การพยากรณ์ดวงชะตาด้วยคัมภีร์ กาลจักร ลัคน์จร
โดย พ.อ.รังสิต สุภเวชย์ โทร. 02-466-4044
คัมภีร์ กาลจักร-ลัคน์จร เป็นคัมภีร์โหราศาสตร์ไทยโบราณที่โหรไทยระดับอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ให้ความเชื่อถือและนิยมใช้กันมาก เนื่องจากใช้ในการพยากรณ์ดวงชะตาจร ได้ถูกต้องแม่นยำดีมาก แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักและโหรรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยได้นำมาใช้พยากรณ์ ตัวข้าพเจ้าเองเข้าสู่วงการโหราศาสตร์มา 15 ปียังไม่เคยเห็นผู้ใดเขียนบทความการพยากรณ์ด้วยดวงกาลจักร-ลัคน์จรลงพิมพ์ในนิตยสารที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ใด ๆ เลย จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าโหราจารย์รุ่นเก่าที่ใช้การพยากรณ์ด้วยดวงกาลจักร-ลัคน์จรก็มีอาทิ พระมหาแสง วัดราชประดิษฐ์ พระภิกษุแช่ม วัดสังเวชวิทยาราม หลวงอนุสิทธิ์นนทการ ท่านเจ้าคุณภัทรมุนี วัดทองนพคุณคลองสาน อาจารย์เชยบัวก้านทอง ( ข้าพเจ้าศึกษาจากตำราของท่าน ) และโหรแฉล้ม เหลี่ยมเพชรรัตน์ แต่ท่านที่มีความรอบรู้ลึกซึ้งมากที่สุดน่าจะเป็น ท่านพระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า ตำรานี้มีค่าควรยิ่งนัก
ก่อนที่จะเข้าสู่การพยากรณ์ดวงกาลจักร-ลัคน์จรจากดวงชะตาตัวอย่าง ข้าพเจ้าขอกล่าวนำเพียงสั้น ๆ ว่ากาลจักร-ลัคน์จรก็คือการโคจรของดาวเคราะห์และลัคน์กำเนิดไปตามจักรราศีต่าง ๆ ตามชันษา (อายุ ) ที่ล่วงผ่านไป หรือก็คือการถอดเอาพื้นดวงกำเนิดออกเป็นดวงจรนั่นเอง และต่อไปนี้จะเป็นการพยากรณ์ดวงชะตาของบุคคลสำคัญที่มีตำแหน่งที่มีความสำคัญมากท่านหนึ่งของกองทัพบกในปัจจุบัน ( พ.ศ. 2549-2550 ในยุคของ คมช.)
แม่ทัพภาค 1 ( มทภ. 1 ) สูติกาล 21 มีนาคม 2497 เวลา 04.02 น. ตรงกับวันอาทิตย์ (1)แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ( โหราศาสตร์ไทยถือว่าเกิดกลางคืนวันเสาร์ 7 แรม 1 ค่ำ )
ลัคนาสถิตราศีมังกร (ธาตุดิน) เกาะอัฐมนวางศ์ ๑ ตติยตรียางศ์ ๔พส.
