ช่วยด้วย! ผมอยากดูดวงเป็น
โดย อ.ไพบูลย์ ฤกษ์อุดม
085 3818452
สวัสดีครับท่านผู้อ่านและนักโหราศาสตร์ทุกท่าน การที่ผมขึ้นต้นบทความด้วยเรื่อง ช่วยด้วย ผมอยากดูดวงเป็น ก็เนื่องมาจากว่า ๒๘ ปีที่ผ่านมา ในโลกโหราศาสตร์ของผมมันเหมือนกับเข็นครกขึ้นภูเขา วันนี้ผมอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านทุกท่านว่าข้อเขียนของท่านอาจารย์โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์ในตำราเคล็ดลับโหราศาสตร์ฉบับพิสดารแลกาลจักรหน้า ๓๓ (ปริเฉทที่ ๒) ที่ท่านตอบนักเรียนว่าการเรียนวิชาโหราศาสตร์และตรวจดวงชะตานั้นง่ายอุปมาดังปลอกกล้วยเอาเนื้อกล้วยเข้าปาก แต่การรู้ดวงชะตานั้นยากมากเท่ากับพยายามกินเอาเปลือกกล้วยเข้าไปพร้อมกัน ซึ่งผมประทับใจในข้อเขียนนี้มากดังนั้นถ้าจะพูดกันแบบเปิดอกเลยก็คือผมคิดว่านักโหราศาสตร์ทุกท่านคงจะเคยมีชีวิตในอดีตหรือจนถึงปัจจุบันในโลกโหราศาสตร์ (ยกเว้นเฉพาะท่านที่มีบุญกุศลเก่าอุดหนุนทำให้ได้มีครูบาอาจารย์ดีๆ สอนให้โดยตรงและเปิดเผยไม่ปิดบัง) ผมเองนั้นศึกษาวิชานี้มาจากตำราต่างๆ ทั้งหมดมันก็ด้วยใจรักวิชานี้เป็นชีวิตจิตใจ ผมเริ่มต้นเรียนท่องจำตั้งแต่พื้นฐานของวิชาโหราศาสตร์ไทยเช่น ความรู้เรื่องราศี เรื่องตำแหน่งต่างๆ ของดาว ดาวคู่มิตร ดาวคู่ธาตุ คู่ศัตรู คู่สมพล ฯลฯ พูดง่ายๆ ก็คือต้องจดจำและรู้ในสิ่งที่ควรจดจำอย่างแน่นแฟ้นแต่ปัญหาของผมมันก็คงจะเหมือนกับท่านทั้งหลายนั่นแหละครับ ก็คือตอนดูดวงกำเนิดกับพยากรณ์จรชีวิตผมมันก็เหมือนกับที่ท่านอาจารย์โหรแฉล้มท่านพูดไว้ว่า คนเราไม่ตกม้าก็ขี่ม้าไม่เป็น ผมอยากบอกว่าผมไม่อายหรอกครับที่จะบอกว่าผมเคยพยากรณ์ผิดพลาด (แบบชนิดหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ) มามากมายนับครั้งไม่ถ้วนซึ่งในความรู้สึกของผมนั้นการเป็นนักพยากรณ์มันทำไมช่างโหดร้ายทรมานจิตใจเหลือเกิน ถึงขนาดที่ว่าบางทีผมไม่ยอมหลับยอมนอนค้นคว้าแต่เรื่องนี้ติดต่อกันหลายๆ วันเพื่ออยากจะมีความรู้กับเขาบ้าง
แล้วในที่สุดก็มาถึงวันที่ผมเริ่มพอจะมองเห็นแสงสว่างในโลกโหราศาสตร์ วิธีที่ผมจะเข้าถึง (เฉพาะผมนะครับ) ก็คือผมเอาดวงชะตาจากสถิติทั้งหลายหรือดวงจริงทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดวงกำเนิดหรือดวงจร (หวยออกแล้ว) มาเป็นครูแล้วตั้งคำถามอยู่ตลอดกับดวงที่ศึกษาว่าทำไมๆๆ จึงเป็นอย่างนั้น ดาวอะไรที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้พอสงสัยหรือติดขัดก็หันไปคว้าตำรามาค้นคว้าซักทีหนึ่งเพื่อค้นหาเหตุผลจนกระทั่งผมมีตำราต่างๆ ที่ซื้อมาจากร้านเกษมบรรณกิจมากมาย
