ถูกรางวัลที่๑ สี่ใบได้อย่างไร

โดย อ.ไพบูลย์   ฤกษ์อุดม

085 – 3818452

          เย็นวันหนึ่งประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ท่านผู้อ่านคงจำได้นะครับว่าปีนี้อากาศร้อนจัดมาก หลังจากผมเสร็จสิ้นจากการดูดวงให้กับลูกศิษย์แล้ว ผมก็มานั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน นั่งไปก็คิดไปว่า เอ...เราจะเอาเรื่องอะไรมาเขียนดีหนอเพื่อเป็นบทความรับใช้ท่านผู้อ่านและท่านบก.นิตยสารโหราเวสฆ์ ขณะนั้นพอดีก็มีมอเตอร์ไซค์พ่วงขายลูกชิ้นวิ่งผ่านมาหน้าบ้านแล้วเขาก็เปิดเพลงเพื่อชีวิตของวงคาราบาวมาด้วย เป็นเพลงอะไรผมจำชื่อเพลงไม่ได้แล้ว แต่ตอนที่วิ่งผ่านไปก็ได้ยินเสียงเพลงร้องมาว่า คนจนวกวนเล่นหวยคนรวยๆ เขาไปเล่นหุ้น เท่านี้แหละครับผมถึงบางอ้อพอดี ได้ทีละ ก็เราเคยมีสถิติดวงของคนที่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่๑ ถึงสี่ใบซึ่งปกติเวลาผมศึกษาดวงผมจะจดบันทึกเก็บไว้ในกระดาษA4 แล้วผมก็เดินเข้าบ้านมาค้นหา ท่านผู้อ่านที่ติดตามผลงานผมอยู่ก็คงจะคิดเหมือนผมนะครับว่าคนอะไรหนอช่างมีบุญวาสนาจริง มีโชคลาภมหาศาลแบบนี้ได้อย่างไร ส่วนตัวผมเองนั้นก็คิดเช่นกันแต่คิดหนักกว่านั้นเพราะในทางโหราศาสตร์คนที่จะมีดวงขนาดนี้ได้เขาจะต้องมีดาวต่างๆ ประกอบกันมากมายไม่ว่าจะเป็นดาววาสนา ดาวการเงิน ดาวโชคลาภ ดาวการเสี่ยงและอื่นๆ อีกเป็นองค์ประกอบทุกดาวในดวงชะตา เอาล่ะครับ พอผมค้นเจอแล้วผมก็ต้องขออภัยท่านผู้อ่านด้วยว่าดวงนี้แหล่งที่มาผมได้มานานแล้ว จำได้ว่าได้มาจากหนังสือนิตสารโหราเวสฆ์แต่ไม่ทราบว่าเป็นฉบับไหนไม่ทราบจริงๆ ครับ เพราะผมมีหนังสือโหราเวสฆ์ฉบับรวมเล่มประมาณ ๒๐ กว่าเล่มก็ต้องกราบขออภัยต่อท่านอาจารย์นักเขียนที่ได้นำดวงนี้มาพยากรณ์ไว้และก็ต้องขออนุญาตต่อท่านด้วยนะครับ เพราะผมจะขอนำดวงชะตานี้มาสาธิตการพยากรณ์เพื่อเป็นกรณีศึกษา

          ดวงชะตานี้ได้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่๑ เป็นจำนวนถึงสี่ใบในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๑๒ (ปีนั้นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกรางวัลเดือนละ ๓ ครั้งคือทุกวันที่ ๑ , ๑๐ และ ๒๐ ของทุกเดือน)  

          รูปดวงชะตากำเนิดและจรเป็นแบบนี้นะครับ

 

เกิดวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๔๖๙ เวลา ๒๔.๑๐ น.	จร ๒๐ กันยายน ๒๕๑๒

 

 

