พรรคพลังประชาชนยุบ หรือไม่ยุบ ?
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้แจกใบแดงแก่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และแจกใบเหลืองแก่นางสาวละออง ติยะไพรัช กรณี กกต.ได้พบว่าบุคคลทั้งสอง มีการจ่ายเงินแก่กลุ่มกำนันจากอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายรวม ๓ คน เพื่อให้ช่วยเหลือกลุ่มของนายยงยุทธฯ ให้ได้รับการเลือกตั้ง จึงได้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด
เมื่อวันที่ ๘ ก.ค.๒๕๕๑ เวลา ๑๖.๐๐ น. ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้นัดฟังคำสั่งในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งแก่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กับ น.ส.ละออง ติยะไพรัช อดีต ส.ส.เขต ๓ พรรคพลังประชาชน ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาด้วยการทุจริตการเลือกตั้ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามคำร้องของ กกต.
ศาลฯได้ออกนั่งบัลลังก์ ในเวลา ๑๖.๐๐ น. ไม่ปรากฏว่านายยงยุทธเดินทางมาฟังคำสั่งศาล ทนายความได้ลุกขึ้นยืนฟังคำสั่ง ศาลจึงอ่านคำสั่งว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน จ.เชียงราย กับ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เขต ๓ เชียงราย มีความผิดตามที่ กกต. ยื่นคำร้องจริง ศาลจึงตัดสินให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของนายยงยุทธฯ มีกำหนด ๕ ปี และให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงราย เขต ๓ ใหม่ เมื่อศาลฯ ได้มีคำสั่งแล้ว กกต.จึงได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อนำเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่า เนื่องจากนายยงยุทธฯ เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน จึงสมควรยุบพรรคพลังประชาชนเช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆ เช่น พรรคชาติไทย เป็นต้น อัยการสูงสุดได้พิจารณาตรวจสอบแล้ว จึงได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๑ และเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๑ นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธานว่า ที่ประชุมคณะตุลาการมีคำสั่งรับคำร้องที่อัยการสูงสุดขอให้ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติไทย และพรรคพลังประชาชน ไว้พิจารณาแล้ว ต่อจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะทำหนังสือให้หัวหน้าพรรคทั้ง ๓ พรรคได้รับทราบและส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่รับหนังสือ
พรรคพลังประชาชนได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑ เวลาจัดตั้งพรรคประมาณ เที่ยงเศษ (สอบทานจากจุดที่ตั้งของอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ต่างๆ ซึ่งเกื้อหนุนให้พรรคพลังประชาชนประสบชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ) ดังนั้น เมื่อได้พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับคำร้องของอัยการสูงสุดไว้พิจารณา ที่โคจรเข้าไปทำมุมสัมพันธ์กับที่ปรากฏในดวงเดิมแล้ว ปรากฏว่า
