การพยากรณ์ดวงชะตาด้วยคัมภีร์ อินทภาส-บาทจันทร์ (ตอนที่ 3)
โดย พ.อ. รังสิต สุภเวชย์ โทร.084-7686664,084-7684446
คัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์ เป็นตำราโหราศาสตร์ไทยโบราณที่ท่านโหราจารย์สมัยก่อนใช้พยากรณ์ดวงพิชัยสงครามและได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่บรรดาโหรหรือนักพยากรณ์ในสมัยนี้นำเอามาใช้ในการพยากรณ์ค่อนข้างน้อยทั้ง ๆ ที่การพยากรณ์ด้วยคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์นี้นับว่ามีความถูกต้องแม่นยำสูง สาเหตุคงเป็นเพราะมีปัญหายุ่งยากมากในเรื่องของการคำนวณที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าการคำนวณตามคัมภีร์อื่น ๆ และที่สำคัญคือจะต้องมีความรู้พื้นฐานในการพยากรณ์ตามคัมภีร์จักรทีปนี้เป็นอย่างดีมาแล้วด้วย เนื่องจากในการพยากรณ์จะต้องใช้กฏเกณฑ์หรือหลักการของทั้งสองคัมภีร์ร่วมกัน ความเหมือนและความแตกต่างกันระหว่างคัมภีร์ทั้งสองมีดังนี้
1. การคำนวณและการวางตำแหน่งของดวงดาวทั้ง 10 ดวง จะใช้การคำนวณในระบบสุริยยาตร์เช่นเดียวกัน
2. การวางลัคนาจะแตกต่างกันกล่าวคือ ในระบบสุริยยาตร์จะคำนวณและวางลัคนาเป็นแบบอันโตนาที ส่วนการคำนวณและวางลัคนาตามคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์จะเป็นแบบพหินาทีหรือมหานาที 5 ชั้น ทำให้ลัคนาที่ได้จากทั้ง 2 แบบอาจจะอยู่ราศีเดียวกันหรือต่างราศีกันก็เป็นได้
3. คัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์จะมีการคำนวณหาหลักอินทภาส-บาทจันทร์กำเนิน,ฆาตมฤตยูกำเนิดและลัคนาจร, อินทภาส-บาทจันทร์จร ซึ่งในคัมภีร์จักรทึปนี้จะใช้ดาวจรกระทบดาวเดิม
หลักเกณฑ์ในการพยากรณ์ดวงชะตาด้วยคัมภีร์อินภาส-บาทจันทร์มีกฎเกณฑ์ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ให้พยากรณ์ดวงชะตาตามคัมภีร์จักรทีปนี จากลัคนาอันโตนาทีและจากตำแหน่งของดาวเคราะห์ที่คำนวณได้จากระบบสุริยยาตร์ เพื่อจะได้ทราบว่าลัคนาและดาวเคราะห์ทั้งหมดอยู่ที่ราศีใดบ้าง ได้องค์เกณฑ์และโยคอะไรหรือไม่ ให้คุณหรือให้โทษอย่างไร
ขั้นตอนที่ 2 ทำการพยากรณ์ดวงชะตาตามคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์เป็นการเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่งแล้วนำไปวิเคราะห์และพยากรณ์ร่วมกับผลที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 เพื่อสรุปเป็นคำพยากรณ์ที่ถูกต้องสมบรูณ์ต่อไป
ในบทความตอนที่ 3 นี้จะยังคงเป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์ดวงชะตาของแม่ทัพภาค 1 (มทภ.1) ทั้งดวงชะตากำเนิดและดวงชะตาจรเช่นเดียวกับการพยากรณ์ในตอนที่ 1 และตอนที่ 2
แม่ทัพภาค 1 (มทภ.1) สูติกาล 21 มีนาคม 2497 เวลา 04.02 น. ตรงกับวันอาทิตย์ (1) แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง (โหราศาสตร์ไทยถือว่าเกิดวันเสาร์ (7) กลางคืน
วัฒนะ วัฒนะ
อินทภาสกำเนิด บาทจันทร์กำเนิด
๑ ๒
๐ ๘ ๗ ๑
๑ ๑๐ ๒ ๙
๑๘ ๑๒ ๑๒ ๑๘
๘ ๕
๓/๕ (นาค) ๑/๖
ทลิทโท เทศาตรี
ราศีจักร ตะนุเศษ 4 นวางศจักร
ลัคนาสถิตราศีมังกร (ธาตุดิน) เกาะสัตตมนวางศ์ ๒ ตติยตรียางศ์ ๔ พส.
