไว้ในภาพดวงชะตาซึ่งได้คำนวณและผูกขึ้นตามหลักวิชาโหราศาสตร์ฮินดู Vedic Astrology
ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ได้มีการแบ่งกลุ่มดาวพระเคราะห์ออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ กลุ่ม กองทัพธรรม โดยมีดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพหลวง และมีดาวศุภเคราะห์ได้แก่ ดาวศุกร์ ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพนายกอง กลุ่มนี้ยังมีชื่อเรียกกันในวงการเมืองว่า
พรรคเทพ อีกกลุ่มหนึ่งได้แก่กลุ่ม กองทัพมาร โดยมีดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ทำหน้าที่แม่ทัพหลวง และมีดาวบาปพระเคราะห์คือ ดาวอังคาร รวมทั้งราหูทำหน้าที่เป็นแม่ทัพนายกอง กลุ่มนี้มีชื่อเรียกในวงการเมืองว่า พรรคมาร ส่วนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพุธ ซึ่งมักไม่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่จะคอยหาโอกาสเข้าผสม ร่วมหอลงโรงกับฝ่ายที่จะเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้มากที่สุด จัดอยู่ในประเภท ร่วมด้วยช่วยกัน (กิน)
เมื่อได้พิจารณาวิเคราะห์จุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในดวงชะตาวันเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ได้พบว่า ดาวเสาร์กำลังโคจรวิกลคติถอยหลัง หรือ พักร อยู่ในราศีสิงห์ ทั้งดาวอังคารซึ่งเป็นเจ้าของราศีเมษที่ลัคนาสถิตอยู่ กำลังโคจรวิกลคติถอยหลัง หรือ พักร อยู่ในราศีมิถุนด้วยเช่นกัน ซึ่งล้วนแต่ส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตา ดาวทั้งสองจึงแสดงออกถึงความเป็นจอมมารอย่างแท้จริง
ในเรือนที่ ๙ ของดวงชะตา ซึ่งมีดวงอาทิตย์ ดาวพฤหัสบดี และดาวพุธ สถิตอยู่ร่วมกัน โดยดาวพฤหัสบดีทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์ไม่ถึง ๔ ลิปดา จึงถือว่า ดาวพฤหัสบดีเข้าจุดดับสิ้นพลัง ส่วนดาวพุธซึ่งทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์ ๓ องศา ๑๐ ลิปดา จึงถือว่า ดาวพุธเข้าจุดดับสิ้นพลังเช่นกัน ดาวพฤหัสบดีมีความหมายเกี่ยวกับการศึกษา การศาสนาที่พัฒนาจิตใจคนให้มีมนุษยธรรม หรือ ผู้ที่ประกอบด้วยศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ปูชนียบุคคล กระบวนการยุติธรรม การธนาคาร ดาวพุธมีความหมายเกี่ยวกับการสื่อสารมวลชน การสื่อสารโทรคมนาคม ความเฉลียวฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบ วิสัยทัศน์ การขนส่งมวลชน การแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ การอภิปรายในรัฐสภา ดวงอาทิตย์มีความหมายเกี่ยวนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานของรัฐสภา สมาชิกรัฐสภา นักการเมือง ส่วนเรือนที่ ๙ เป็นภพที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาชั้นสูง กิจการต่างประเทศ การศาสนา การเกิดคดีความ คล้ายคลึงกับความหมายของดาวพฤหัสบดี
ดังนั้น เมื่อนำเอาความหมาย และจุดเสื่อมจุดเข้มแข็งของดาวพระเคราะห์ และเรือนภพต่างๆ ที่ปรากฏในดวงชะตามาผสมผสานกัน เช่น ดาวพฤหัสบดีเมื่อถึงจุดดับ ก็จะปรากฏออกให้เห็นถึงการขาดความเป็นมนุษยธรรมของสมาชิกรัฐสภาบางคนที่มีความโลภไม่มีที่สิ้นสุด มีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกับเปรตที่พระท่านเรียกว่า มนุสสเปโต ดาวพุธเมื่อถึงจุดดับ ก็จะปรากฏออกมาให้เห็นถึงคุณลักษณะประจำตัวของสมาชิกรัฐสภาบางคนที่มีความเฉลียวฉลาดแบบ ฉลาดแกมโกง มีวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกล ช่างพูดจาแบบนกแก้วนกขุนทอง อภิปรายแต่ละครั้งจะใช้เวลาครึ่งค่อนชั่วโมงมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ มักกล่าววาจาหยาบคาย เสียดสีส่อเสียดใส่ร้ายป้ายสี พูดปด พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระอยู่เป็นประจำ สรุปแล้วก็คือ สภาผู้แทนราษฏรที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะตกอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพมาร หรือ พรรคมารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตามวิธีการขั้นตอนต่างๆ ที่ได้ระบุไว้รัฐธรรมนูญฯ สภาผู้แทนราษฎรนี้จะพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ต่อจากจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกตัวบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในโอกาสต่อมา