วันนี้ผมจะขอวิจารณ์ดวงชะตากำเนิดและจรให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาแต่ก่อนอื่นผมก็ต้องขอนำข้อเขียนของท่านอาจารย์โหรแฉล้มมาฝากเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านทั้งหลายในหน้า ๑๓๓ หลักที่๗ ว่าด้วยลัคนาประกอบดวงดาวประการที่ ๕ (ท่านตั้งใจอ่านนะครับ) ดาวทุกดวงต่างแรงแข็งกล้าทุกดวงไม่เช่นนั้นจะว่าเด่นได้อย่างนี้อย่างนั้นหรือแต่เพราะเหตุนี้เวลาพิจารณาต้องดูดาวต่อดาวสัมพันธ์กันด้วยวิธีดูต้องตั้งดาวนั้นสมมุติเป็นลัคนาทุกดวง ถ้ามี ๔,๖,๘,๑๒ ดาวก็เบียนกัน ถ้าเป็น ๓,๗,๑๑ ก็ส่งเสริมกัน ถ้าดาวดีถูกเบียนก็หย่อนไป ถ้าดาวร้ายก็กลับดีขึ้นอย่างเดียวกับดูดาวประกอบลัคนา ถ้าบริสุทธิ์ทายตรงไม่ต้องเกรงใจถูกทุกที
หน้า ๑๔๙ ข้อ (ข.) ดาวทุกดวงสำคัญทุกดวงคือดาวหนึ่ง มีคุณอย่างหนึ่งมีโทษอย่างหนึ่ง ฯลฯ (โปรดหาอ่านเอาเองบ้างนะครับมันยาว)
ต่อไปนี้ผมจะสาธิตการพยากรณ์ดวงกำเนิดและจรให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณากันดูนะครับ ว่าความรู้ของผมมันพอจะเข้าสายตากรรมการไหม
ผมขออนุญาตินำดวงชะตาของคุณมานะ โรจนพรพุทธที่ท่านได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว มานำเป็นตัวอย่างซึ่งดวงนี้ผมได้พบในหนังสือวิจารณ์ดวงชะตา ๑๐๐ ดวงของท่านอาจารย์บุญช่วย ชุ่มเชิงรักษ์ (แต่จะขอวิจารณ์แบบความเข้าใจของผมนะครับ)
|
|
เกิด มะโรง ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๑ |
จร ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๙ |
คุณมานะท่านก็เป็นนักโหราศาสตร์อีกท่านหนึ่งซึ่งในข้อมูลที่ผมได้มาจากหนังสือคือท่านได้ถึงแก่กรรมด้วยอาการของโรคความดันโลหิตสูงจนเส้นเลือดแตกในสมองในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๙ แล้วท่านก็หมดสติอยู่บนรถของท่าน ต่อไปได้นำไปส่งโรงพยาบาล ท่านนอนอยู่โรงพยาบาลอีก ๗ วันจึงจะถึงแก่กรรมโดยแท้จริงในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๐๙
|
จร ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๐๙ |