        พอผมได้มาเห็นรูปดวงชะตากำเนิดแล้วผมแทบจะหมดแรงว่าอะไรกันนี่ ดวงแบบนี้น่ะหรือที่จะดีมีโชคใหญ่ ท่านผู้อ่านก็ลองพิจารณาดูสิครับ พื้นดวงเดิมก็เห็นธรรมดาๆ ไม่เห็นมีดาวองค์กงองค์เกณฑ์อะไรเลย ซ้ำร้ายดาว๕ ยังมีตำแหน่งเป็นนิจ ดาว๓ ที่ราศีเมษภพมรณะก็เป็นเกษตรอีก ดาว๒ เจ้าเรือนภพลาภะก็เป็นนิจดาว๖ ก็เป็นประกุมกับดาว๒ และดาว๑ โดยมีดาวฆาต๗ กุมกันในดวงเป็นชุดถึงสี่ดวงโยคหน้าลัคนาอยู่ ดาว๗ มีตำแหน่งเป็นราชาโชค แค่เห็นดาวสี่ห้าดวงเท่านั้นก็แทบจะหมดแรงแล้วแต่ช้าก่อนพอหันไปดูดาวจรก็เห็นดาว๐ จรทับลัคนาโดยจรร่วมกับดาว๕ ส่วนดาวฆาต๗ ก็โคจรเข้าภพมรณะทับดาว๓ เดิมและตรีโกณกับดาว๓ จรในราศีธนู ผมนั่งพิจารณาดูซักพักหนึ่งก็เริ่มมองเห็นแสงสว่าง เอาละ เราพอจะเข้าใจแล้ว ท่านผู้อ่านครับการศึกษาของผมมันเป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเป็นหนังจีนกำลังภายในเรื่องมังกรหยกภาคพิสดาร ผมก็เหมือนกับอ๊าวเอี๊ยงฮง (พิษปัจฉิมนั่นแหละครับ) คือเวลาต่อสู้กับศัตรูก็เอาเท้าแทนมือเอามือมาทำเป็นเท้า ก็ในเมื่อเราเป็นนักโหราศาสตร์แล้วเขาเอาดวงหวยออกแล้วมาให้เราดู ถ้าผมดูดวงกำเนิดไม่แตกผมก็ต้องหันกลับไปค้นหาเหตุผลว่าวันเกิดเหตุโชคใหญ่มีดาวอะไรบ้างที่โคจรให้คุณในเรื่องโชคใช่ไหมครับ

