การอ่านพระเคราะห์คู่ในระบบธาตุ
พายัพ พยากรณ์
การอ่านดวงชะตาจักราศีในเชิงโหราศาสตร์ไทย ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะหลายๆท่านที่เคยศึกษาโหราศาสตร์ไทยแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็มักจะเอาวิชาทางดวงนวางค์เข้ามาผสมผสานบ้าง เอาสมผุสเข้ามาอ่านบ้าง ซึ่งเป็นการที่จะหาทางให้พยากรณ์ได้ดีขึ้น แต่กลับไม่ได้ยั้งคิดว่า วิชาเหล่านี้กับวิชาโหราศาสตร์ไทยนั้น เป็นวิชาคนล่ะสายทางซึ่งสามารถจะใช้คำว่า ทางเล่นไม่เหมือนกัน ทำให้ แทนที่จะพัฒนา กลับทำให้ตนเองเกิดความสับสน และกลายเป็นผู้มืดบอดหลงทางในการพยากรณ์ไปไม่รู้จบ หลายท่านที่เป็นนักพัฒนาเมื่อตันหนทางในการค้นคว้า ก็เกิดการท้อแท้ บ้างที่ยังไม่มีชื่อเสียงก็ไม่เป็นไร แต่ที่มีชื่อเสียงอยู่ก็ทำให้ถอยหลังไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าค้นคว้าอย่างไม่มีทิศทางต่อไป และยังมีบางท่านที่ร้ายไปกว่านั้นคือ พอค้นเจอหลักเกณฑ์บางหลักเกณฑ์ ก็ไม่ทดสอบเพื่อพิสูจญ์ผล กลับถ่ายทอดให้กับผู้ที่มาศึกษาเลยทันที ทำให้ผู้ที่มาศึกษานั้น กลายเป็นหนูทดลองระบบโดยไม่รู้ตัว
ส่วนสำคัญที่หายไปนั้นที่ทำให้ค้นคว้าในสายเรือนต่อไปไม่ได้นั้น ไม่ใช่ว่า จะต้องไปค้นคว้าวิชาของต่างชาติ มันอยู่ที่โหราศาสตร์ไทยเรานี่แหล่ะผู้เขียนก็เคยโดนตำหนิหรือเตือนจากเพื่อนๆในวงการบ้างว่า พายัพ เอ๊ย ไอ้โหราศาสตร์ไทยเราก็มาจากต่างชาตินะ ซึ่งตรงนี้ผมก็ยอมรับว่าจริง แต่นั่นมันเมื่อ หลายร้อยปีผ่านมาแล้ว และวิชาที่เราได้ความรู้มาจากต่างชาตินั้น มันผสมผสานกับความรู้ของนักปราชญ์ของไทยหลายรุ่นหลายสมัย และยังผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยมาเนิ่นนาน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยแล้ว แล้วเช่นนี้จะกล่าวได้เต็มปากไหมว่า วิชาโหราศาสตร์ไทยในยุคนี้ เป็นของต่างชาติทั้งนั้นโดยไม่มีของไทยอยู่เลย
จุดที่เป็นหัวใจจริงๆมีอยู่ที่ความเข้าใจ ในขั้นพื้นฐาน นั่นคือความหมายดาวโดยเฉพาะความหมายของพระเคราะห์เดี่ยวและพระเคราะห์คู่ ซึ่งโดยทั่วไปนั้น เราจะยึดความหมายพระเคราะห์คู่โดดๆเช่น ดาวอาทิตย์ ๑ + ดาวพฤหัส ๕ จะได้พระเคราะห์คู่มิตร ซึ่งแปลว่าเสน่ห์และการเกื้อกูลช่วยเหลือ เน้นเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้และเกียรติชื่อเสียง ซึ่งโดยทั่วไปจะเน้นโดดๆซึ่งตรงนี้จะเป็นทางเล่นของวิชาเลข 7 ตัว เลข 8 ตัวแต่ในการใช้ทายกับดวงจักราศี นั้นไม่สามารถทายและอ่านโดดๆเช่นนั้นได้ เพราะเหตุว่า ในรายละเอียดของโหราศาสตร์ไทยที่ว่าด้วยระบบจักราศีนั้น จะมีธาตุราศี เข้ามาปรับกระแส ทำให้ความหมายและธาตุของดวงดาว เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วความหมายต่างๆนั้นก็จะถูกปรับเปลี่ยนไปทั้งหมด ในบางครั้ง ดาวอาทิตย์ ๑ + ดาวพฤหัส ๕ ก็อาจจะไม่ได้แปลความหมายตามพระเคราะห์คู่มิตรที่มีเขียนไว้ตามตำราต่างๆ