เสวยธนิษฐา. นักษัตรฤกษ์ที่ 23 ประกอบด้วย เทศาตรีแห่งฤกษ์
อศ รศ ลด นว. ตย. นักษัตร (ฤกษ์)
ลัคนา 24 มก 22 ๑ ๔พส. ธนิษฐา (เทศาตรี)
อาทิตย์ 06 มน 37 ๑ ๕พน. อุตรภัทรบท (ราชา)
จันทร์ 24 กย 09 ๑ ๖ จิตรา. (เทศาตรี)
อังคาร 28 พจ 43 ๕ ๒พส. เชษฐา (สมโณ)
พุธ 08 กภ 29 ๕ ๗ ศตภิษก (เทวี)
พฤหัส 25 พภ 35 ๑ ๗ มฤคศิระ. (เทศาตรี)
ศุกร์ 16 มน 12 ๓ ๒ อุตรภัทรบท (ราชา)
เสาร์ 13 ตล 18 ๗ ๗พค. สวาติ ( เทวี)
ราหู 26 ธน 48 ๕ ๑ อุตราษาฒ. ( โจโร)
เกตุ 13 พจ 07 ๖ ๕ อนุราธา ( ราชา)
มฤตยู 00 กฎ 41 ๒ ๒ ปุนรวสุ. (เพชฌฆาต)
เนปจูน 02 ตล 08 ๖ ๖ จิตรา. (เทศาตรี)
พลูโต 29 กฎ 45 ๕ ๕พส. อาศเลษา ( สมโณ)
จันทร์เพ็ญ 19/03/2497 เวลา 19.43 น. ระยะ 05 กย 09
จันทร์เพ็ญ 03/04/2497 เวลา 19.26 น. ระยะ 19 มน 59
อาทิตย์อุทัย 06.22 น. เวลาจริง ณ ตำบลเกิด 03.44 น. ( ลอง 100.30 E, แลต 13.45 N)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำนวณดาวระบบสุริยยาตร์ (เพิ่มเนปจูน-พลูโต) วางลัคนาแบบอันโตนาที (06.00 น. และถือเป็นเวลาขึ้นวันใหม่)
1.วิเคราะห์และพยากรณ์พื้นดวงชะตากำเนิด เฉพาะในเรื่อง วาสนาและตำแหน่งหน้าที่การงานดังนี้
1.1วาสนา ลัคนาเสวยเทศาตรีเป็นฉินทฤกษ์ถูกตรียางค์พิษสุนัขให้โทษ ลัคนาเกาะนวางค์ดาว 1 โดยที่ดาว 1 เข้มแข็งดีเป็นเกษตรในนวางค์จักรเสวยราชาบูรณะฤกษ์ให้คุณดีแต่ถูกตรียางค์พิษนาคทำให้มีปัญหามากเนื่องจากลัคนาถูกตรียางค์พิษ 2 ชั้น (ทั้งลัคนาและดาว 1 เจ้านวางค์ที่ลัคนาเกาะ) สำหรับดาว 7 ตนุลัคนาที่เป็นดาววันเกิดด้วยเป็นดาวที่มีความเข้มแข็งดีมากคือ เป็นอุจในราศีจักรและเป็นเกษตรในนวางค์จักรเสวยบูรณะฤกษ์เทวีได้เกณฑ์ปัญจมหาบุรุษโยค (ดาว 7 อุจเป็น 10 กับลัคน์) ให้คุณสูงแต่ก็ยังมีอุปสรรคตรงที่ดาว 7 ถูกตรียางค์พิษครุฑ ลัคนาอยู่ราศีมังกรธาตุดินซึ่งเป็นราศีทวารที่มีความเข้มแข็งมากเป็นอำพุราศีแม้จะไม่มีดาวเคราะห์ได้อำพุเกณฑ์แต่มีดาว 5 ได้อุดมเกณฑ์กับยังได้ราชเกณฑ์อีกด้วยจึงเป็นดาวที่ให้คุณดีมาก ดาว 6 เจ้าเรือนกัมมะโยคหน้าเป็น 3 กับลัคนาได้ปทุมเกณฑ์ทักษาเป็นศรีกำเนิด แม้ดาว 6 จะเป็นประในนวางค์จักรแต่ในราศีจักรดาว6เป็นอนุเกษตรแลกเรือนกับดาว 