          ท่านผู้อ่านติดตามมานะครับ ทีนี้ผมจะวิจารณ์ดวงชะตากำเนิดให้ดู ชะตาดวงนี้มีลัคนาสถิตอยู่ราศีกันย์ ดาวตนุลัคน์๔ ไปสถิตอยู่ราศีตุลย์ภพกดุมภะไม่มีตำแหน่ง ดาวเจ้าเรือนภพกดุมภะคือดาว๖ ไปสถิตอยู่ราศีพิจิกภพสหัชชะมีตำแหน่งเป็นประ แบบนี้ต้องอ่านว่าเจ้าชะตามีเรื่องเกี่ยวข้องกับการเงิน (ดาว๔) แต่ดาว๖ เป็นประแปลว่าเป็นการเงินที่ไม่มั่นคง ดวงนี้ดาวการเงินไม่ดีมีภาวะการเงินที่เสื่อม พูดกันตรงๆ ก็คือเกิดมาเป็นคนจนนั่นแหละครับ ส่วนตัวดาว๔ เองก็ทำมุมตรีโกณกับดาว๘ ซึ่งมาจากภพอริสถิตภพกัมมะ ยิ่งดาว๘ เป็นธาตุลมสถิตอยู่ธาตุลมก็ยิ่งแรงขึ้นทำให้เจ้าชะตาต้องมีความเดือดร้อนดิ้นรนแสวงหา ดาว๘ เป็นบาปพระเคราะห์ทำให้ต้องยุ่งยากเกี่ยวกับภาระในเรื่องการเงินอยู่เสมอแต่ถ้ามองดีๆ แล้วจะเห็นว่าดาว๘ กับดาว๔ ที่ทำมุมตรีโกณกันนี้เขาเรียกว่า ดาวคู่ศัตรูรุดหน้า ตามนิทานชาติเวรก็คือดาว๘ เป็นพ่อค้าปล่อยเงินกู้ส่วนนาง๒ ก็ไปกู้เงินจากดาว๘ มาแต่นานเข้าก็ไม่มีปัญญาที่จะใช้จึงหนีไปอยู่เมืองอื่น ดาว๘ ตามหาดาว๒ ก็ไม่เจอเพราะหนีไปเสียแล้ว อยู่มาวันหนึ่งดาว๗ ซึ่งเป็นเพื่อนกับดาว๘ ได้เดินทางไปต่างเมือง ไปพบนาง๒ เข้าโดยบังเอิญจึงนำเอาข่าวไปบอกดาว๘ ดาว๘ จึงรู้ที่อยู่ของนาง๒ ก็ตามมากระชากลากตัวนาง๒ เพื่อจะเอาไปขัดดอก นาง๒ ก็ร้องเรียกให้คนช่วย พอดีดาว๔ ซึ่งในเรื่องนี้เกิดเป็นสุนัขเห็นเหตุการณ์เข้าก็กระโดดเข้าช่วยเหลือนาง๒ คือเข้ากัดดาว๘ เป็นพัลวัน ดาว๘ สู้ไม่ได้ก็หนีไปตามหลักของนิทานชาติเวรนี้ โบราณาจารณ์ท่านสอนลูกศิษย์โดยอุปมาดวงดาวเป็นบุคคล จะเห็นได้ว่าดาว๘๒ เป็นคู่ศัตรูคู่หนี้สิน ดาว๘๔ เป็นคู่ศัตรู ดาว๗๒ เป็นคู่ศัตรู ดาว๗๘ เป็นคู่มิตรและดาว๒๔ เป็นคู่มิตร โดยเฉพาะดาว๘๔ ในตำราโหราปรัชญาของ อ.ส แสงตะวัน กล่าวไว้ว่า ในดวงชะตาผู้ใดมีดาว๘๔ ทำมุมกันในภพที่ดีโชคชะตาชีวิตจะรุดหน้าเหมือนสุนัขไล่กัดแต่ถ้าทำมุมกันในภพที่ไม่ดีอาจทำให้เดือดร้อนเสียหาย ติดคุกติดตารางสิ้นเนื้อประดาตัวได้ ดาว๘๔ ในดวงนี้ ทำมุมตรีโกณกันในภพกัมมะ , กดุมภะ จึงทำให้มีเกณฑ์ที่โชคชะตาชีวิตจะรุดหน้าไปในทางที่ดีได้ แล้วดาว๔ ทำมุมเล็งกับดาว๓ ราศีเมษภพมรณะ ภพนี้อย่านึกว่าหมายถึงความตายความสูญเสียอย่างเดียวนะครับ ภพมรณะนี้ถ้าท่านได้ศึกษาอ่านดวงมามากๆ แล้วบางทีให้ความหมายถึงความหลุดพ้นด้วย เสร็จแล้วดาว๓ ยังส่งโยคเข้าหาดาว๘ ทำให้ดาว๘ มีกำลังมากขึ้นอีก ท่านลองนึกดูสิครับเมื่อดาว๘ มีกำลังมากขึ้นไม่รู้จะหันหน้าไปกระแทกใคร พอดีมีดาว๙ อยู่ราศีกรกฎภพลาภะอยู่หน้าดาว๘ ดาว๙ จึงแรงขึ้น เสร็จแล้วจะดีได้อย่างไรอ่านต่อไปนะครับ