ในวันนี้ ดาวอังคารได้โคจรเข้าไปสถิตในราศีตุลย์ ๑๒ องศา ๔๖ ลิปดา เป็นเรือนที่ ๑๐ ภพเกี่ยวกับหน้าที่การงานของเจ้าชะตา ทั้งยังทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศากับดาวมฤตยูเดิม มีเชิงมุมเพียง ๒ องศา ๒๔ ลิปดา ส่วนดาวเสาร์ได้โคจรเข้าไปสถิตในราศีสิงห์ ๒๒ องศา ๔๗ ลิปดา ทับดาวอังคารเดิม มีเชิงมุมเพียง ๒ องศา ๕๗ ลิปดา เป็นเรือนที่ ๘ ภพมรณะของเจ้าชะตา และทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศากับดาวพฤหัสบดีเดิม มีเชิงมุมเพียง ๑ องศา ๓๔ ลิปดา ในขณะเดียวกัน ดาวมฤตยูได้โคจรวิกลคติถอยหลังเข้าไปสถิตในราศีกุมภ์ ๒๕ องศา ๒๑ ลิปดาทับดาวพฤหัสบดีเดิมเช่นกัน มีเชิงมุมเพียง ๑ องศา ๑๑ ลิปดา และทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศากับดาวอังคารเดิม มีเชิงมุมเพียง ๑๒ ลิปดา สำหรับราหูนั้น ได้โคจรเข้าไปสถิตในราศีมังกร ๒๒ องศา ๔๖ ลิปดา ทับลัคนาของเจ้าชะตา (พรรคพลังประชาชน) มีเชิงมุมเพียง ๑ องศา ๔๓ ลิปดา และทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศากับดาวศุกร์ และอาทิตย์ซึ่งสถิตอยู่ในเรือนที่ ๑๐ ภพเกี่ยวกับหน้าที่การงาน มีเชิงมุมเพียง ๒ องศา ๔๙ ลิปดา และ ๑๗ ลิปดาตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีดาวจันทร์ และดาวเน็ปจูนจรทำมุมกับดาวพระเคราะห์ในดวงเดิมอยู่บ้าง แต่ผมเห็นว่า เป็นประเด็นปลีกย่อย จึงขอหยิบยกอิทธิพลของดาวอังคารจร ดาวเสาร์จร ดาวมฤตยูจร และราหูจร มาเป็นองค์ประกอบในการพยากรณ์เท่านั้น
โดยที่จุดที่ตั้งของดาวอังคารในดวงเดิมอยู่ในราศีสิงห์ ๒๕ องศา ๔๔ ลิปดา ซึ่งเป็นมรณะองศาของดาวอังคารพอดี นอกจากนั้นยังเป็นเรือนที่ ๘ ภพมรณะของเจ้าชะตา ซึ่งถือว่าเป็น ภินทุบาทว์ แปลว่า เสนียดจัญไรที่นำความวิบัติอัปมงคลมาให้ ใช้เป็นภาษาทางโหราศาสตร์ง่ายๆ ว่า ดวงแตก ด้วย เมื่อใดก็ตามที่มีดาวบาปเคราะห์โคจรทับ เล็ง หรือ เบียน ๙๐ องศา ดาวอังคารก็จะคายพิษสร้างความเดือดร้อนแก่เจ้าชะตาทันที
ดังนั้น เมื่อดาวเสาร์ได้โคจรเข้าไปทับดาวอังคารเดิมเกือบสนิท ท่านปรมาจารย์ได้พยากรณ์ไว้ดังนี้
เสาร์สู่ ณ ราศี ปะทะกับพระอังคาร เกิดการกลีการณ์ ปรปักษ์จะบีฑา นัยหนึ่งจตุบาทว์ ทวิบาทและเขี้ยวงา ระมัดระวังอา สรพิษม์จะทำเข็ญ
แปลว่า เมื่อดาวเสาร์จรเข้าทับดาวอังคารเดิม จะเกิดเหตุร้ายอัปมงคล มีศัตรูลอบทำร้ายทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ให้ระมัดระวังสัตว์สี่เท้า สองเท้า เขี้ยวงา อสรพิษต่างๆ
และโดยที่ดาวอังคารเดิมตั้งอยู่ในเรือน ๘ ภพมรณะ เป็นภินทุบาทว์นั้น ท่านปรมาจารย์จึงได้พยากรณ์เพิ่มเติมไว้ว่า
เป็นแปดเกรงชีวา จะมรณาให้เกรงไฟ แปลว่า อิทธิพลของดาวอังคารจรครั้งนี้จะส่งผลให้เจ้าชะตาสิ้นชีวิตได้ ทั้งให้ระมัดระวังไฟไหม้ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อดาวอังคารได้โคจรเข้าไปในเรือนที่ ๑๐ อีกส่วนหนึ่งด้วย จึงส่งผลเป็นทุกข์โทษรุนแรงยิ่งแก่เจ้าชะตาในเรื่องหน้าที่การงาน มีการสูญเสียเกียรติยศชื่อเสียง เกิดการแตกความสามัคคีในพรรคถึงขั้นแตกหัก