5 ทำให้ดาว 5 และดาว 6 มีคุณคุณภาพเข้มแข็งมากขึ้น ประกอบกับการที่ดาว 6 เสวยราชาฤกษ์ที่เป็นบูรณะฤกษ์ไม่ถูกตรียางค์พิษ ดาว 6 ยังกุมกับดาว1คู่สมพล (16) โยคหน้าลัคนาตรีโกณกับดาว 3และ9 คู่มิตร (36) คู่ศัตรู (13) ที่ไม่ให้โทษแต่กลับจะให้คุณเพราะร่วมราศีธาตุน้ำด้วยกัน ดาว 39 เป็นโยค หลังลัคนาทำให้มีดาวโยคหน้าและหลังรวม 4 ดวงให้คุณดีมาก นอกจากนั้นยังมีดาว5กับดาว2ตรีโกณหน้าและหลังลัคนาอีกด้วย ทำให้มีดาวเป็นโยคกับลัคนาครบทุกจุดได้เกณฑ์ดวงดอกพิกุล ส่วนดาวที่เสียให้โทษก็มีดาว 4 และ 8 คู่ศัตรู ( 48) ที่นำหน้าและอยู่หลัง (เป็น 2และ 12 กับลัคน์) บีบลัคนา กับมีดาว 0 เล็งลัคน์โดยที่ดาว 0ก็ถูกเกณฑ์ดาว 7 (เป็น10) ทำให้ดาว 0 ให้โทษมากขึ้น ส่วน 8 ซึ่งถูกเกณฑ์ดาว 7ด้วยกลับเป็นดีให้คุณเพราะเป็นดาวคู่มิตรกัน (78) โดยที่ 8 มีคุณภาพเข้มแข็งมากได้วรโคตมนวางค์แต่เสวยโจโรฤกษ์เป็นฉิมทฤกษ์กับเป็น 12 ลัคน์เข้าเกณฑ์พินทุบาทว์ ดังนั้น 8จึงมีทั้งให้คุณและให้โทษด้วย เมื่อประมวลผลดีผลเสียโดยรวมทุกจุดแล้วสรุปได้ว่าดวงชะตานี้มีระดับของวาสนาอยู่ในเกณฑ์ที่ ดีมาก
1.2ตำแหน่งหน้าทีการงาน ลำดับแรกดูที่ดาว6เจ้าเรือนกัมมะ/การงานดาว 6 เป็นอนุเกษตรกับดาว 5 เสวยบูรณะฤกษ์ราชา ดาว 6 ได้ปทุมเกณฑ์กุมดาว1 คู่สมพลที่เป็นเกษตรในนวางค์จักรสัมพันธ์ถึงดาว 5เจ้าเรือนซึ่งได้ราชเกณฑ์ทำให้เกิดดาวพระเคราะห์คู่ขึ้นได้แก่ 16 คู่สมพล 15 คู่มิตรและ56คู่สัมพันธ์ให้คุณดีมาก ประกอบกับมีดาว 7 ตนุลัคนาเป็นดาวที่มีคุณภาพสูงเป็นอุจและได้เกณฑ์ปัญจมหาบุรุษโยคให้คุณสูงมาก แต่มีข้อเสียคือดาว 7 ถูกตรียางค์พิษครุฑทำให้ต้องมีปัญหาอุปสรรค ดาว 8 ที่ทักษาเป็นเดขที่หมายถึงยศศักดิ์, อำนาจ, บารมี8 ได้วรโคตมนวางค์เทียบเท่าอุจหรือเกษตรจึงมีโอกาสจะเป็นใหญ่เป็นโตได้ แต่เนื่องจาก 8 เสวยโจโรเป็นฉินทฤกษ์และเป็น 12 ลัคน์เข้าเกณฑ์พินทุบาทว์ให้โทษทำให้ต้องเผชิญกับอุปสรรคค่อนข้างมากในการที่จะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งสูงสุด อย่างไรก็ตามตำราว่าหากจะดูยศศักดิ์ก็ต้องดูที่ดาว 1 ประกอบด้วย ในดวงชะตาดาว 1 