          หลังจากที่เราได้ดูดาว๔ ตนุลัคน์แล้ว เราก็มาดูดาว๕ ที่ทำมุมตรีโกณกับลัคนามีตำแหน่งเป็นนิจอยู่ราศีมังกรภพปุตตะเรือนของดาว๗ (เวลาที่ท่านดูดวงท่านก็ต้องดูราศีของดาวฆาตด้วยนะครับว่ามีดาวอะไรมาสถิตอยู่ ดาว๕ มาอยู่เรือนดาวฆาต๗ ทำให้ดาว๕ แรงขึ้น ถึงมีตำแหน่งเป็นนิจก็แรงแบบเป็นนิจนั่นแหละ) ดาว๗ ก็มาสถิตอยู่ภพสหัชชะโยคหน้าลัคนาเป็นราชาโชคกุมกับดาว๒ เจ้าเรือนภพลาภะและดาว๑ เจ้าเรือนภพวินาศกุมกับดาว๖ ซึ่งเป็นดาวการเงินด้วย ดาวกุมกัน๔ ดวงโยคหน้าลัคนาต้องให้คุณอยู่แล้วแต่จะให้คุณอย่างไร ต้องพินิจพิจารณาอ่านดาวอื่นประกอบด้วยเราจะเห็นว่าดาว๑,๒,๖,๗ ชุดนี้ทำมุมแฝงแสงกับดาว๓ ราศีเมษภพมรณะแล้วยังตรีโกณกับดาว๐ ที่ราศีมีนภพปัตนิและตรีโกณร่วมธาตุกับดาว๙ ราศีกรกฎภพลาภะ ดังนั้นถ้าเรานำเอาความหมายของดวงดาวที่สถิตอยู่ราศีต่างๆ มารวบรวมทำความเข้าใจในตอนนี้ก็จะได้ดังนี้

          ลัคนา (ตนุ) –กดุมภะ(๔)- สหัชชะ(๑๒๖๗)

          ดาว๔ ตรีโกณดาว๘  -กดุมภะ- กัมมะ

          ดาว๔ เล็งดาว๓ เป็น กดุมภะ-มรณะ

          ดาว๑๒๖๗ ภพสหัชชะตรีโกณดาว๐ ภพปัตนิ ตรีโกณดาว๙ ภพลาภะ

          จึงรวบรวมเป็นใจความได้ว่าเจ้าชะตา (ดาว๔) มีวิถีชีวิตที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี (๑๒๖๗ โยคหน้าลัคนา) เกี่ยวกับเรื่องของหลักฐาน ครอบครัวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี (ดาว๐ สถิตภพปัตนิเรือนดาว๕ พันธุปัตนิตรีโกณกับดาว๑๒๖๗)ด้วยสาเหตุของการที่เจ้าชะตามีเกณฑ์ชีวิตที่จะรุดหน้าหรือมีโอกาสฟลุ๊ค (ดาว๘๔) และมีโอกาสที่จะดีขึ้นในเรื่องโชคลาภ (เนื่องจากมีดาว๙ สถิตอยู่ภพลาภะ) ซึ่งเจ้าชะตามีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากความจนได้ (ดาว๓ ภพมรณะ) เอาล่ะครับ ความหมายของดาวที่สัมพันธ์กันนั้น เราพอจะมองเห็นเค้าลางของการที่เจ้าชะตาจะหลุดพ้นจากความจนได้แล้ว แต่ยังก่อน ถ้าท่านพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าดาว๑๒๖๗ ที่ทำมุมแฝงแสงกับดาว๓ ภพมรณะนั้นได้ส่งโยคให้กับดาว๕ ที่ภพปุตตะ ดาว๕ เป็นนิจกลับกลายเป็นมีพลังซึ่งหมายถึงการเสี่ยงโชคแบบนิจคือเล็กๆ น้อยๆ (จริงไหมครับท่านผู้อ่าน ซื้อล็อตเตอรี่สี่ใบในสมัยนั้นคงไม่กี่บาทแต่เวลาถูกได้เงินตอบแทนอย่างมากมาย) สมแล้วที่ดาว๕ มีตำแหน่งเป็นนิจแต่กลับให้คุณเพราะตรีโกณลัคนา (บางคนเคยอ่านตำรามา เห็นคนเป็นเศรษฐีมั่งมีเงินทองหรือบางคนรับราชการเป็นใหญ่เป็นโต แต่ดาวในดวงเป็นนิจเป็นประตั้งหลายดวงทำให้ประหลาดใจ บางคนมีดาวเป็นเกษตร อุจ ในดวงหลายดวงแต่ชีวิตลำบากแสนลำเค็ญ นี่แหละครับการดูดวงเราต้องดูให้หมดทุกดวงแล้วจึงจะสรุป ไม่ใช่พอเห็นดวงเป็นเกษตร อุจ นิจ ประก็ทายโครมครามดีเลวไปเลย ตกม้าตายกันมาเยอะแล้วนะครับ)