เสวยศรวณ นักษัตรฤกษ์ที่ 22 ประกอบด้วย ภูมิปาโลแห่งฤกษ์
อศ รศ ลด นว. ตย. นักษัตร (ฤกษ์)
ลัคนา 21 มก 26 ๒ ๔พส. ศรวณ (ภูมิปาโล)
อาทิตย์ 06 มน 37 ๑ ๕พน. อุตรภัทรบท (ราชา)
จันทร์ 24 กย 09 ๑ ๖ จิตรา. (เทศาตรี)
อังคาร 28 พจ 43 ๕ ๒พส. เชษฐา (สมโณ)
พุธ 08 กภ 29 ๕ ๗ ศตภิษก (เทวี)
พฤหัส 25 พภ 35 ๑ ๗ มฤคศิระ. (เทศาตรี)
ศุกร์ 16 มน 12 ๓ ๒ อุตรภัทรบท (ราชา)
เสาร์ 13 ตล 18 ๗ ๗พค. สวาติ (เทวี)
ราหู 26 ธน 48 ๕ ๑ อุตราษาฒ. (โจโร)
เกตุ 13 พจ 07 ๖ ๕ อนุราธา (ราชา)
มฤตยู 00 กฎ 41 ๒ ๒ ปุนรวสุ. (เพชฌฆาต)
อุจจวิเศษ 13 มน 36
ฤกษ์ปฏิสนธิ 18 : 0 : 1 : 18 ฤกษ์จันทร์กาลชำระ 13 : 0 : 2 : 12
ฆาตมฤตยูอาทิตย์ 19 01 10 23 05 14 ฆาตมฤตยูจันทร์ 14 23 05 18 27 09
คำนวณดาวระบบสุริยยาตร์ วางลัคนาแบบพหินาที/มหานาที 5 ชั้น (06.00 น. เป็นเวลาขึ้นวันใหม่)
1. วิเคราะห์และพยากรณ์ พื้นดวงชะตากำเนิด
1.1 วาสนา
1.1.1 ขั้นตอนที่ 1 เป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์ด้วยคัมภีร์จักรทีปนี คำพยากรณ์เป็นอย่างไรขอให้ย้อนไปดูการพยากรณ์ในบทความตอนที่ 1 การพยากรณ์ดวงชะตาด้วยคัมภีร์กาลจักร-ลัคน์จรข้อ 1.1 วาสนา เนื่องจากผลการวิเคราะห์และพยากรณ์จะออกมาเหมือนกัน
1.1.2 ขึ้นตอนที่ 2 เป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์ด้วยคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์ล้วน ๆ เริ่มที่การกำหนดระดับชะตาจากหลักอินทภาส-บาทจันทร์กำเนิด ตำรามีคำพยากรณ์เอาไว้ว่า สิทธิการิยะถ้าจะพยากรณ์ดวงชะตากำเนิดให้รู้ว่าดีหรือร้ายประการใด ให้ดูที่ราศีแห่งอุจจะวิเศษและหลักอินทภาส-บาทจันทร์กำเนิดว่าเป็นอะไร (คู่หรือคี่) กับลัคนา (พหินาที/มหานาที 5 ชั้น) ในดวงชะตาของมทภ. 1 หลักอินทภาสกำเนิดอยู่ที่ราศีธนูเรือนวินาสของลัคนา หรือเป็น 12 กับลัคน์คือเป็นคู่ (เลข) ตำราว่า หลักอินทภาคตกราศีคู่แก่ลัคนากำเนิดเรียกว่า วัฒนะชะตา ผู้นั้นเกิดมาจะบริบูรณ์ด้วยยศและทรัพย์ บริวารศถุงคาร เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนตาย ส่วนหลักบาทจันทร์กำเนิดอยู่ที่ราศีกันย์เรือนศุภะของลัคนาหรือเป็น 9 กับลัคน์คือเป็นคี่ (เลข) ตำราว่า หลักบาทจันทร์กำเนิดตกราศีคี่เป็น วัฒนะชะตา ผู้นั้นเกิดมาจะได้ดีมีสุขเจริญด้วยยศและทรัพย์ จะเห็นได้ว่าหลักอินทภาสและบาทจันทร์ของดวงชะตามทภ.1 เป็นวัฒนะชะตาทั้ง 2 หลักคือเป็นดวงชะตาที่ดีมากตำราว่า ถ้าหลักอินทภาสกำเนิดเป็นวัฒนะชะตาและหลักบาทจันทร์กำเนิดก็เป็นวัฒนะชะตาเรียกว่า อุดมชะตา