ทีนี้เรามาพิจารณาดวงกำเนิดของท่านว่าเป็นอย่างไร ในที่นี้เมื่อเป็นดวงหวยออกแล้วเราก็มาเน้นพิจารณาภพมรณะและภพกัมมะซึ่งเป็นภพที่หมายถึงความตายดวงชะตานี้มีลัคนาสถิตอยู่ราศีกันย์มีดาว๒ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นราชาโชคเจ้าเรือนภพลาภะกุมลัคนาแสดงว่าเจ้าชะตามีเกณฑ์ที่จะต้องแสวงหาลาภผล ความสำเร็จตามความหมายของภพลาภะ ดาว๒ ทำมุมตรีโกณกับดาว๔ เจ้าเรือนภพตนุ , กัมมะอยู่ราศีมังกรภพปุตตะแปลว่าตนเองมีงานภาระสิ่งใหม่ๆ ดาว๔ ตรีโกณกับดาว ๘๙ เจ้าเรือนภพอริซึ่งดาว ๘ นั้นมีตำแหน่งเป็นนิจที่ราศีพฤษภแปลว่าความลุ่มหลงยิ่งมีดาว๙ เข้าไปกระตุ้นทำให้ลุ่มหลงมากขึ้น (เพราะอยู่ในเรือนดาว๖) ดาว๘๖ แปลว่าความลุ่มหลง ดังนั้นดาวชุดนี้คือ ๒๔๘๙ ตรีโกณถึงกันหมดทำให้มีความหมายว่าเจ้าชะตามีการดิ้นรนแสวงหาในเรื่องเกี่ยวกับภาระงานสิ่งใหม่ๆ ด้วยความลุ่มหลง แต่ดาว๘ เมื่อถึงดาว๒ คู่สมพลก็ให้ความหมายถึงหนี้สินดาว๘ กับดาว๔ เป็นคู่ศัตรูกันก็หมายถึงการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้เกิดความสำเร็จ (ตอนนี้เป็นความหมายกว้างๆ นะครับ) ยิ่งดาว๔ มาอยู่ในราศีมังกรเรือนดาว๗ ก็หมายถึงการเหน็ดเหนื่อยอดทนยาวนาน ดาว๘๙ อยู่ในเรือนดาว๖ ก็หมายถึงสิ่งที่สวยงามถูกใจโดยเฉพาะดาว๒ ไปเล็งดาว๖๐ ที่ราศีมีนซึ่งมีตำแหน่งเป็นอุจก็ยิ่งมีความหมายชัดเจนขึ้นคือสิ่งนั้นเป็นของโอ่อ่ามีราคา ดาว๐ ก็หมายถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ของทรัพย์สิน (เพราะดาว๖ มาจากภพกดุมภะ) หันมาดูดาว๔ ตนุลัคน์และเป็นเจ้าเรือนภพกัมมะไปอยู่เรือนดาว๗ ดาว๗ เจ้าเรือนภพปุตตะก็ไปสถิตราศีธนูภพพันธุก็หมายถึงยวดยานพาหนะ ดาว๗ ทำมุมแฝงแสงกับดาว๖๐ แต่เป็นคู่ศัตรูกันก็แสดงว่ายวดยานพาหนะนั้นจะทำให้เดือดร้อน แล้วดาว๗ ทำมุมตรีโกณกับดาว๕ ที่ราศีเมษซึ่งดาว๕ มีตำแหน่งเป็นราชาโชค ดาว๕ นี้เป็นดาวลอยสถิตภพมรณะแล้วดาว๗ ยังทำมุมโยคกับดาว๑ ภพอริ ดาว๑ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประแปลว่าของผู้อื่น ดาว๑ ทำมุมโยคกับดาว๕ เป็นคู่มิตรกัน ก็แปลว่าเป็นของเพื่อนหรือมิตรสหายผ่านดาว๖๐ ซึ่งเป็นดาวการเงินสถิตอยู่ภพปัตนิแปลว่าการผ่อนส่ง ผมวิจารณ์ดวงชะตามาถึงขนาดนี้แล้วเราก็ยังมองไม่เห็นแง่มุมของความตายเลย มีแต่ความหมายของดาว๒ ,๔,๗,๑,๖๐,๕,๘๙ ถ้าจะรวบรวมทำพยากรณ์ทั้งหมดก็คือเจ้าชะตามีพื้นดวงเกี่ยวกับการดิ้นรนแสวงหายวดยานพาหนะใหม่ซึ่งเจ้าชะตาตัดสินใจ (ดาว๔ ตนุลัคน์) เปลี่ยนแปลงรถใหม่ (ปุตตะ) แต่ตัวเองต้องรับภาระเกี่ยวกับการเงินก้อนใหญ่ (ดาว๖๐) ในระบบผ่อนส่ง (ปัตนิ) ด้วยความเหน็ดเหนื่อย (ดาว๗) ซึ่งเป็นรถที่ได้มาด้วยความลุ่มหลง (ดาว๘๙) ซึ่งถือเป็นการผ่อนส่งระยะยาวจึงจะหลุดพ้น (ดาว๕ตรีโกณกับดาว๗ดาว๕๗ แปลว่ายืดเยื้อยาวนาน)
ทีนี้เราหันมาดูภพกัมมะก็มีดาว๓ เจ้าเรือนภพมรณะมาสถิตอยู่ราศีเมถุนซึ่งดาว๓ นี้เดิมเป็นธาตุลม มาสถิตอยู่ธาตุลมทำให้ดาว๓ แรงขึ้น ดาว๓ นี้เป็นดาวลอยและเป็นดาวบาปพระเคราะห์ เจ้าเรือนภพมรณะสถิตอยู่ภพกัมมะหมายถึงความตายทำมุมแฝงแสงกับดาว๒ ราศีกันย์หมายถึงจะเดือดร้อนเพราะการแสวงหามิหนำซ้ำยังโดนดาว๕ ในภพมรณะโยคเข้าหาอีก ดาว๓ จึงแรงขึ้น ทีนี้แหละเราเริ่มจะเห็นความเป็นมรณะแล้ว แต่ช้าก่อนดาว๕ ยังถูกตรีโกณจากดาว๗ ที่สถิตอยู่ภพพันธุ ดาว๗ เป็นดาวบาปพระเคราะห์และเป็นดาวฆาต(นะระโสโร) ดาว๗ ยังเล็งกับดาว๓ คู่ศัตรูใหญ่ (เจ้าดาว๗กับดาว๓นี้ เขาเจอกันไม่ได้จริงๆ ถ้าอยู่ในภพที่เสีย) ดาว๗๓ เป็นคู่อุบัติเหตุคู่มีเคราะห์ ดาว๐ แฝงแสงกับดาว๗ ดาว๐ จึงเป็นดาวฆาตไปด้วยและยังทำมุมโยคกับดาว๙ (ดาว๐๙ คู่นี้ก็อีกเหมือนกัน ถ้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ แล้วละก็ระวังให้ดีเถิด) ดาว๓ ยังทำมุมตรีโกณกับดาว๑ ซึ่งถือว่าดาว๓ ได้รับพลังงานจากดาว๑ เต็มๆ ดาว๑ ส่งโยคให้ดาว๕ ราศีเมษ ดาว๕ จึงมีกำลังมากขึ้นอีกส่งโยคไปให้ดาว๓ ดังนั้นเราจึงพอจะมองเห็นภาพแล้วใช่ไหม นั่นก็คือดาว๕ สถิตภพมรณะยิ่งถ้าเป็นความหมายของพระเคราะห์เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บแล้วในตำราโหราศาสตร์ปริทรรศน์ภาค๒ ครหะวินิจฉัย หน้า ๒๘๕ ของท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรให้ความหมายที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บที่เกี่ยวกับความดันโลหิตสูงยิ่งดาว๕ สถิตราศีเมษก็หมายถึงบริเวรศีรษะดาว๓ สถิตภพกัมมะเรือนของดาว๔ ดาว๔ นั้นหมายถึงสมองดาว๓ มีกำลังแรงมากแต่ดาว๓๔ เป็นคู่ศัตรูเมื่อดาว๓ มีพลังงานแรงมากจากหลายทางมาโดนส่งโยคจากดาว๕ (ภพมรณะ) ก็มีโอกาสทำให่สมองเสียหายได้เมื่อดาว๕ ส่งโยคถึงดาว๓ ในภพไม่ดีก็เตรียมตัวไว้เถิดว่า จะเป็นความดันโลหิตสูงทำให้สมองเสียหายได้ ยิ่งดาว๕๓ เป็นคู่สมพลก็ยิ่งทำให้มรณะเพราะทำงานเกินกำลัง ซึ่งข้อมูลจากดวงชะตานี้ ท่านอาจารย์บุญช่วย ชุ่มเชิงรักษ์ได้บอกว่าคุณมานะพอได้รถยนต์คันใหม่มาก็ขับหาเงินทั้งกลางวันกลางคืนไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลาติดต่อกันหลายๆ วันหลายคืน ประสาทที่มีความต้านทานไม่เพียงพอ เส้นโลหิตฝอยในสมองจึงแตกเพราะถูกใช้งานเคร่งเครียดเกินขอบเขต (ดาว๕๓)
หลังจากที่เราได้พิจารณาดวงกำเนิดจนพอจะเห็นช่องทางแล้วเราก็หันมาดูดาวจรของวันที่๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๙ การพยากรณ์จรนั้นผมก็ว่าตามตำราก็คือใช้ดาวใหญ่ (๐,๗,๘,๕) เราก็จะเห็นว่าดาว๐ (ซึ่งในพื้นดวงแฝงแสงกับดาวฆาต๗) โคจรเข้าราศีสิงห์เรือนดาว๑ โดยทำมุมตรีโกณกับดาว๗ และดาว๕ เดิมเล็งดาว๑ เดิมภพอริซึ่งพอจะได้ความหมายกว้างๆ ว่าโคจรเข้าภพวินาศถึงดาว๗ เดิมก็คือพันธุ ถึงดาว๕ เดิมก็คือมรณะ เล็งดาว๑ เดิมก็คืออริ ดังนั้นวินาศ , พันธุ , มรณะ , อริ แปลว่าจะเสียหายหรือมีโรคภัยไข้เจ็บเพราะความดิ้นรนในเรื่องเกี่ยวกับยวดยานพาหนะ ดาว๐ โคจรเล็งกับดาว๗ จรภพอริ ตรีโกณกับดาว๓๙ จรภพมรณะก็มีความหมายว่าจะเกิดปัญหาไม่คาดคิด (วินาศ)ทำให้เดือดร้อนและสูญเสียได้
เสร็จแล้วหันมาดูดาวฆาต๗ จร ก็จะเห็นว่าจรเข้าทับดาว๑ เดิมและตรีโกณดาว๓ เดิม เล็งดาว๐ จร ที่ภพวินาศ ส่งโยคให้กับดาว๓๙ จรภพมรณะและยังตรีโกณกับดาว๕ จรภพกัมมะ แปลว่าจะเกิดปัญหาไม่คาดคิด เดือดร้อนดิ้นรน จะเสียหายต่อสุขภาพ (มรณะ) เพราะการทำงานเกินกำลัง (ดาว๕ จรทับดาว๓) ดาว๗ จรเข้าราศีภุมภ์เรือนของดาว๘ ดาว๘ จึงติดเชื้อดาวฆาตไปด้วยและดาว๘ จรเข้าทับดาว๘๙ เดิม ภพศุภะและจรตรีโกณกับดาว๔ เดิม (ตนุลัคน์) และตรีโกณกับดาว๒ เดิมอยู่ที่ราศีกันย์ ที่กุมลัคนาอยู่แปลว่าดาวฆาตถึงตัวทำให้เจ้าชะตาลุ่มหลงอยากได้ในเรื่องของรถใหม่มากขึ้น ท่านเห็นหรือยังครับว่าดาว๗ จรซึ่งเป็นดาวฆาตไม่ได้สัมพันธ์กับลัคนาก็จริงแต่ฝากดาว๘ ไปถึงดาว๔ เดิมและ๒ เดิม (ดาว๘ กับดาว๗ นี้ถึงอย่างไรก็อย่าให้เจอกับดาว๒ เลยนะครับ เขาเรียกคู่พัดพรากเช่น ๘ทับ๒ ๗ทับ๒ จะพรั่นร้ายพลัดพราก)
ต่อไป เราหันมาดูดาว๙ จร ก็เห็นจรร่วมดาว๓ จร เข้าทัพดาว๕ เดิมภพมรณะและยังตรีโกณกับดาว๗ เดิมและดาว ๐ จร