ผู้เขียนจะยกตัวอย่างเพื่อแสดงความเข้าใจ ให้กับทุกท่านได้นำสืบความรู้ที่ซ่อนเร้นและตกทอดกันมานานเพื่อเป็นอาหารสมองแก่ทุกท่านที่อ่านบทความนี้
ในการมองดาว อาทิตย์ ๑ และดาวพฤหัส ๕ ในราศีมีน ของตัวอย่างนี้นั้น ในขั้นแรกให้เราพึงมองถึงความหมายของดาวโดยละเอียด ในขั้นที่สอง ให้เรามองดูว่าเราจะเน้นทายดาวดวงใดเป็นหลักในการเข้าผสม โดยยังไม่ต้องอาศัยความหมายของตำแหน่งดาวเกษตรในราศีมีนของพฤหัส ๕ เข้ามาประกอบ เพราะถ้านำมาประกอบก่อนก็จะทำให้มุมมองของการอ่านเปลี่ยนทิศทางจนทำให้เราเข้าใจการกระทบของดาวคู่นี้ไปผิดทาง
ในทุกครั้งที่เราจะอ่านพระเคราะห์ทั้งคู่มากระทบกันนั้น ให้เราอ่านพระเคราะห์ดั่งกล่าวนั้นให้แสดงผลในเชิงดาวเดี่ยวก่อนเสมอ โดยต้องเน้นความเข้าใจว่า หากแค่พระเคราะห์ดวงเดียวยังอ่านไม่แตกฉานแล้วจะอ่านพระเคราะห์คู่ให้แตกฉานได้อย่างไร
โดยในการอ่านครั้งแรกนั้นผมจะแยกอ่านดาวที่ละดวงก่อน เพื่อทุกท่านที่อ่านจะได้มีความเข้าใจได้มากขึ้น
ในการอ่านดาวพฤหัส ๕ นั้น ให้ดำเนินวิธีการอ่านดั่งนี้
ความหมายของดาวพฤหัส ๕ + ความหมายธาตุดินแข็ง(ธาตุของดาวพฤหัสตามทักษา) + ความหมายของธาตุน้ำชั้น 3 ของราศีมีน
ดาวพฤหัส ๕ โดยความหมายนั้นจะเน้นถึงมุมมองของความคิด การใช้ปัญญาตรึกตรอง มุมมองของความคิดตามครรลองวัฒนธรรม และจะเน้นที่ความรู้ที่ซึมซับสืบทอดกันต่อรุ่นสู่รุ่น เมื่อรากฐานเดิมนั้นดาวพฤหัส ๕ เมื่อแปรสภาพเข้ามาสู่ธาตุตามทักษาซึ่งเป็นดินแข็งดินแห้ง ซึ่งมีภาวะโดยทั่วไปของดินแข็ง คือการคงอยู่ การไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยภาวะธาตุดินตามธรรมชาติคือการเกาะตัวกันอย่างแน่นหนา เมื่อนำความหมายของธาตุดินแข็งนี้มารวมกับความหมายของดาวพฤหัส ๕ ก็จะได้ความหมายของดาวพฤหัส ๕ ว่า
เป็นลักษณะของการยึดถือความคิด และปัญญาในการไตร่ตรองสิ่งต่างๆ อย่างไม่ค่อยที่จะเปลี่ยนแปลงในวิถีทาง คิดอย่างไรก็จะยึดไปเช่นนั้น
และเมื่อเข้ามาผสมกับ ธาตุน้ำในราศีมีน ซึ่งถือว่าเป็นธาตุน้ำปลายธาตุก็จะมีการเปลี่ยนแปรความหมายไปอีก ซึ่งลักษณะธาตุน้ำในราศีมีนนั้น เป็นกระแสน้ำที่มีการไหลอย่างเอื่อยๆ ไม่รุนแรงบ้างพัดพาบ้างไม่พัดพา ทำให้กระแสธาตุน้ำในราศีนี้ไม่ค่อยมีผลชัดเจนนัก แต่ก็ยังคงสภาพของธาตุน้ำไว้