ถึงจะเกิดมาในตระกูลต่ำช้าข้าทาสอย่างไรก็ต้องได้ดีมีวาสนาปรากฏทั้งยศและทรัพย์ ตะบะเดชะดุจกล่าวแล้วนั้นแล นอกจากจะพยากรณ์หลักอินทภาส-บาทจันทร์เพื่อให้รูว่าดวงชะตาเป็นวัฒนะชะตา (ดี) หรือเป็นหายนะชะตา (เสีย) แล้วยังจะต้องพยากรณ์จากตำแหน่ง (ราศี) ของอินทภาส-บาทจันทร์ด้วยว่าอยู่ในเรือน (ภพ) ใดของลัคนา (พหินาที/มหานาที 5 ชั้น) ดีหรือเสียอย่างไรด้วยจะเห็นว่าอินทภาสนั้นสถิตอยู่ที่ราศีธนูเป็นเรือนวินาส (12) ของลัคนา ตำราว่าอยู่ในตำแหน่งที่เสียให้โทษมีคำพยากรณ์เอาไว้ว่า จะมีโรคภัยใข้เจ็บมาก ส่วนบาทจันทร์ที่อยู่ราศีกันย์เรือนศุภะ (9) ของลัคนาเป็นตำแหน่งที่ดีให้คุณพยากรณ์ว่า ตกในศุภะดีมีสกุล รูปงามและใจดี สรุปโดยรวมแล้วการกำหนดวาสนาของมทภ.1 ในขั้นตอนที่ 2 นี้ก็ถือได้ว่ามีวาสนาอยู่ในเกณฑ์ ดีมาก เมื่อนำไปร่วมพิจารณาจากผลของการวิเคราะห์ในขั้นตอนที่ 1 แล้วได้ผลสรุปว่ามีวาสนา ดีมาก เช่นกัน
1.2 ตำแหน่งหน้าที่การงาน
1.2.1 ขั้นตอนที่ 1 เป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์ด้วยคัมภีร์จักรทีปนี ขอให้ย้อนไปดูการพยากรณ์ในบทความตอนที่ 1 การพยากรณ์ด้วยคัมภีร์กาลจักร-ลัคน์จรข้อ 1.2 ตำแหน่งหน้าที่การงาน เนื่องจากการวิเคราะห์และพยากรณ์จะออกมาเหมือนกัน
1.2.2 ขั้นตอนที่ 2 เป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์ด้วยคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งจะมีคำพยากรณ์เอาไว้ค่อนข้างจำกัดเป็นการเฉพาะเท่านั้นคือ ถ้าจะทำนายชายชาติชันษา อินทภาส-บาทจันทร์แต่เดิมมาเป็นสิบเอ็ดลัคนานั้นก็ดี หรือกุมจันทร์กุมวันเกิด (ดาว) ไซร้ ทำนายไว้ในตระกูลอันสองศรี จะได้เป็นกษัตริย์ขัติยะเจ้าธานี ตำรานี้แม่นนักท่านทักทาย กับอีกตอนหนึ่งที่ว่า ถ้าหลักอินทภาส-บาทจันทร์ตกในกัมมะ จะฉลาดในการช่างและขยันในการงานทั้งปวง ซึ่งในดวงชะตากำเนิดของมทภ.1 ไม่เข้าตามข้อกำหนดข้างต้น เพียงแต่อาจจะนำเอาคำพยากรณ์ในการกำหนดวาสนามาประกอบที่ว่า หากดวงชะตาได้เกณฑ์ อุดมชะตา (ซ้ำอีกครั้ง) ถึงจะเกิดมาในตระกูลต่ำช้าข้าทาสอย่างไรก็ต้องได้ดีมีวาสนาปรากฏทั้งยศและทรัพย์ เมื่อสรุปผลการวิเคราะห์และพยากรณ์ในขั้นตอนที่ 1 ร่วมกับขั้นตอนที่ 2 แล้วก็คงจะพยากรณ์ได้ว่า น่าจะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปได้อีกแต่อาจจะไม่ถึงขั้นสูงสุดในกองทัพคือ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทหารสูงสุด) เนื่องจากดวงชะตามีข้อเสียคือหลักอินทภาสอยู่ในเรือน (ภพ) วินาส (เป็น 12) ของลัคนานั่นเอง
