บทบาทของดาวเสาร์ใน ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓
พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓ โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อขับไล่รัฐบาล ประมาณว่า จะมีผู้ร่วมชุมนุมด้วยเป็นเรือนแสน จึงเป็นเหตุให้เกิดความวิตกกันกันทั่วไปว่าว่า จะต้องเผชิญวิกฤติปัญหาอะไรบ้าง และมีญาติมิตรสหายได้ติดต่อสอบถามมาหลายราย ผมจึงได้ตรวจสอบดวงดาวในวันนี้ และได้พบว่า ในวันดังกล่าว ดาวเสาร์กำลังโคจรถอยหลังอยู่ในราศีกันย์ ๓ องศา ๔๕ ลิปดา ทำมุมเบียนเป็นทุกข์โทษประมาณ ๙๐ องศากับดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และดาวมฤตยูกับทำมุมเบียนประมาณ ๑๘๐ กับดาวศุกร์ในดวงเมือง นอกจากนี้ ดาวอังคารยังโคจรอยู่ในราศีกรกฎ ๒ องศา ๑๒ ลิปดา ทับดาวจันทร์ และทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศากับอาทิตย์
ในวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาวทั่วโลกได้ยอมรับกันว่า ดาวเสาร์เป็นดาวพระเคราะห์
ขนาดใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มบาปเคราะห์ ให้อิทธิพลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตามากกว่าให้คุณ ตรงข้ามกับดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์ใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มศุภเคราะห์ที่ให้อิทธิพลในทางดีแก่เจ้าชะตามากกว่าให้โทษ ถ้าเปรียบเทียบกันในทางพุทธศาสนา ดาวเสาร์คือ หัวหน้าพรรคมาร ส่วนดาวพฤหัสบดีคือ หัวหน้าพรรคเทพ นอกจากนี้ ดาวเสาร์ยังมีความหมายในตัวที่สำคัญประการหนึ่งที่ใช้ประกอบในการพยากรณ์เหตุการณ์โลก และบ้านเมืองตามหลักวิชา
Mundane Astrology คือ "เศรษฐกิจของประเทศ" และโดยที่ดาวเสาร์นี้เป็นเจ้าเรือนหรือ ภพที่ ๑๐ และ ๑๑ ด้วย ดาวเสาร์จึงมีความหมายเพิ่มเติมว่า "ประมุขของประเทศ" และ "สถาบันการปกครองของประเทศ ตามลำดับอีกด้วย
เมื่อได้ตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับอิทธิพลของดาวเสาร์เมื่อทำมุมเบียน ๙๐ องศา เป็นทุกข์โทษแก่ดวงเมืองซึ่งเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์บ้านเมืองที่สำคัญ ได้พบว่า เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๔ เวลาประมาณ ๓ นาฬิกา ได้มีคณะทหารบกกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของพลโทสัณห์ จิตรปฏิมา ได้กระทำการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครอง แต่ไม่สำเร็จที่เรียกว่า
"กบฏเมษาฮาวาย" ในวันนั้นจุดที่ตั้งของดาวเสาร์จรได้ทำมุมเบียนกับดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี และดาวพระเคราะห์อื่นๆ ในดวงเมืองคล้ายคลึงกับวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓ มากที่สุด ผลกระทบที่เกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสมุทัยทำให้เกิดกบฏเมษาฮาวาย ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเสื่อมทรุดลงไปอย่างมาก และน่าเชื่อว่า มีสาเหตุจากดาวเสาร์จรทำมุมเบียนประมาณ ๙๐ องศากับดาวมฤตยูซึ่งมีความหมายเกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหาร รวมทั้งการก่อการจลาจลวุ่นวายต่างๆ
หากนำเอาเหตุการณ์ข้างต้นมาใช้ประกอบการพยากรณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๓ ตามหลักวิชาสถิติศาสตร์ น่าจะพยากรณ์ว่า ถึงแม้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะยืนยันว่า การชุมชุมครั้งนี้จะเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย โดยมีข้อแม้ว่า ถ้ามีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตามนั้น เป็นเรื่องการสร้างสถานการณ์เพื่อใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ มือที่ ๓ ซึ่งพวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ แต่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการก่อการจลาจลวุ่นวาย เกิดกระทบกระทั่งกันถึงเลือดตกยางออกได้ นับว่ายังโชคดีของประชาชนคนไทยอยู่มาก ที่ดาวพฤหัสบดีได้โคจรอยู่ในราศีกุมภ์ ๑๔ องศา ๕๐ ลิปดา อยู่ในเรือนที่ ๑๑ ภพเกี่ยวลาภผลประโยชน์ของรัฐจึงผ่อนบรรเทาทุกข์โทษลงได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่า มาตรการที่รัฐบาลได้เตรียมไว้โดยการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในพระราชอาณาจักรจะรับมือสถานการณ์ในวันนี้ได้ ที่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ก็คือ การชุมนุมของคนเสื้อแดงจะเกิดกระทบกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากดาวเสาร์จรได้ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศา กับดาวศุกร์ในดวงเมืองซึ่งเป็นเจ้าเรือนที่ ๒ ภพเกี่ยวกับเศรษฐกิจการคลังของประเทศอยู่ด้วย
ความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง การชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกครั้งที่ผ่านมา ในครั้งนี้ และครั้งต่อไป จึงเป็นการสวนทางกับความต้องการของมวลชนคนไทยอย่างแน่ชัด สร้างความเสื่อมศรัทธาและเพิ่มปฏิปักษ์แก่ชุมนุมคนใส่เสื้อแดงเพิ่มขึ้นทุกที
ผมตั้งใจจะนำเอาหลักธรรมมาเตือนสติแก่ผู้เข้าร่วมชุมนุมคนเสื้อแดงในครั้งนี้ แต่ดูจะไร้ประโยชน์ จึงต้องทำใจเป็นอุเบกขาว่า สัตว์โลกทั้งปวงมีกรรมเป็นของตนเอง ผู้ใดทำดี มีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมที่ดีย่อมได้รับกุศลวิบากให้อยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขึ้น ทุกข์โศกโรคภัยไม่เบียดเบียน นำไปสู่สุคติ ผู้ใดทำชั่ว ไม่มีศีลธรรมคุณธรรม จริยธรรม ย่อมได้รับอกุศลวิบากส่งผลในทางตรงข้ามนำไปสู่ทุคติอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ใดอยากไปทางใด เลือกเอาเองก็แล้วกันนะครับ
-------------------------------------------------