เมื่อดาวพฤหัส ๕ ที่มีความหมายของธาตุดินแข็งแฝงอยู่ เมื่อมาเข้าสู่ราศีธาตุน้ำ ก็ทำให้ความหมายของธาตุดินแข็งที่แฝงมาด้วยนั้น เกิดความชุ่มชื้นขึ้น เกิดภาวะในการผ่อนคลายตัวมากขึ้น ดินที่แข็งอยู่ก็อ่อนตัวลง แต่ไม่สามารถละลายดินได้เนื่องด้วยกระแสน้ำแห่งราศีมีนนั้นไม่ได้มีอณูของธาตุน้ำมากเพียงพอต่อการละลายดินได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ความหมายของดาวพฤหัส ๕ เปลี่ยนไป ถ้าจะเน้นไปทางความคิดและปัญญาของความหมายพฤหัส ๕ ก็จะได้ว่า
มีความคิดอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการคำรงชีวิต ซึ่งจะถือมุมมองการคงอยู่ตามครรลองอย่างมีความสุข รู้จักในการผ่อนหนักผ่อนเบาในความคิด ไม่ยึดถือในความคิดจนแข็งกระด้าง
นี่คือความหมายการเปลี่ยนแปลงไปของธาตุดินแข็งที่แฝงอยู่ในดาวพฤหัส ๕ หลายท่านคงจะมองว่าทำไมมันต้องยุ่งยากขนาดนี้ จริงๆแล้วหลายท่านอาจจะอ่านรวบรัดเลยก็ได้ซึ่งความหมายในข้อนี้ของดาวพฤหัส ๕ นั้น หลายท่านมองว่าไม่ต้องแปลขนาดนี้ก็อ่านได้
ใช่ครับอ่านได้จริงๆ แต่ถ้าดาวพฤหัส ๕ ไปอยู่ธาตุที่ไม่ใช่ธาตุน้ำล่ะ ท่านจะแปลออกไปทางด้านไหน
เมื่อเราเข้าใจในความหมายของดาวพฤหัส ๕ ในราศีนี้แล้ว เราก็มาทำความเข้าใจกับดาวอาทิตย์ ๑ ในราศีนี้เช่นกัน
ก็ให้ใช้ขั้นตอนที่ใช้อ่านกับดาวพฤหัสเช่นกัน
ความหมายของดาวอาทิตย์ + ความหมายธาตุไฟกรด(ธาตุของอาทิตย์ตามทักษา) + ความหมายของธาตุน้ำชั้น 3 ในราศีมีน
ความหมายของดาวอาทิตย์ ๑ นั้นจะเน้นลักษณะของความกระตือรือร้นการแสดงออกในความเป็นผู้นำ แรงผลักดันในจิตสำนึกที่มีต่อสิ่งที่ตั้งหวังสูง ชอบใช้และชอบบังคับผู้อื่นให้ทำตามในสิ่งที่ตนเองคิดและหวังไว้ เมื่อดาวอาทิตย์ ๑ นั้นแปรสภาพเข้ามาสู่ธาตุไฟกรดตามทักษา โดยภาวะของไฟกรดเป็นไฟที่ร้อนแรงแรงการเผาผลาญสูงมาก ซึ่งจะทำให้เร้าร้อนตลอด และจะส่งผลให้อารมณ์หรือการแสดงออกเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมาก เมื่อมารวมกับความหมายของดาวอาทิตย์ ๑ ก็จะได้ความหมายของดาวอาทิตย์ที่รวมกับธาตุไฟกรดว่า
เป็นลักษณะของการกระตือรือร้นสูงมาก มีความตั้งหวังสูง มีความทะเยอทะยานสูงมากมักจะทำให้เกิดอารมณ์ของการเอาชนะคะคานผู้อื่นได้ง่าย และจะโกรธหรือโมโหได้ง่ายในทุกๆสิ่งที่ไม่ได้ดั่งหวัง
นี่คือความหมายของดาวอาทิตย์ที่ผสมธาตุไฟกรดตามทักษาแล้ว แต่เมื่อถ้าจะนำมาผสมกับความหมายของธาตุน้ำชั้นที่ 3 ของราศีมีน ความหมายของดาวอาทิตย์ ๑ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอีก
เมื่อผสมกับธาตุน้ำชั้นที่ 3 ของราศีมีน ก็จะทำให้ธาตุไฟกรดของดาวอาทิตย์ เกิดความเย็นชื้นเข้าไปแทรกซึม เปลวไฟที่เคยสว่างและโชติช่วง ก็มอดแสงลงแต่ด้วยอย่างไรก็เป็นเพียงธาตุน้ำชั้นที่สาม ที่ความเย็นชื้นและอณูของน้ำมีอยู่ไม่มากนัก แม้สามารถดับเปลวไฟภายนอกได้แต่ไม่สามารถดับความร้อนภายในได้ สภาพนี้จะทำให้แรงการผลักดันของดวงอาทิตย์ ๑ ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมนั้นลดลง กลายสภาพเป็นลูกไฟที่ไม่มีเปลว แม้มีความร้อนอยู่เพียงพอก็ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดแสงสว่างได้ ทำให้เมื่อดาวอาทิตย์ ๑ มาผสมกับธาตุน้ำราศีมีนจะอ่านได้ว่า
แรงผลักดันและแรงของความกระตือรือร้นที่มีนั้น ลดน้อยลงกลายเป็นความอึดอัด แต่ก็จะทำให้ความเร้าร้อนในการแสดงออกลดน้อยลงด้วย รวมถึงความเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดในภาวการณ์เป็นผู้นำ ลดน้อยลง สิ่งที่ตั้งหวังในความสำเร็จที่มีอยู่อย่างมากมายก็ชะลอตัวลง
ความหมายเมื่อดาวอาทิตย์ธาตุไฟ ผสมกับ ธาตุน้ำชั้นสามในราศีมีน ก่อเกิดความหมายใหม่ๆ ถ้าดาวอาทิตย์ไปอยู่ราศีอื่นอีก ไปอยู่ในธาตุอื่นอีก ไปอยู่ในลำดับชั้นธาตุใดอีก ความหมายก็จะถูกผสมผสานจากธาตุราศีให้เปลี่ยนแปลงไปอีก
เมื่อเราสามารถที่จะคลี่คลายเงื่อนปมของทั้งดาวอาทิตย์และดาวพฤหัสเหล่านี้ได้แล้ว เราต้องมาเข้าใจถึงการผสมผสานของดวงดาวทั้งสอง ในการนำความเข้าใจขั้นแรกนั้น เราต้องมุมการอ่านเป็นสองมุม
มุมแรก มองจากความหมายของดาว พฤหัส ๕ ที่ชำระกับธาตุราศีแล้วเป็นหลัก มองความหมายของดาวอาทิตย์ ๑ ที่ชำระกับธาตุราศีแล้วเข้ามาผสม โดยยังไม่คำนึงถึงตำแหน่งมาตราฐาน
ส่วนในมุมที่สองมองจากดาวอาทิตย์ ๑ ที่ชำระกับธาตุราศีแล้วเป็นหลัก มองความหมายของดาวพฤหัส ๕ ที่ชำระธาตุราศีแล้วเข้ามาผสม โดยยังไม่คำนึงถึงตำแหน่งมาตรฐาน
มุมมองที่หนึ่ง
ความหมายของดาวพฤหัส ๕ +( ความหมายธาตุดินแข็ง + ความหมายของธาตุน้ำชั้น 3 ของราศีมีน)
ความหมายของดาวอาทิตย์ ๑( + ความหมายธาตุไฟกรด + ความหมายของธาตุน้ำชั้น 3 ในราศีมีน)
หมายถึงชีวิตที่มีความคิดอยู่ตามครรลองของ ระบบธรรมเนียม ประเพณีและการค่อยเป็นค่อยไป เป็นชีวิตของผู้ที่ผูกพันกับการใช้สมองไตร่ตรอง ทุกๆสิ่งที่เข้ามาอย่างรอบคอบและใจเย็นนี่คือความหมายของดาวพฤหัส ๕