เข้มแข็งเป็นเกษตรในนวางค์จักรกุมดาว 6 คู่สมพลที่ได้ปทุมเกณฑ์ (16) และสัมพันธ์ถึงดาว 5 เจ้าเรือนแม้จะให้คุณดีมาก แต่ดาว 1 สถิตอยู่ราศีมีนธาตุน้ำจึงเป็นดาว 1 จมน้ำ (ดาว 1 เป็นดาวธาตุไฟ) จึงไม่ดีนัก ประกอบกับดาว 1 ก็เป็นเจ้าเรือนมรณะของลัคนาแม้จะเสวยบูรณะฤกษ์ราชาฤกษ์แต่ก็ถูกตรียางค์พิษนาคทำให้การรับราชการเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดจะต้องมีอุปสรรคพอสมควร เนื่องจากเจ้าชะตารับราชการเป็นนายทหารจึงต้องดูดาว 3 ประกอบอีกชั้นหนึ่งในดวงกำเนิดดาว 3โยคหลังลัคนาตรีโกณถึงดาว 16 คู่มิตร (36)คู่ศัตรู (13) ดาว 3เข้มแข็งปานกลางในนวางค์จักรเสวยสมโณฤกษ์เป็นกลาง ๆ แต่ถูกตรียางค์พิษสุนัขเข้าอีก ทำให้การรับราชการทหารคงต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากไม่ราบรื่นนัก อย่างไรก็ดียังมีข้อดีที่ช่วยเสริมให้ดาว 3 เข้มแข็งมากขึ้นได้แก่การที่มีดาว 5 คู่สมพล (35) เล็งดาว 3 อยู่ที่ราศีพฤษภมีองศาใกล้กันมาก (ดาว3 / 28 43, ดา5 /25 35) ทักษาดาว 3 เป็นมนตรีที่หมายถึงผู้ใหญ่อุปถัมภ์จึงให้คุณกับดวงชะตามากขึ้น ท้ายสุดคือการวิเคราะห์ดาว 4เจ้าเรือนศุภะลัคน์ที่หมายถึงตำแหน่งหน้าที่เช่นเดียวกับ 8ที่ทักษาเป็นเดช ดาว 4 อยู่ราศีกุมภ์ซึ่งมี 8 คู่ศัตรูเป็นเจ้าเรือน (48 ) ดาว 4 อ่อนกำลังเป็นประในนวางค์จักรแต่ทักษาเป็นกาลกิณีแทนที่จะให้โทษแต่กลับเป็นดี (กาลกิณีไม่ให้โทษก็นับว่าดีแล้ว) ดาว 4 เสวยเทวีฤกษ์เป็นบูรณะฤกษ์และไม่ถูกตรียางค์พิษจึงมีส่วนช่วยให้ดาว 4 ดีขึ้นมาก จึงพยากรณ์ได้ว่าการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่จะต้องมีปัญหาและอุปสรรคอยู่ไม่น้อย สรุปโดยรวมทุกจุดแล้วดวงชะตานี้มีเกณฑ์ จะก้าวไปสู่ตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นไปได้อีกในอนาคต แต่จะก้าวไปถึงจุดสูงสุดได้หรือไม่ยังเป็นปัญหาอยู่คือมีเกณฑ์ประมาณ 70-80% อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์และพยากรณ์นี้เป็นเพียงการพยากรณ์จากดวงสุริยยาตร์ที่วางลัคนาแบบอันโตนาทีเท่านั้นจึงยังไม่ได้ข้อยุติที่แน่นอนลงไป เนื่องจากยังมีการพยากรณ์จากระบบอื่น ๆ ได้อีกเช่น จากดวงสุริย-ยาตร์ อินทภาส-บาทจันทร์ที่วางลัคนาแบบมหานาที 5ชั้น และจากดวงระบบนิรายนะที่วางลัคนาแบบนักษัตรซึ่งตำแหน่งของดวงดาวและลัคนาอาจจะไม่อยู่ที่ (ราศี) เดียวกัน ทำให้การพยากรณ์มีความแตกต่างกันออกไปซึ่งข้าพเจ้าจะได้นำมาแสดงให้เห็นเพื่อจะได้ศึกษากันในภายหลัง
