อันธพาลครองเมือง
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ ให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งอยู่ในตำแหน่งในขณะที่กระทำความผิดเป็นระยะเวลา ๕ ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค ซึ่งเป็นไปตามที่ผมได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
ในช่วงเวลานี้ สมาชิกของพรรคทั้งสามที่มิใช่กรรมการบริหารของพรรคจึงต้องรีบขวนขวายหาพรรคการเมืองใหม่เพื่อความอยู่รอด มีสภาพคล้ายคลึงกับปูเสฉวน ภายใน ๖๐ วัน
จำนวนส.ส.ที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรจนถึงปัจจุบันนี้ มีส.ส.อยู่ทั้งหมด ๔๔๗ คน แบ่งเป็น พรรคพลังประชาชน (ที่กำลังเสาะหาพรรคใหม่) ๒๑๘ คน พรรคเพื่อแผ่นดิน ๒๔ คน พรรคชาติไทย (ที่กำลังเสาะหาพรรคใหม่) ๑๕ คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย (ที่กำลังเสาะหาพรรคใหม่) ๑๑ คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ๙ คน พรรคประชาราช ๖ คน และพรรคประชาธิปัตย์ มี ๑๖๕ คน
ตามรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการเปิดรัฐสภาเพื่อสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ (คนที่ ๒๗) ภายใน ๓๐ วัน
ในการเตรียมการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้มีการแสดงความเห็นออกมาผ่านสื่อมวลชนในรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจคือ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ๓๗ คน ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนทางการเมืองว่า ทางกลุ่มจะระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขใดๆ ที่จะนำไปสู่สภาวะเสี่ยงทั้งทางตรงและทางอ้อม และเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษทางการเมืองซึ่งจะมีแต่สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ โดยทางกลุ่มมีความเห็นตรงกันว่าบุคคลที่จะนำเสนอชื่อให้สภาผู้แทนฯ ลงมติเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นต้องเป็นบุคคลคนที่ได้รับการยอมรับนับถือและต้องเป็นคนที่ไม่มีการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการต่อต้าน จนนำไปสู่การปะทะและไม่สร้างความขัดแย้งในสังคม ทางกลุ่มจึงขอใช้เอกสิทธิในสภาด้วยการขอสงวนสิทธิในการเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความสงบเรียบร้อยคืนสู่บ้านเมืองโดยเร็ว
การแสดงออกของกลุ่มเพื่อนเนวินครั้งนี้จึงมีความชัดเจนว่า ไม่ต้องการที่จะให้ ส.ส.จากพรรคเพื่อแผ่นดิน หรือ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๗ และมีแนวโน้มว่า พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร จะเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในข่ายการพิจารณาอันดับต้นๆ
เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ ตัวแทนจากอดีตพรรคชาติไทย ร.ต.หญิงระนองรัตน์ สุวรรณฉวี รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ตัวแทนจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางพรทิวา นาคาศรัย ตัวแทนจากกลุ่ม ส.ส.อดีตพรรคมัฌชิมาธิปไตย กลุ่มเพื่อนเนวินที่นำโดย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และ นายโสภณ ซารัม ร่วมกันแถลงข่าวที่โรงแรมสุโขทัย ยืนยันเจตน์จำนงค์จับมือกันตั้งรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ
คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวแล้วดูจะมีน้ำหนักแน่นพอที่จะเชื่อได้ว่า แผนการสลายขั้วเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ตรวจสอบจุดที่ตั้งของอาทิตย์ ดาวพระเคราะห์ต่างๆ และราหูในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่รัฐสภาจะต้องสรรหาผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๗ ตามกฏหมาย ปรากฏว่า มีดาวพระเคราะห์สำคัญที่โคจรเข้าไปทำมุมสัมพันธ์กับดาวเดิมในดวงเมือง ดังนี้
ดาวอังคาร สถิตในราศีธนู ๙ องศา ๓๒ ลิปดา ร่วมกับดาวพลูโตทับดาวพฤหัสบดีเดิม และดาวเสาร์เดิมเกือบสนิท กับทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศา กับดาวมฤตยูเดิม
ดาวเสาร์ สถิตในราศีสิงห์ ๒๗ องศา ๔๖ ลิปดา ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศากับดาวศุกร์เดิม