เมื่อมีดาวอาทิตย์ ๑ ซึ่งเป็นดาวธาตุไฟมาร่วม โดยความหมายของดาว อาทิตย์ ๑ เมื่อจะอ่านร่วมกับความหมายของดาวพฤหัส ๕ นั้น จะต้อง มองไปสองกรณี ในกรณีแรกคือ เมื่อทั้งสองดาว อ่านเพื่อรวมความหมายเป็นหนึ่ง ซึ่งหมายถึง หนึ่งเหตุการณ์หนึ่งบุคคล หนึ่งอารมณ์ หรือสอง อ่านเพื่อ แยกความหมายเป็นสอง คือสองเหตุการณ์ หรือสองบุคคล สองอารมณ์
ถ้าจะอ่านรวมความหมายกันในความหมายรวม ก็จะได้ว่า ดาวอาทิตย์ ๑ ดวงนี้เข้ามาทำให้ดาวพฤหัส ๕ มีแรงกระตุ้นมากขึ้น ในความทะเยอทะยาน การอยากมีอยากได้อยากเป็น ในเรื่องชื่อเสียงและตำแหน่ง แต่เมื่อทั้งสองอาศัยอยู่ในราศีธาตุน้ำทั้งคู่ การผลักดันชีวิต จึงค่อยๆพัฒนาไปอย่างช้าๆ แต่ดวงดาวทั้งสองก็สร้างรากฐาน เริ่มตั้งแต่ สรรค์สร้างความรู้ ตามกระแสของดาวพฤหัส ๕ จนสมบูรณ์ จึงค่อยมาพัฒนาเรื่องชื่อเสียงเกียรติและตำแหน่งตามกระแสของดาวอาทิตย์ ๑
ถ้าจะอ่านโดยแยก ก็จะได้ความหมายว่า ความคิดความอ่านที่ค่อยเป็นค่อยไปและยึดถือความเรียบง่ายนั้น ตามความหมายของดาวพฤหัส ๕ ที่เข้าสู่ธาตุน้ำ มักจะมีความรู้สึก ร้อนอกร้อนใจขึ้นมาเสมอๆ โดยเฉพาะในเรื่องของความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ตามความหมายของดาวอาทิตย์ ๑ ที่เข้าสู่ราศีธาตุน้ำ ซึ่งจะทำให้รู้สึกไม่มีความสุขในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันเพื่อให้ได้ในตำแหน่งใดๆก็ตาม หรือ นั่งอยู่ในกลุ่มคนรอบข้าง ที่มีแต่ความมุ่งหวังเรื่องตำแหน่งก็ตาม เพราะถ้าจะผลักดันตัวเองจนโดดเด่นก็จะขัดกับความหมายของดาวพฤหัส ๕ ที่ปรับกระแสเข้ากับธาตุน้ำแล้ว ในเชิงการอ่านที่แยกเป็นสองอารมณ์นี้ ผลสุดท้ายก็จะทำให้ดาวพฤหัส ๕ เกิดความเบื่อหน่าย ในเรื่องชื่อเสียง และตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่
ในทุกๆการอ่านดาวคู่นั้น เราสามารถอ่านโดยรวมและอ่านโดยแยกได้เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าอ่านโดยรวมก็จะได้อีกความหมาย ถ้าอ่านโดยแยกก็จะได้อีกความหมาย และต้องเน้นว่าดาวไหนอ่านเป็นหลักดาวไหนอ่านเข้ามาผสม ก็ให้เราเน้นความหมายของดาวที่เราอ่านเป็นหลักเป็นประธานของความหมาย ให้น้ำหนักของความหมายเน้นไปทางดาวดวงนั้น
มุมมองที่สอง
ความหมายของดาวอาทิตย์ ๑+( ความหมายธาตุไฟกรด + ความหมายของธาตุน้ำชั้น 3 ในราศีมีน)
ความหมายของดาวพฤหัส ๕ (+ ความหมายธาตุดินแข็ง + ความหมายของธาตุน้ำชั้น 3 ของราศีมีน)
ดาวอาทิตย์ เมื่อปรับกระแสธาตุแล้ว จะส่งผลถึงความหมายของความหวัง ความอยากมีอยากได้อยากเป็น ความอยากโดดเด่น แต่ไม่สามารถที่จะสมหวังได้ตามปรารถนา เพราะราศีธาตุน้ำเข้าไปขัดจังหวะพลังงานของดาวอาทิตย์ ทำให้ความสัมฤทธิ์ผลที่ดาวอาทิตย์ต้องการนั้น ได้มาอย่างไม่สมบูรณ์