2.วิเคราะห์และพยากรณ์ดวงชะตาจร แม่ทัพภาค 1 คนปัจจุบันมีตำแหน่งเดิมเป็นรองแม่ทัพภาค 1 ได้รับการแต่งตั้ง (โปรดเกล้าฯ ) เป็นแม่ทัพภาค 1 เมื่อ 1 ต.ค. 2549 เมื่อผูกดวงกาลจักรลัคน์จรเมื่อ 1 ต.ค. 2549 จะเป็นดังนี้
ราศีจักร นวางค์จักร ทักษา
ราศี องศา ลิบดา นวางค์ ตรียางค์ นักษัตร ฤกษ์
ลัคนา พิจิก 5 29 1 3 อนุราธา ราชา
อาทิตย์ กุมภ์ 15 55 8 4(ครุฑ) ศตภิษก เทวี
จันทร์ เมถุน 27 11 4 7(สุนัข) ปุนรวสุ เพชฌฆาต
อังคาร สิงห์ 0 13 3 1 มาฆะ ทลิทโท
พุธ พิจก 23 50 8 2(สุนัข) เชษฐา สมโณ
พฤหัสบดี สิงห์ 3 33 6 1 มาฆะ ทลิทโท
ศุกร์ กุมภ์ 28 17 4 6 ปุรพัธ เพชฌฆาต
เสาร์ กรกฏ 11 47 6 3 ปุษยะ ราชา
ราหู มีน 12 36 6 2 อุตตราพัธ ราชา
เกตุ มีน 4 49 1 5(นาค) อุตตราพัธ ราชา
มฤตยู เมถุน 5 1 3 4 มฤศศิระ เทศาตรี
หลักหรือกฏเกณฑ์การพยากรณ์ดวง กาลจักร-ลัคน์จรมีดังนี้ ในลำดับแรกให้พิจารณที่ลัคน์จร เพื่อดูว่า ณปัจจุบันลัคน์จรโคจรอยู่ที่ราศีใดเป็นศุภะสถานะหรือเป็นทุสถานะกับลัคน์กำเนิด เพื่อจะได้ทราบในเบื้องต้นว่าลัคน์จรให้คุณ (ดี)หรือให้โทษ(เสีย) แล้วจึงจึงดูต่อไปว่าราศีที่ลัคน์จรสถิตอยู่นั้นเป็นราศีประเภทใด ( ปัศวะ,นะระ,อำพุ , กีฏะ) ซึ่งตำรามีคำพยากรณ์ระบุไว้แล้วว่าจะมีเรื่องอะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิตดีหรือร้าย
ณวันที่พยากรณ์คือ 1 ต.ค. 2549 (ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ) เป็นมทภ. 1 (พลโท) ลัคน์จรโคจรอยู่ที่ราศีพิจิกเป็นเรือนลาภะของลัคน์กำเนิด ลาภะหมายถึงโชคลาภความสำเร็จ,การได้รับความช่วยเหลือ ส่วนคัมภีร์กาลจักร-ลัคน์จรระบุว่าลัคน์จรจรเข้าราศีกีฏะ จะมีชื่อเสียง จะได้ยศศักดิ์ดังคำพยากรณ์ที่ว่า ลัคน์จรตกกีฏะจะเปรื่องยศ เกียรติปรากฏเรืองรุ่งพุ่งไสว อีกตำแหน่งจะประเสริฐเลิศอำไพ และท่านไท้ทรงประทานให้พานทอง
การพยากรณ์ในลำดับต่อไปให้พยากรณ์จากดาวกาลจักรร่วมกับลัคน์จรซึ่งก็คือ ดาวเคราะห์และลัคน์กำเนิดที่โคจรไปณวันที่พยากรณ์ว่าสถิตอยู่ที่ราศีใดบ้าง แล้วใช้หลักเกณฑ์การพยากรณ์เช่นเดียวกับการพยากรณ์พิ้นดวงชะตากำเนิดกับให้ใช้ทักษาจรอายุปัจจุบันมาประกอบการพยากรณ์ด้วย เสมือนเป็นดวงเกิดใหม่นั่นเอง ในดวงชะตาจรของมทภ. 1 ลัคนาหรือลัคน์เกิดใหม่สถิตอยู่ที่ราศีพิจิกเสวยบูรณะฤกษ์ราชา เกาะนวางค์ดาว 1 ตรียางค์ดาว 3 ไม่ถูกตรียางค์พิษให้คุณดี ดาว 3 ตนุลัคน์สถิตอยู่ที่ราศีสิงห์เรือนกัมมะกุมดาว 5 คู่สมพล (35) (องศาใกล้กันมากเกือบสนิทนวางค์) ซึ่งเป็นเรือนของดาว 1 คู่มิตร ( 15) และคู่ศัตรู (13) โดยดาว 1 เจ้าเรือนกัมมะไปอยู่ที่ราศีกุมภ์เรือนพันธุร่วมกับดาว 6 คู่สมพล (16) จึงมีดาวคู่สมพล 2คู่เล็งกันและเป็นเกณฑ์กับลัคนา และการที่ดาว 1 เล็งดาว 35 ส่งผลให้ดาว 35 อยู่ในตำแหน่ง เพ็ญ (จริง ๆ แล้วไม่ถึงกับเพ็ญเพราะ องศาห่างกันมากแต่ดูทางเรือนชะตาถือว่าเพ็ญ) เมื่อนำเอาทักษาจรช่วงอายุย่าง 53 ปี ( 21 มี.ค. 49-20 มี.ค. 50) มาประกอบการพยากรณ์จะได้ว่า ดาว 3 ตนุลัคน์จรทักษาเป็นบริวารจร ดาว 5 เป็นศรีจร ดาว1เป็นมนตรีจรและดาว 6 เป็นอุตสาหะจร โดยที่ดาว 3 และดาว 1 เข้มแข็งดีมากคือดาว 3 เป็นเกษตรดาว 1 ได้จรโคตมนวางค์ ส่วนดาว 5 และ 6 เข้มแข็งปานกลาง สรุปโดยรวมได้ว่าดาวคู่สมพล 2คู่นี้โคจรอยู่ในตำแหน่งที่ให้คุณต่อดวงชะตาสูงมาก เมื่อพิจารณาต่อไปที่เรือนศุภะคือราศีกรกฏมีดาว 7 สถิตอยู่ ดาว 7เป็นเจ้าเรือนสหัชชะและพันธุโดยที่ดาว 7 เป็นตนุเศษด้วยจึงถือเป็นดาวที่มีความสำคัญรองจากลัคนาเทียบเท่าดาวตนุลัคน์ ดาว 7 เข้มแข็งเป็นอุจในนวางค์จักรทักษาจรเป็นเดชซึ่งหมายถึงตำแหน่งหน้าที่การงาน , อำนาจ, บารมี ดาว 7 ตรีโกณร่วมธาตุกับ 8 คู่มิตร (78) ที่อยู่ราศีมีนสนิทองศาสนิทนวางค์จึงไปอยู่ร่วมราศีเดียวกันที่ราศีตุลยืในดวงนวางค์จักร โดยที่ 8 ก็เข้มแข็งมากเป็นราชาโชคส่วนดาว 7 เป็นอุจ ทักษา 8 เป็นมูละจรตำราว่า 8 จรเข้าราศีใดราศีนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง 8จรอยู่ราศีมีนเป็นเรือนปุตตะทำให้จะมีอะไรใหม่ ๆ ที่มีผู้หยิบยื่น (ใส่พานทอง) ให้เนื่องจาก 8 เป็นราชาโชคราศีมีนเป็นราศีของดาว 5 เมื่อตามไปดูดาว 5ไปสถิตอยู่ราศีสิงห์เรือนกัมมะทำให้พยากรณ์ได้ว่าอะไรใหม่ ๆ ก็คือหน้าที่การงาน กลับไปพิจารณาที่ดาว 7 ต่อการที่ดาว 7 เป็นอุจที่หมายถึงวาสนาสูงยิ่งมีทักษาจรเป็นเดช (เป็นตนุเศษซึ่งมีความสำคัญ) เป็นเจ้าเรือนสหัชชะ, พันธุจึงพยากรณ์ได้ว่า จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น (อุจ,เดช) และจะมีการย้ายสถานที่ทำงานหรือห้องทำงาน (พันธุ) ด้วยแต่จะย้ายไปใกล้ ๆ (สหัชชะ) อนึ่งเมื่อตามดาว 2 เจ้าเรือนศุภะที่ดาว 7 สถิตอยู่ปรากฏว่าดาว 2ไปสถิตอยู่ที่ราศีเมถุนเป็นเรือนมรณะ ทักษาดาว 2เป็นกาลกิณีจรหมายถึงตำแหน่งหน้าที่ต้องเปลี่ยนต้องโยกย้าย (ศุภะ, มรณะ) เพราะตำแหน่งเดิมร้อน (กาลกิณี) ที่ย้ายแล้วสูงขึ้นก็เพราะอิทธิพลของดาว 7ส่งผลที่ร่วมกับ 8คู่มิตร(78) ประกอบกับการที่ดาว 2 กาลกิณีไปอยู่เรือนมรณะตำราว่าไม่ให้โทษ ผนึกกำลังกับดาวคู่สมพล 2คู่คือดาว 35 และ 16 ที่ได้วิเคราะห์และพยากรณ์ไปแล้วในตอนต้น (จากตำแหน่งเดิมคือ รองมทภ.1/พลตรีขึ้นเป็นมทภ.1 /พลโท)
ที่วิเคราะห์และพยากรณ์ไปแล้วนั้นแสดงให้เห็นได้ว่า ดวงชะตาของมทภ.1ในช่วงอายุย่าง 53 ปี (21 มี.ค.49-20 มี.ค. 50)เป็นปีแห่งโชคลาภความสำเร็จดีมากปีหนึ่ง ซึ่งหากวิเคราะห์เจาะลึกลงไปอีกก็จะทราบได้ว่า ดวงชะตาของมทภ. 1นั้นมีเกณฑ์รุ่งโรจน์และประสบความสำเร็จในด้านชื่อเสียงและยศศักดิ์มาตั้งแต่ 6มี.ค. 2543 เป็นต้นมาหรือเมื่อ 7 ปีมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับกรมทหารราบที่ 21รักษาพระองค์ (ร.21รอ.) และดวงชะตาจะยังคงมีชื่อเสียงและได้ยศ/ตำแหน่งสูงดีมากต่อไปอีกจนถึง 5 มี.ค.2553 เนื่องจากลัคน์จรจะโคจรอยู่ที่ราศีพิจิกเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปีแล้วจะเริ่มอับแสงลงไปบ้างเมื่อลัคน์จรโคจรเข้าสู่ราศีธนู ซึ่งเป็นนะระราศีที่ให้คุณเช่นกันแต่เป็นเรือนวินาส(12) ของลัคน์กำเนิดจึงให้โทษด้วย การวิเคราะห์และพยากรณ์นี้จะถูกต้องต่อไปอีกหรือไม่ขอให้ท่านที่สนใจจะศึกษาการพยากรณ์ด้วยคัมภีร์กาลจักร-ลัคน์จรโปรดติดตามตรวจสอบต่อไป