ดังนั้น จึงต้องถือว่า สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ให้ปฏิสนธิกาลแก่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี หรือ รัฐบาล นั่นเอง
ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ทั่วไป เรือนที่ ๕ ของดวงชะตา เป็นภพมีชื่อเรียกว่า ปุตตะ ซึ่งหมายถึงบุตร ในกรณีนี้ เรือนที่ ๕ จะอยู่ในราศีสิงห์ ซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นเจ้าของราศี มีดาวเสาร์ และดาวเกตุ (สากล) สถิตอยู่ร่วมกัน เมื่อได้เทียบกำลังตาม Vedic Astrology ระหว่างดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นเจ้าของราศี หรือ เจ้าของบ้าน กับดาวเสาร์ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาอาศัยแล้ว ดวงอาทิตย์มีกำลังเพียง ๐.๘๓ ส่วนดาวเสาร์มีกำลังมากถึง ๑.๒๒ ดาวเสาร์จึงสามารถแสดงบทบาทในราศีนี้ได้อย่างเต็มตัว หรือพูดกันตามประสาชาวบ้านว่า โจรครองบ้าน พรรคมารครองเมือง นั่นเอง
สำหรับดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นแม่ทัพธรรม หรือ หัวหน้าพรรคเทพนั้นสถิตอยู่ในราศีมีนซึ่งเป็นราศีเกษตร และน่าจะมีกำลัง แต่เมื่อสถิตร่วมกับดวงอาทิตย์จนถึงขั้นเข้าจุดดับและสูญสิ้นพลัง เช่นเดียวกับดาวพุธดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น จึงล้วนแต่มีกำลังน้อยนิด คือ ดาวพฤหัสบดีมีกำลัง ๐.๙๔ ดวงอาทิตย์มีกำลัง ๐.๘๓ และดาวพุธมีกำลัง ๐.๖๓ โดยเฉพาะดาวพุธได้แสดงท่าทีอย่างแจ้งชัดว่า จะเข้าไปร่วมกับพรรคมารอย่างแน่นอน ในกองทัพธรรม หรือ พรรคเทพ จึงมีแต่เพียงดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์และดาวจันทร์เท่านั้น ตามดวงชะตานี้ดาวศุกร์สถิตอยู่ในราศีตุลย์ซึ่งเป็นเกษตรจึงมีกำลังมากถึง ๑.๔๖ ส่วนดวงจันทร์สถิตอยู่ในราศีพฤษภเป็นเกณฑ์กับลัคนาพอดี จึงมีกำลังมากถึง ๑.๒๔ เมื่อแม่ทัพใหญ่คือ ดาวพฤหัสบดีเพลี่ยงพล้ำ ดาวศุกร์ และดาวจันทร์ ซึ่งเป็นแม่ทัพรองจึงต้องเป็นแกนนำในการต่อสู้กับกองทัพมารครั้งนี้
ดวงชะตาของบุคคลใดที่มีดาวศุกร์ และดาวจันทร์ สถิตอยู่ในราศี เรือนภพที่ให้คุณ เจ้าของชะตาจะมีรูปงาม มีเสน่ห์ เป็นที่ติดตาตรึงใจของเพศตรงข้าม ส่วนดวงชะตาของผู้ที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงน่าจะพยากรณ์ว่า รัฐบาลใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้จะมีลักษณะเป็นรัฐบาลผสมซึ่งมีพรรคมารเป็นแกนนำ โดยยอมรับเอาพรรคร่วมด้วยช่วยกัน (กิน) จำนวนหนึ่งมาผสม ส่วนพรรคเทพซึ่งจะต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น ก็จะเป็นพรรคผสมจำนวนไม่เกิน ๓ พรรค (ไม่นับรวมพรรคเล็กพรรคน้อยที่ไม่อยู่ในสายตาของพรรคมาร)
ขอให้ท่านที่ได้อ่านบทความเรื่องนี้อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจขวัญหนีดีฝ่อเกิดความทุกข์ใจขึ้นมาว่า พวกเรากำลังจะตกที่นั่งหนีเสือปะจรเข้อีกแล้วหรืออย่างไร ผมจึงใคร่ขอซ้อมความเข้าใจกับท่านว่า คำพยากรณ์ที่ผมเขียนขึ้นนี้เป็นแต่เพียงสัญญาณบอกเหตุให้มีการระมัดระวังตัวไว้ล่วงหน้าว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเราประสบความทุกข์หรือความสุข หากเป็นความทุกข์ อะไรที่เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ และเราจะดับความทุกข์นั้นได้อย่างไร โดยยึดหลักอริยสัจ ๔ ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงไว้ ซึ่ง ณ เวลานี้ ท่านน่าจะได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่า สิ่งที่ท่านพึงกระทำตั้งแต่บัดนี้ คือ การให้ความสนใจในการเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้ให้มากที่สุด เมื่อถึงวันเลือกตั้ง จงอย่าละเลยในการไปใช้สิทธิ์ ขอให้ใช้วิจารณญาณของตนเองคัดเลือกตัวบุคคลที่เป็นคนดี มีศีลธรรม มีคุณธรรม มีความรู้ประสบการณ์มากเพียงพอที่จะเป็นผู้แทนของท่านไปนั่งในสภาผู้แทนราษฎรให้ได้มากที่สุด พึงมีความละอาย และความเกรงกลัวต่อบาป รู้จักสำรวมอินทรีย์คือ กาย วาจา และใจ มิให้อิทธิพลของอกุศลจิต คือ ความโลภเห็นแก่เงินทองที่เขามาหยิบยื่นติดสินบนให้เพื่อจ้างวานให้ท่านไปลงคะแนนเสียงให้เข้ามาครอบงำโดยเด็ดขาด หากปฏิบัติได้ตามนี้ เราก็จะสามารถกำจัดกองทัพมาร หรือ พรรคมาร ได้อย่างแน่นอน