ต่อไปเราก็ดูดาว๓ จรซึ่งจรร่วมกับดาว๙ ดาว๓๙ นี้โคจรเข้าพบมรณะซ้ำยังโดนดาวฆาต๗ ส่งโยคให้กำลังจึงแรงขึ้นเข้าทับดาว๕ ในดวงเดิมดาว๕ จรเข้าทับดาว๓ เดิม (เรียกว่า ๓ ทับ ๕ , ๕ ทับ ๓) พระเคราะห์โคจรสมาสัปต์ (จากตำราของท่านอาจารย์สิงโต สุริยาอารักษ์) โคจรรุนแรงแบบนี้จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ได้อย่างไร อย่าลืมนะครับว่าดาว๓ เป็นเจ้าแห่งการเคลื่อนไหว เป็นเบสิคเลยนะครับการดูดาว๓ นี้ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดีหรือร้ายก็ตามเป็นการดู หลังจากที่เราดูดาวใหญ่ ๐๗๘๕ แล้ว
ต่อไปก็ดูดาว๑ จรว่าวันเกิดเหตุอยู่ไหนจะเห็นว่าดาว๑ จรรวมดาว๔ ตนุลัคน์ ดาว๘ (อริเดิม) เข้าราศีพฤษภจรเข้าทับดาว๘๙ เดิมในภพศุภะตรีโกณกับดาว๒ ซึ่งกุมลัคนาอยู่และดาว๔ เดิม แล้วยังโคจรให้แสงกับดาว๕ จรซึ่งอยู่ข้างหน้าดาว๕ จร ตรีโกณร่วมดาวฆาต๗ จรดาวฆาตจึงมีกำลังมาก ดาว๑ จรเข้ากระแทกเรือนเกษตรดาว๖ ราศีพฤษภ (ก็บอกแล้วว่าดาว๖ ติดเชื้อดาว๐) ดาว๖ ก็จรมาเล็งลัคนาเป็นอุจอีกต่างหาก (ดาว๖ นี่แหละที่เขาเรียกว่าพระเคราะห์พินธุบาท อย่าลืมนะครับว่า ในดวงเดิมดาว๖๐ แฝงแสงกับดาวฆาต๗ ดังนั้นดาว๖ จรเล็งก็เหมือนกับดาว๗ จรเล็งนั่นแหละ) ซ้ำร้ายดาว๖ ถูกดาวฆาต๗ จรบีบหลังส่งโยคเข้าหาดาว๓๙ จรภพมรณะและดาว๓๙จร เข้าภพมรณะก็จรบีบหน้าดาว๖ อีก ดาว๓๙ จรส่งโยคให้ดาว๕ จรภพกัมมะดาว๕ จรภพกัมมะยังจรบีบดาว๑๔๘หรือตนุลัคน์ (ดาว๔) ไว้อีกแบบนี้เห็นทีจะหมดทางแก้
วันเกิดเหตุดาว๒ ซึ่งเป็นดาวจุดชนวนหรือดาวตัดสินโคจรเข้าร่วมดาว๓๙ จรภพมรณะ ตรีโกณร่วมดาว๐ จรภพวินาศมิหนำซ้ำยังถูกดาวฆาต๗ ส่งโยคเข้าหาอีก ภพมรณะจึงรุนแรงมาก ดาว๒ ,๓๙ , ๐ , ๗ ร้ายๆ ทั้งนั้น เจ้าชะตาก็เลยเกิดความดันโลหิตสูงจนเส้นโลหิตในสมองแตก
ท่านผู้อ่านได้ติดตามผมมานานพอสมควรก็คงจะติดใจอยู่นะครับ (รู้นะคิดอะไรอยู่) ว่าทำไมต้องมานอน รพ. อีก ๗ วันจึงจะถึงแก่กรรมจริงๆ ก็ขอให้ท่านสังเกตุดีๆ ว่าวันเกิดเหตุนั้นดาว๒ โคจรร่วมกับดาว๓๙ เข้าทับดาว๕ เดิม เข้าเรียกว่าดาวทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่เพราะโคจรร่วมหลายดวงลองไปดูดาวจรวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๐๙ สิครับ ดาว๓ ก็โคจรไปร่วมกับดาว๑๔๘ เหลือดาว๙ทับ ดาว๕ เพรียวๆ เขาเรียกว่าตัวต่อตัว ดาว๒ ก็โคจรเข้าราศีกรกฎเป็นเกษตรเล็งดาว๔ ตนุลัคน์เดิมแล้วยังตรีโกณกับดาว๖ จร อันนี้เขาเรียกดาวจรทับดาวตัวต่อตัว ดาว๙ จรเมื่อทับดาว๕ เดิมแล้วยังตรีโกณกับดาว๐ ราศีสิงห์คือเข้าภพมรณะ , วินาศ ดาว๒ ในวันนั้น โดนบีบด้วยดาว๕ ซึ่งติดเชื้อดาวฆาต๗ ทางตรีโกณและมีดาว๐ บีบอยู่หน้า เห็นไหมครับว่าดาว๒ โคจรเข้าภพลาภะตรีโกณกับดาว๖๐ เดิมและ๖ จร (ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันดร์หรือดาว๖ เป็นพินธุบาทเพรียวๆ) เห็นมั้ยล่ะครับว่าดาว๒จรโคจรเข้าภพลาภะก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดเหตุร้ายได้เนื่องจากดาว๒จรเป็นดาวจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์ร้ายในวันนั้น เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
ท่านผู้อ่านและนักศึกษาวิชาโหราศาสตร์ทุกท่านครับการที่ผมได้สาธิตการพยากรณ์ดวงกำเนิดและจรให้ท่านดูในวันนี้ (ท่านต้องอ่านช้าๆ นะครับ) เป็นความรู้ส่วนหนึ่งของผมที่แท้จริงแล้วถ้าจะเอาจริงๆ มันต้องมีจุดวัดการพยากรณ์จรอีกต่างหากเช่น ทักษาเสวยอายุ , ลัคนาจร , ดาวพักต์ , เสริด , มณฑ์ ฯลฯ แต่การที่ผมเขียนแค่นี้นั้นด้วยความตั้งใจที่จะบอกให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่าในโลกโหราศาสตร์ของผม ผมเริ่มจะเป็นมวยกับเขาก็อีตรงดูดาวแบบนี้แหละครับ ผมคิดว่ามันเป็นพื้นฐานจริงๆ ถ้าเราไม่คล่องในเรื่องดวงกำเนิดและไม่มีหลักในการดูดาวจรแล้วละก็ผมว่ามันยากนะครับที่จะเข้าใจ (อันนี้เป็นทัศนะความคิดเห็นส่วนตัว) หากแม้นว่าผมเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนก็ขอให้ท่านทั้งหลายโดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญในวิชานี้ได้โปรดแผ่เมตตาอโหสิกรรมให้กับผมด้วยที่บังอาจทำตัวมาพยากรณ์ถึงขั้นนี้แล้วโปรดนึกในใจว่าคุณไพบูลย์เอ๋ย ช่างน่าสมเพชเวทนาจริงๆ อย่าถือโกรธเลยครับ ผมมันคนโง่ กว่าจะเรียนรู้ได้ก็นาน ไว้โอกาสหน้าหากแม้นท่าน บก. ท่านเรียกใช้ผมอีก ผมก็จะเสนอผลงานไปเรื่อยๆ วันนี้เหนื่อยพอสมควรขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสุขในภาวะเหตุการณ์บ้านเมืองโรดแม็บ 5 ข้อตลอดไป
ด้วยคารวะ.......... ไพบูลย์ ฤกษ์อุดม
20/31 หมู่บ้าน แฟคตอรี่เฮาส์
ช.ร.บ. หมู่ ๖ ตำบลคอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000