ในส่วนที่ดาวเสาร์ได้จรมาเล็งดาวพฤหัสบดีซึ่งสถิตอยู่ในเรือนที่ ๒ ภพเกี่ยวกับทรัพย์สินสมบัติ และทรัพยากรบุคคลนั้น ตามหลักเกณฑ์การพยากรณ์แล้วจะเป็นคุณแก่เจ้าชะตา แต่บังเอิญในกรณีนี้ ได้มีดาวมฤตยูจรเข้ามาทับ ท่านได้อธิบายไว้ว่า จะทำให้จิตใจหันเหไปในทางอกุศล เกิดถือดีทำให้ต้องให้มีเรื่องขัดใจกับท่านผู้ใหญ่ ทำให้พลาดโอกาสอันดีงามไป บางทีอาจจะต้องเกิดการฟ้องร้องเป็นคดี
ในวันเดียวกัน ดาวมฤตยูยังได้โคจรมาเล็งดาวอังคารเดิม ท่านได้อธิบายไว้เช่นกันว่า จะทำให้เกิดมีความคิดดื้อดึงในทางที่มิชอบ มีโทสะจริตแรงกล้า ต้องระวังให้มากในเรื่องอารมณ์ชั่ววูบ พึงระวังให้มากในเรื่องอุบัติเหตุ หรือในเรื่องที่ก่อความวิบัติให้อย่างฉับพลันทันด้วย
สำหรับราหูนั้น ก็มีบทบาทไม่น้อย เมื่อได้โคจรเข้าไปทับลัคน์ หรือ เรือนที่ ๑ เกือบสนิท ท่านปรมาจารย์ได้พยากรณ์เอาไว้ว่า
ราหูจรต้องลัคน์ แม้นสูงศักดิ์สุราลัย จะจากยศไกร ลำบากใจไฟเผาผลาญ
ในกรณีที่ราหูจรทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศา กับอาทิตย์และดาวศุกร์เดิมซึ่งสถิตอยู่ในเรือนที่ ๑๐ ภพเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ย่อมจะทวีทุกข์โทษความเดือดร้อนให้แก่เจ้าชะตาอีกส่วนหนึ่ง
อิทธิพลของดาวอังคาร ดาวเสาร์ ดาวมฤตยู และราหู ที่โคจรเข้าไปทำมุมสัมพันธ์เป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาในรูปแบบต่างๆ ตามที่ท่านปรมาจารย์ได้กล่าวพยากรณ์ไว้ และผมได้หยิบยกมาอ้างอิงดังกล่าวข้างต้น จึงน่าจะพยากรณ์ได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบพรรค
ในบทความเรื่อง อิทธิพลสุริยคราสเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ ผมได้พยากรณ์เกี่ยวกับดวงชะตาของนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนไว้ว่า จุดที่เกิดสุริยคราสเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ สถิตอยู่ในเรือนที่ ๗ ภพเกี่ยวกับคู่ครอง หุ้นส่วน ผู้ร่วมงาน (ในกรณีนี้หมายถึงพรรคพลังประชาชน) และทำมุมเล็งลัคนา จึงจะส่งผลให้เกิดวิบัติแก่นายสมัครฯ และพรรคพลังประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของผมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
สำหรับพรรคชาติไทยนั้น ในบทความเรื่องเดียวกันได้กล่าวไว้ว่า จุดที่เกิดสุริยคราสนั้นทับลัคนาของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และทำมุมเล็งเรือนที่ ๗ ได้แก่พรรคชาติไทย ดังนั้น นายบรรหารฯ และพรรคชาติไทยจึงต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับนายสมัครฯ และพรรคพลังประชาชน
ส่วนพรรคมัชฌิมาธิปไตย ผมไม่มีข้อมูลมากเพียงพอที่จะนำมาประกอบการพยากรณ์ได้ จึงขอผ่านไป
---------------------------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง หนังสือโหราศาสตร์ปริทรรศน์ภาค ๒ ครหวินิจฉัย โดย อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
The Rulership Book,Rex E.Bills
Vedic System of Astrology (Goravani Jyotish 2.5 Program