          ดาว๕ เมื่อโดนดาว๑๒๖๗ ส่งโยคให้กำลังมา ก็ไม่รู้จะหันไปทางไหนก็เลยส่งโยคให้กับดาว๐ ภพปัตนิและยังเล็งดาว๙ ภพลาภะ นี่แหละครับมันตัดเชือกเรื่องการมีโชคกันตรงนี้แหละ โดยเฉพาะดาว๐๙ นี้แหละ คอยสังเกตดูให้ดีเถอะ ถ้าสัมพันธ์กันในภพที่ไม่ดีก็อาจเล่นงานเอาถึงขนาดสูญเสียถึงชีวิตได้ แต่ถ้าดาว๐๙ สัมพันธ์กันในภพที่ดีแล้วล่ะก็ การมีโชคจากธรรมดาก็อาจจะทำให้โชคนั้นเกิดขึ้นหลายชั้นทวีคูณได้

          สรุปแล้วในดวงชะตานี้ก็มาตัดเชือกตรงดาว๐๙ โดยเฉพาะดาว๙ นั้นเป็น๑๑กับลัคนา เขาเรียกโยคหลังจึงให้โชคลาภอย่างรุนแรง (อธิบายมาแล้วนะครับ ว่าดาว๕ ดาว๙ แรงขึ้นได้อย่างไร) ทีนี้เราก็หันมาดูดาวจรอีกครั้ง ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าการดูดาวจรของผมนี้ ผมมีแบบการดูจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่มีอยู่ในตำราร้านเกษมบรรณกิจนั่นแหละครับ คือดูดาวใหญ่ก่อนเช่น ดาว๐ ,๗,๘,และ ๕ เพื่อประเมินสถานการณ์ เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็กันมาดูดาวเล็ก คือดาว ๙,๓,๑,๔,๖, และ ๒ ไปตามลำดับ อันนี้เป็นเบสิคของผมทุกครั้ง ดาวแรกคือดาว๐ ก็โคจรเข้าทับลัคนา (หวังว่าคงเข้าใจพื้นดวงหมดแล้วนะครับ) ดาว๐ ในพื้นดวงก็บอกแล้วว่าเป็นดาวเปลี่ยนแปลงความมั่นคงของเจ้าชะตาไปในทางที่ดี เพราะตรีโกณกับดาว๙ เจ้าเรือนลาภะ เมื่อดาว๐ จรเข้าทับลัคนาก็ถึงตัวแสดงว่าช่วงนี้ดาว๐ โคจรให้ลาภผลความเจริญ (ดาว๐ อยู่ราศีละ ๗ ปี) แล้วยังจรตรีโกณกับดาว๕ เดิมที่ราศีมังกร มันก็เรื่องของการเสี่ยงโชคนั่นแหละครับ บางทีภพปุตตะแปลว่าการเกิดใหม่ก็ได้ ดาว๐ โคจรร่วมดาว๕ เข้าทับลัคนา แสดงว่าปีนี้ดาว๕ จะให้ผล (ดาว๕ โคจรราศีละ ๑ ปี) ดาว๐๕ โคจรเข้าทับลัคนา เจ้าเรือนลัคนาก็เป็นดาว๔ ไปสถิตอยู่ภพกดุมภะในดวงเดิม แสดงว่าความเจริญ ความเปลี่ยนแปลงที่มีมาจากการเสี่ยงโชคหรือการเกิดใหม่หมายถึงเรื่องเกิดใหม่ที่มีเกี่ยวกับเรื่องฐานะการเงินไปในทางที่ดีขึ้น

          ส่วนดาวฆาต๗ (นะระโสโร) ก็โคจรไปเป็นนิจอยู่ราศีเมษ (ดาวนิจ , ประโคจรเข้าภพ ๖,๘ และ๑๒ ฟื้น) โคจรเข้าทับดาว๓ ภพมรณะนั่นก็คือการหลุดพ้นแล้วยังจรตรีโกณกับดาว๔๖ และ ๓จร ในภพวินาศ –พันธุ แสดงว่าความหลุดพ้นและเปลี่ยนแปลงความมั่นคงที่เกิดใหม่นั้นเป็นไปแบบไม่คาดคิด

