ความหวังครั้งสุดท้ายของสมัครฯ

              พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

                        ถ้าผมจำไม่ผิด วันนี้ (วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๑) เป็นวันครบกำหนด ๓๐ วัน ที่นายสมัครฯ จะต้องยื่นคำอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นายสมัครฯ และนายดุสิตฯ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการ กทม.ซึ่งศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๐ โดยพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอาญาให้จำคุกจำเลยทั้งสอง รวม ๔ กระทง กระทงละ ๖ เดือน รวมจำคุกคนละ ๒๔ เดือน โดยไม่รอลงอาญา

                        ต่อจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของศาลฎีกาว่า จะรับคำอุทธรณ์ฯ ของนายสมัครฯ กับพวกไว้พิจารณาหรือไม่ หากไม่รับก็เป็นอันว่า คดีดังกล่าวได้สิ้นสุดแล้ว โดยนายสมัครฯ กับพวกจะถูกจำคุกทันทีคนละ ๒๔ เดือน

                        ผมได้ตรวจสอบดวงชะตาของนายสมัครฯ อีกครั้งแล้ว พบว่า ดาวบาปเคราะห์ได้แก่ดาวเสาร์ ราหู รวมทั้งดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์ ยังสถิตอยู่ในราศี เรือน ภพเดิม มีเชิงมุมเปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากนัก มีแต่เพียงดาวอังคารนั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงจากราศีกันย์ไปเป็นราศีตุลย์ แต่เรือน ภพไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากดาวอังคารเป็นดาวพระเคราะห์ที่เคลื่อนที่เร็วกว่าดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี และราหู

                        ดังนั้น คำพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี และราหู ที่กำลังส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาตามที่ผมได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง “เส้นทางวิบากของสมัครฯ” จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ศาลฎีกาจะไม่รับคำอุทธรณ์ของนายสมัครฯ กับพวก หรือพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และผมได้คำนวณแล้ว คงจะไม่เกินวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๒ นาฬิกา

เมื่อเขียนบทความ หรือได้สดับตรับฟังข่าวสารเกี่ยวกับนายสมัครฯเมื่อใด ครั้งหลังสุดคือ ข่าวที่นายสมัครฯ ได้เจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ตับ ต้องเข้ารับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำให้นึกถึงคำพยากรณ์ของครูอาจารย์ที่ผมได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง “เส้นทางวิบากของสมัครฯ” ที่ว่า “….ส่วนดาวเสาร์ได้โคจรเข้าสถิตในราศีสิงห์ ๒๐ องศา ๓๓ ลิปดา เป็นเรือนที่ ๘  ภพมรณะของเจ้าชะตา ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศา กับดาวเสาร์เดิมในดวงชะตา ซึ่งท่านปรมาจารย์ฯ ได้พยากรณ์ได้ว่า

“เสาร์ถึงสถิตเสาร์ ปะทะทันและกันเอง โทษทุกข์แต่ปางเพรง ก็จะก่อจะเกิดมี

สิ่งสินระส่ายทรัพย์ ภยทับระทมทวี เกรงอายุชนม์ชี- วพินาสประไลยตู”

แปลได้ใจความว่า “เมื่อเสาร์จรถึงเสาร์เดิมในดวงชะตา อกุศลกรรมที่ทำไว้แต่เดิมจะส่งผลปรากฏ จะต้องสูญเสียทั้งทรัพย์สิน ต้องประสบภยันตรายนานา ดีไม่ดีจะตายเอา…..” ทำให้ผมรู้สึกสลดหดหู่ในชะตากรรมของบุคคลผู้นี้อยู่เสมอ ทุกวันที่ผมสวดมนต์เสร็จ จะแผ่เมตตาให้สัตว์โลกทั้งปวงรวมทั้งนายสมัครฯ ไม่เคยขาด

                        เรื่องของการแผ่เมตตานี้ นอกจากจะแผ่เมตตาให้แก่สัตว์โลกอื่นแล้ว ควรแผ่เมตตาให้แก่ตนเองด้วยดังนี้

                        “อะหัง สุขิโต โหมิ อเวโร โหมิ อัพพยาปัชโช โหมิ อนีโฆ โหมิ สุขี อัตตานัง ปริหรามิ”

แปลว่า ขอให้ข้าพเจ้าจงถึงซึ่งความสุข อย่าได้มีเวรมีภัยซึ่งกันและกันเลย จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทซึ่งกันและกันเลย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด

การแผ่เมตตาไม่ว่าจะให้แก่ตนเอง และหรือ ให้แก่สัตว์โลกอื่นๆ มีอานิสงส์รวม ๑๑ ประการ ที่น่าสนใจประการหนึ่งได้แก่ ไม่หลงในกาลกิริยา แปลว่า เมื่อใกล้จะตายก็ยังมีสติ เป็นโอกาสที่จะไปสู่สุคติได้แน่นอน ขอให้ท่านที่สนใจทดลองปฏิบัติดู รับรองว่า ได้ผลานิสงส์แน่นอนครับ

---------------------------------------

เอกสารอ้างอิง หนังสือ”โหราศาสตร์ปริทรรศน์ภาค ๒ ครหวินิจฉัย” โดย อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

                The Rulership Book,Rex E.Bills

                    Vedic System of Astrology (Goravani Jyotish 2.5 Program