การเกาะกุมกันของบาปเคราะห์ทั้งสองคือ ดาวอังคาร ดาวเสาร์ ได้พิจารณาแล้ว ถึงแม้ว่า จะส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รุนแรงมากนัก
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ ราหู ที่เข้าไปสถิตในราศีมังกร ๑๕ องศา ๒๘ ลิปดา ทับเรือนที่ ๑๐ ภพเกี่ยวกับบริหารบ้านเมืองเกือบสนิท ทับดาวพลูโตเดิมเกือบสนิท และทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศากับดาวจันทร์ซึ่งสถิตอยู่ในเรือนที่ ๔ ภพเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประเทศ
ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ดวงดาว มิได้ถือว่า ราหูเป็นดาวพระเคราะห์ แต่เป็นจุดตัดของเส้นทางโคจรของอาทิตย์กับดาวจันทร์ทางทิศเหนือ (North Node) มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดเงาดำ (Eclipse) ขึ้นในดวงอาทิตย์เกิดเป็นขึ้นสุริยุปราคา หรือ สุริยคราส และทำให้เกิดเงาดำขึ้นในดวงจันทร์เกิดเป็นจันทรุปราคา หรือ จันทรคราสขึ้น สุริยคราสที่เกิดเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ได้เกิดขึ้นมีจุดที่ตั้งของคราสทำมุมสัมพันธ์กับดาวพระเคราะห์ต่างๆ เรือนที่ ๑๐ และเรือนที่ ๔ ของดวงเมืองคล้ายคลึงกับจุดที่ตั้งของราหูจรในวันเหตุการณ์สำคัญนี้ อิทธิพลของสุริยคราสเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ เป็นอย่างไรนั้น ท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามอ่านบทความของผมได้ประจักษ์แก่ใจอยู่แล้วจึงเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ข่าวเรื่องพรรคการเมืองรวม ๕ พรรค และกลุ่มเนวินยืนยันจะจับมือกันตั้งรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำนั้น ทำให้ผมต้องนำเอาจุดที่ตั้งของอาทิตย์ ดาวพระเคราะห์ต่างๆ และราหูมาเปรียบเทียบตรวจสอบกับดวงชะตาของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับดวงของพรรคประชาธิบัตย์แล้ว รู้สึกไม่มั่นใจนัก หากกุศลวิบากที่คุณอภิสิทธิ์ฯ สะสมไว้ยังมีไม่เพียงพอ หรือ ยังไม่ส่งผล โอกาสที่คุณอภิสิทธิ์ฯ จะได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มีเพียง ๖๐ เปอร์เซนต์เท่านั้น
ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ดวงดาว ราหูหมายถึงอันธพาล ได้แก่บุคคลที่มีอกุศลจิตประกอบด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ฝังแนบแน่นอยู่ในสันดาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติของนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ การที่ราหูได้โคจรเข้ามาสถิตในเรือนที่ ๑๐ ภพเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองในครั้งนี้ จึงน่าจะพยากรณ์ว่า อันธพาลจะได้เข้ามาครองเมืองอีกครั้ง ความวัว (อิทธิพลของสุริยคราสเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑) ยังไม่ทันหายความควาย (อิทธิพลของราหูจรครั้งนี้) ก็มาเกิดอีกแล้ว รายละเอียดของคำพยากรณ์ครั้งนี้ขอให้อ่านจากบทความเรื่อง อิทธิพลสุริยคราส ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ก็แล้วกัน เชื่อว่า จะไม่แตกต่างกันมากนัก
ราหูจรนี้ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทตั้งแต่วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และเคลื่อนที่พ้นหมดอำนาจลงไปในวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ประกอบกับอิทธิพลของสุริยคราสเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ จะสิ้นสุดลงประมาณเดือนเมษายน ๒๕๕๒ จึงน่าจะพยากรณ์ว่า คณะรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๗ จะมีอายุขัยไม่ยืนนาน (ประมาณ ๓ เดือนเศษ) จึงนับเป็นข่าวดีของประชาชนคนไทยที่ว่า บ้านเมืองของเรามิต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของอันธพาลอีกแล้ว ประชาชนคนไทยจะได้เงยหน้าอ้าปากกันเสียที
-------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง หนังสือโหราศาสตร์ปริทรรศน์ภาค ๒ ครหวินิจฉัย โดย อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
The Rulership Book,Rex E.Bills
Vedic System of Astrology (Goravani Jyotish 2.5 Program