          ส่วนดาว๘ จร โคจรเข้าภพอริเล็งกับดาว๔๖ และตรีโกณกับดาว๘ เดิมราศีเมถุน แล้วยังจรเล็งกับดาว๔๖ ภพวินาศดาว๘ เดิม เราก็รู้อยู่แล้วว่าในดวงเดิมตรีโกณกับดาว๔ และโดนส่งโยคจากดาว๓ คือการหลุดพ้นเพราะลูกฟลุ๊ค ยังมาจรเล็งดาว๔๖ คือตนุลัคน์และการเงินเข้าภพวินาศ ดาวอริ –เล็งวินาศ ก็เท่ากับหลุดพ้นจากความจนโดยมีคาดคิด ดาว๘ จรนอกจากจะเป็นเกษตรแล้วยังส่งโยคให้กำลังกับดาวฆาต๗ จรที่ราศีเมษ ดาวฆาต๗ จรก็เลยมีกำลังโคจรเข้าทับดาว๓ เดิม ดาว๓ จรก็จรเข้าราศีธนู เรือนดาว๕ คู่สมพล ดาว๕ เจ้าเรือนเกษตรราศีธนูโดนดาว๓ จรกระแทกจึงโคจรเข้าทับลัคนา ดาว๕ จึงเป็นดาวฆาตที่มีผลมาจากดาว๗ ราศีเมษ ก็เนื่องมาจากดาว๓ เป็นบ๋อยที่ดาว๗ ใช้มานี่เอง ถือว่าดาว๕ เป็นดาวฆาต (นะระโสโร) ในทางให้คุณไปโดยปริยาย

          หันมามองดูดาว๙ ตัวสำคัญเลยเพราะเดิมสถิตภพลาภะลัคนามีกำลังมาก โคจรเข้าราศีเดิมทับตัวเองอยู่เพรียวๆ ซึ่งยังตรีโกณกับดาว๑๒๖๗เดิม ในราศีพิจิกและเล็งดาว๕ เดิมในราศีมังกรแบบนี้ก็ต้องมีลาภอย่างแน่นอนเพราะดาว๙ จรเป็น๑๑ แก่ลัคนา ทับดาว๙ เดิมเพรียวๆ

          มาดูดาว๑ จรเดือนนี้ก็จรร่วมดาว๐๕ เข้าทับลัคนาคือถึงตัว ดาว๔ โคจรร่วมดาว๖ อยู่ในราศีสิงห์ ตรีโกณกับดาว๓ และดาวฆาต๗ แบบนี้ดาวฆาต๗ ก็ต้องแสดงผลในเดือนนี้เพราะดาว๑ ให้พลังงานผ่านดาว๔ ดาว๔๖ จรก็ไม่บังแสงดาว๑ อีกด้วย จะเกิดเหตุการณ์วันไหนก็ดูดาว๒ จร จรร่วมดาว๓ ตรีโกณร่วมธาตุกับดาวฆาต๗ จร ดาว๔๖ ตนุลัคน์จรก็ตรีโกณร่วมธาตุกันอยู่เลยทำให้ดาว๔๖ ได้รับแสงจากดาว๒ มาปรุงแต่งส่วนดาว๙ จร ก็จรเพรียวๆ อยู่ภพลาภะบีบตนุลัคน์คือดาว ๔๖ ไว้ข้างหลัง ดาว๑๐๕ ก็จรทับลัคนา บีบดาว๔๖ ไว้ข้างหน้า ดาว๒ จรเข้าตัดแสงดาว๓ ตรีโกณร่วมธาตุกับดาว๔๖ พอดี เจ้าชะตาก็เลยมีโชคใหญ่ถูกรางวัลที่๑ ถึงสี่ใบ อย่าลืมนะครับ ในดวงเดิมผมเคยบอกแล้วว่าให้ดูดาว๐๙ ให้ดี เจ้าดาว๐๙ นี้แหละ จรโยคกันอยู่ในดวงจร จึงมีกำลังมาก ถึงกับถูกรางวัลที่๑ ถึงสี่ใบ อยากรู้ว่าทำไมถูกสี่ใบ ก็พื้นดวงเดิมดาว๔ อยู่ภพกดุมภะก็สี่ใบน่ะสิครับ