เมื่อมีดาวพฤหัส ๕ ซึ่งเป็นดาวธาตุดินแข็ง มาอยู่ในราศีมีนธาตุน้ำ เมื่อจะอ่านให้แยกอ่านเป็นสองกรณี คืออ่านความหมายรวม กับอ่านความหมายแยก ซึ่งจะทำให้เรื่องราวต่างๆชัดเจนยิ่งขึ้น
ในการอ่านความหมายรวม ดาวพฤหัส ๕ เมื่อแปลธาตุแล้ว ก็จะมาช่วยทำให้ดาวอาทิตย์ ๑ มีความรอบคอบมากขึ้น มีความเข้าใจเหตุผล ไม่ผลีผลาม มีความทะเยอทะยานที่ยังอยู่ในหลักครรลองที่ควรจะเป็น เข้าใจในการวางแผน และค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น และรู้จักการก้าวหน้าอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ไม่ทำร้ายคนอื่นเพื่อตำแหน่งหน้าที่
ถ้าจะอ่านความหมายโดยแยก ก็เป็นการรู้สึกอึกอัด การไม่สนองต่ออารมณ์ในความต้องการ ด้วยเพราะดาวอาทิตย์ นั้นเป็นดาวที่มีความหมายของความอยากมีชื่อเสียงการอยากโดดเด่น พอมายิ่งเป็นธาตุไฟต้นธาตุยิ่งมีความกระตือรือร้นแรงกล้า แต่มาอยู่ในราศีธาตุน้ำ ทำให้ความเย็นแบบซึมซับ ทำให้ลดความร้อนลง แต่ความหมายของ ความต้องการในการมีชื่อเสียงและมีเกียรติยังพึงคงอยู่ พอดาวพฤหัสเข้ามาผสม ก็จะยิ่งทำให้อึดอัดต่อระบบขั้นตอน ต่อครรลองประเพณี ซึ่งเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งที่ทำให้ตนเองมีความเจริญก้าวหน้าช้าลง หรือเรื่องของบุญคุณ เรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งก็เป็นตามความหมายของการฉุดรั้ง
ในการอ่านพระเคราะห์คู่คู่นี้ ด้วยระบบธาตุนั้นจะเห็นได้ว่า มีผลละเอียดมาก ยิ่งเข้าถึงความหมายดาวกับความหมายธาตุผสมกันมากเท่าไหร่ และรู้จัก การใช้ความหมายของดาวหลักและดาวผสม รวมถึง การใช้การณ์การอ่านแยกความหมายและอ่านรวมความหมาย ก็จะทำให้เราสามารถรู้ถึงพลังงานของดวงดาวว่าเมื่อรวมกันแสดงผลอย่างไร เมื่อแยกกันแสดงผลอย่างไร นอกจากจุดเหล่านี้แล้วดวงดาวดวงหนึ่งนั้นยังแสดงผลเป็นการกระทำ แสดงผลเป็นจิตสำนึก แสดงผลเป็น สิ่งของฯลฯ อีกหลายประการ และนอกจากนั้น ยังต้องมองมุมดาวต่างๆที่มาเชื่อมต่อความหมาย ทั้งเรือนชะตา ตั้งตำแหน่งมาตรฐาน สำหรับวิชาโหราศาสตร์ไทยที่นำผลของธาตุเข้ามาร่วมด้วยนั้น ผมขอกล่าวว่า เป็นสิ่งที่นักโหราศาสตร์ปัจจุบันมองข้ามไป ทำให้ทายผิดและพลาด จนกระทั่งหันหน้าไปพึ่งวิชาจากต่างถิ่น หันกลับมาเถอะครับนักโหราศาสตร์ไทย มาช่วยจรรโลงวิชา ที่ล้ำค่ากันให้สืบทอดไปชั่วลูกชั่วหลาน
รับพยากรณ์ดวงชะตา,วางฤกษ์ ,เปลี่ยนชื่อ และเปิดรับอบรมส่วนตัว หรือที่สถาบันโหรฯวัดธาตุทอง ติดต่อ 086-710-8586
********************************************************************