2. การวิเคราะห์และพยากรณ์ดวงชะตาจร แม่ทัพภาค 1 (มทภ.1) คนปัจจุบันมีตำแหน่งเดิมเป็นรองแม่ทัพภาค 1 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่ตั้งเป็นแม่ทัพภาค 1 เมื่อ 1 ต.ค.2549 เมื่อผูกดวงอินทภาส-บาทจันทร์จรจะเป็นดังนี้
วัฒนะ วัฒนะ
อินทภาสกำเนิด บาทจันทร์กำเนิด
๑ ๒
๐ ๘ ๗ ๑
๑ ๑๐ ๒ ๙
๑๘ ๑๒ ๑๒ ๑๘
๘ ๕
๓/๕ (นาค) ๑/๖
ทลิทโท เทศาตรี
ราศีจักร ตะนุเศษ 4 นวางศจักร
อินทภาสจร ลัคนาจร บาทจันทร์จร
๑ ล ๒
๗ ๑ ๔ ๔ ๕ ๓
๗ ๔ ๑๑ ๐ ๘ ๓
๒๘ ๒ ๑๔ ๑๖ ๒๒ ๘
๑ ๓ ๑๑
๑/๗ ๓/๓ ๕/๒
เทศาตรี ราชา สมโณ
(นวางค์ปุเอก)
2.1 ขั้นตอนที่ 1 เป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์ด้วยคัมภีร์จักรทีปนี คำพยากรณ์เป็นอย่างไรขอให้ย้อนไปศึกษาจากการวิเคราะห์และพยากรณ์ในบทความตอนที่ 2 ข้อ 2 (หน้าที่ 4,5 และ 6) เนื่องจากผลการพยากรณ์จะออกมาเหมือนกัน
2.2 ขั้นตอนที่ 2 เป็นการวิเคราะห์และพยากรณ์เพิ่มเติมจากการพยากรณ์ในขั้นตอนที่ 1 แต่จะเป็นการพยากรณ์ด้วยคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์ ในวันที่ 1 ต.ค.2549 ที่ มทภ.1 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนั้น เมื่อวิเคราะห์อย่างกว้าง ๆ ในเบื้องต้นโดยพิจารณ์เฉพาะหลักทั้ง 3 คือ อินทภาส บาทจันทร์และลัคนาจรว่าโคจรอยู่ที่ใดให้คุณหรือให้โทษ (ดีหรือเสีย) จะเห็นได้ว่าอินทภาสจรโคจรอยู่ที่ราศีพฤษภเรือนปุตตะลัคน์ (เป็น 5) บาทจันทร์จรโคจรอยู่ที่ราศีมีนเรือนสหัชชะ (เป็น 3) กับลัคนาและลัคนาจรก็โคจรอยู่ที่ราศีกรกฎเรือนปัตนิ (เป็น 7) กับลัคนากำเนิด ซึ่งหลักทั้ง 3 ล้วนโคจรอยู่ในตำแหน่งที่ดี (ให้คุณ) กับดวงชะตาดังคำพยากรณ์ที่ว่า ผิจะทายนพพางค์จรทั้งสองสถาน (อินทภาสและบาทจันทร์) หากทับลัคน์ลับจันทร์กำเนิดกาลนับสถานลัคน์อยู่ให้มาเป็น 10,11,7 และ 3 ว่า โชคงามปีนั้นในชันษาทั้งอาภรณ์บ่าวไพร่และไร่นา อีกทั้งยศถาชื่องามตามตระกูล จากคำกลอน (คำพยากรณ์) ที่ได้ยกมานั้นจะเห็นได้ว่า ทั้ง อินทภาส, บาทจันทร์และลัคนาจรล้วนโคจรอยู่ในตำแหน่ง (เรือน/ภพ) ที่ดีให้คุณกับดวงชะตาดีมากเมื่อนำเอาคำพยากรณ์ที่ได้นี้ไปร่วม/ผสมกับคำพยากรณ์ที่ได้พยากรณ์ไปแล้วในขั้นตอนที่ ก็จะได้คำพยากรณ์ที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น โดยสรุปแล้วดวงชะตาจรของมทภ.1 ในวันที่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นมทภ.1 เมื่อ 1 ต.ค.2549 นั้น เป็นช่วงที่ดวงชะตาจรให้คุณมีมากตรงตามหลักการในตำราทั้ง 2 คัมภีร์คือคัมภีร์จักรทีปนีและคัมภีร์อินทภาส-บาทจันทร์