          ท่านผู้อ่านครับ ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความอยู่นี้ก็ได้อ่านข่าวจาก น.ส.พ ว่าเสธ.แดง ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าศีรษะสองนัด ผมก็เลยมาคิดว่า เออหนอ...ตัวเรานี้ทำอย่างไรนะถึงจะได้มีวาสนาได้ดูดวงชะตาคนระดับนั้น เรื่องดูมีเคราะห์แล้วล่ะก็ผมถนัดนัก ถ้าเจอผมก่อนล่ะก็ไม่น่าโดน (วาดภาพเพ้อฝันในฝันเอาเอง) แต่มาคิดดูอีกที เอาเรื่องของความจริงดีกว่า ก็เรามันหมอดูบ้านนอกความรู้หรือก็ระดับหางแถว สมัยนี้คนเขาเชื่อถือกันมากเรื่องของหมอดูดวงที่ใช้โน๊ตบุ๊คหรือคอมพิวเตอร์ที่พอบอกวันเดือนปีเวลาเกิดปุ๊บ เขาก็กดปั๊บ ออกมาเป็นรูปดวงชะตา คนเขาก็เลยคิดว่า หมอดูคนนี้ต้องเก่ง ไอ้เรามันก็ไม่มีเงินจะซื้อ ต้องผูกดวงจากปฏิทินโหราศาสตร์ของท่านอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว คนเขามองดูแล้วเขาก็ว่าพื้นๆ ดูแล้วก็ไม่น่าศรัทธา (ความจริงความรู้มันอยู่ในสมองนะครับ เครื่องคอมพิวเตอร์มันเปลือกนอก) อีกอย่างหนึ่งตัวผมเองก็แต่งตัวปอนๆ ภรรยาไม่มี เสื้อผ้าก็ไม่ได้รีด คนมาดูดวงบางคนขนาดนัดกันไว้แน่นอนพอเห็นผมนั่งรออยู่หน้าบ้านเท่านั้น ขับรถกลับไปเลย ทำไงได้ล่ะครับ ผมมันคนจนไม่มีปัญญาจะไปหาเฟอร์นิเจอร์ที่ไหนมาประดับประดาตัวเองให้ดูดี น่าศรัทธาเหมือนหมอดูดังๆ คนอื่นเขา เฮ้อ! ขอบ่นหน่อยเถอะเขาว่าใครโง่ใครฉลาดกันแน่ ที่มองแต่เปลือกนอกเท่านั้น

          ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ การที่ผมได้สาธิตการพยากรณ์ดวงกำเนิดและจรมานี้ (ท่านต้องค่อยๆ อ่านช้าๆ นะครับ) หากแม้นว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนผมก็ต้องขออภัยด้วย สุดท้าย ผมก็ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ผู้มีพระคุณที่ได้มีความอุตสาหพยายามบันทึกข้อมูลของดวงชะตานี้ไว้ในนิตยสารโหราเวสฆ์ทำให้ผมได้เอามาวิจารณ์ ขอให้ครูบาอาจารย์ท่านนั้นได้โปรดอนุโมทนาในบุญกุศลที่ผมหมั่นทำด้วยเถิด แล้วก็ขอฝากด้วยนะครับว่า นิตยสารโหราเวสฆ์ฉบับรวมเล่มนั่นน่ะพยายามสะสมไว้เถิดครับ มีของดีซุกซ่อนจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ เขาเขียนไว้มากมายมีไว้ไม่เสียหลายหรอกครับ

          โหราศาสตร์เป็นวิชาประณีตศิลป์ จะสุกเอาเผากินนั้นอย่าหมาย

รู้แต่ศาสตร์หากขาดศิลป์ก็สิ้นลาย                   จะอับอายถึงหน้าครูอาจารย์

                             ด้วยคารวะ..........  ไพบูลย์ ฤกษ์อุดม

                                      20/31 หมู่บ้าน แฟคตอรี่เฮาส์

                        ช.ร.บ. หมู่ ๖ ตำบลคอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร