ตาอินกับตานา ใครเป็นตาอยู่ ?
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์
ผมได้เคยแนะนำคุณอภิสิทธิ์ฯ และคุณสมัครฯ ไว้ในบทความเรื่อง อภิสิทธิ์ฯ-สมัคร ใครได้เปรียบกว่ากัน ? ให้น้อมนำเอาหลักธรรมที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ในหัวข้อเรื่อง บุพพนิมิตแห่งมรรค ๗ มาสำรวจตรวจสอบตนเองว่า เป็นผู้ที่ถึงพร้อมครบถ้วนหรือไม่เพียงใด ? หากพบว่ายังมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องอยู่ ขอให้รีบแก้ไขปรับปรุงโดยไม่ชักช้า ถ้าผู้ใดสามารถเข้าถึงองค์ธรรมดังกล่าวได้ก่อน ท่านผู้นั้นย่อมมีโอกาสเห็นแสงเงินแสงทองของชีวิตที่ดี คือ ประสบชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่นอน
จนถึงวันที่เขียนบทความนี้ การทำโพลขององค์กรอิสระที่น่าเชื่อถือได้หลายแห่งปรากฏผลจัดอันดับสอดคล้องกันว่า พรรคพลังประชาชนอยู่ในอันดับหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในอันดับที่สองที่ได้รับคะแนนนิยมไม่แตกต่างกันมากนัก ทิ้งห่างจากพรรคชาติไทยมากพอสมควร
จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ประกอบด้วยพรรคพลังประชาชนกับพรรคชาติไทย หรือ พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทย เว้นแต่จะมีอุบัติเหตุทางการเมืองซึ่งส่งผลให้พรรคชาติไทยรวมตัวกับพรรคระดับกลางจำนวนหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเองก็เป็นไปได้ ดังนั้น ขีดความสามารถในการเจรจาความของหัวหน้าพรรคทั้งสามจึงเป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้ และหากท่านผู้อ่านที่ใจร้อนอยากเห็นดำเห็นแดงกันก่อนหน้าการเลือกต้อง ผมขอแนะนำให้นำผลการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ที่ผมจะได้นำเสนอต่อไปนี้มาเพ่งพิจารณากันก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร
คุณบรรหาร ศิลปอาชา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิหาคม ๒๔๗๕ เวลา ๔ นาฬิกา ๕๕ นาที จังหวัดสุพรรณบุรี ลัคนาสถิตราศีกรกรกฎ ๑๕ องศา ๒๕ ลิปดา มีดาวพุธโคจรวิกลคติถอยหลัง ทั้งเป็นดาวพระเคราะห์ที่ให้ทุกข์โทษร่วมลัคน์ นอกจากนี้ ดาวพุธยังสถิตอยู่ในราศีสิงห์ ร่วมกับดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นเกษตร ทำมุมห่างกันเพียง ๒ องศา ๒๒ ลิปดา และดาวพฤหัสบดี ที่เรียกว่า พุธดับ ดาวพุธจึงทำหน้าที่เป็นบาปเคราะห์ แทนที่จะเป็นศุภเคราะห์โดยธรรมชาติ
ดาวพุธ มีความหมายถึง การสื่อสารทางวาจา ความซื่อสัตย์ หรือ สัจจะ ความเฉลียวฉลาด มีสติปัญญาเฉียบแหลมที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และการบริหารจัดการพัฒนางานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่การที่ดาวพุธเข้าสู่จุดดับ โดยทั่วไปจะส่งผลให้เจ้าชะตาใช้ปัญญาที่เฉียบแหลมนี้ไปในทางลบ จะส่งผลปรากฏออกมาอย่างไรนั้น ขอให้นำคุณลักษณะนิสัยใจคอ และพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีดาวพุธดับในดวงชะตามาเป็นแนวทางพิจารณาก็แล้วกัน
คุณบรรหารฯ มีอายุครบ ๗๕ ปี เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อได้คำนวณหาดาวประจำตัวของคุณบรรหารฯ ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๐ (ช่วงเวลาระหว่างวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ ) ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ปรากฏว่า ในปีนี้ ดาวประจำตัวของคุณบรรหารฯ ได้แก่ ดวงอาทิตย์ สถิตร่วมอยู่กับดาวพุธ ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ ในเรือนที่ ๑๑ ภพลาภะ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งจะพึงได้รับทั้งในชีวิตส่วนตัว และหน้าที่การงาน กำลังของดวงดาวที่คำนวณได้ คือ ดวงอาทิตย์มีกำลัง ๑.๔๔ ดาวพุธมีกำลัง ๑.๑๔ ดาวศุกร์มีกำลัง ๑.๒๔ และดาวเสาร์มีกำลัง ๐.๖๖ ดวงอาทิตย์มีความหมายเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ฮินดูที่ผมนำมาใช้ได้ระบุว่า ดวงอาทิตย์กลับทำหน้าที่ให้ทุกข์โทษแก่เจ้าชะตา เช่นเดียวกับดาวอังคารซึ่งเป็นบาปเคราะห์ที่สถิตอยู่ในเรือนที่ ๙ ภพศุภะที่เกี่ยวข้องกับเกียรติยศชื่อเสียงด้วย
ความสัมพันธ์ของดวงอาทิตย์ กับดาวพระเคราะห์ต่าง ๆ ดังกล่าว จึงน่าจะพยากรณ์ว่า เจ้าชะตามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ในระดับหนึ่ง อาจจะได้เป็นใหญ่เป็นโตของบ้านเมืองอย่างน้อยก็ได้ดำรงตำแหน่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญ เช่น กระทรวงคมนาคม เป็นต้น และถ้าบังเอิญกรรมเก่าเป็นกุศลวิบากส่งผลตามทัน เกิดมีอุบัติเหตุทางการเมือง หัวหน้าพรรคพลังประชาชน หรือ ตาอิน และหัวหน้าพรรคประชาธิบัตย์ หรือ ตานา ไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คุณบรรหารฯ หรือ ตาอยู่ ก็จะได้รับส้มหล่นได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณบรรหารฯ ได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้
หากดูผิวเผินแล้วทำท่าจะดี แต่เมื่อดวงอาทิตย์ และดาวอังคาร ที่เกี่ยวข้องกับเกียรติยศชื่อเสียงของคุณบรรหารฯ มีสภาพเป็นบาปเคราะห์ให้ทุกข์โทษแก่เจ้าชะตา จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีมิได้อ่อนนุ่มดังที่คาดคิด แต่จะกระด้างดังศิลาร้อนรุ่มเป็นไฟ เพราะปัญหาเหตุการณ์บ้านเมืองที่คุณบรรหารฯ จะต้องเข้ามารับผิดชอบนั้นล้วนแต่เป็นวิกฤติปัญหาเผือกร้อนทั้งสิ้น การแก้ไขปัญหาเหล่านี้คงไม่ง่ายดังเช่นในสมัยที่คุณบรรหารฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งก่อน
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงองค์ธรรมที่นำทางให้เกิดความสุขเจริญแก่ผู้ที่ครองเรือนไว้ ๔ ประการ ได้แก่
๑.สัจจะ คือ ความจริง ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง
๒. ทมะ คือ การฝึกฝน การข่มใจ ฝึกนิสัย ปรับตัว รู้จักควบคุมจิตใจ ฝึกหัดดัดนิสัย แก้ไขข้อบกพร่อง ปรับปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา
๓. ขันติ คือ ความอดทน ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมาย ไม่ท้อถอย
๔.จาคะ คือ ความเสียสละ สละกิเลส สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้างพร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ ความคิดเห็น และความต้องการของผู้อื่น พร้อมที่จะร่วมมือ ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คับแคบเห็นแก่ตน หรือเอาแต่ใจตัว
หากคุณบรรหารฯ ตั้งสติน้อมนำเอาพระพุทธพจน์ดังกล่าวมาพิจารณาตรวจสอบตนเอง บุคคลในครอบครัว และผู้ร่วมงานบริวารใกล้ชิดทั้งปวงโดยปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น และหากพบว่า ยังมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในตัวของท่านขาดตกบกพร่องอยู่ ก็ไม่ควรประมาทรีบทำการปรับปรุงแก้ไขโดยไม่ชักช้า ผมเชื่อว่า คงไม่สุดวิสัยที่คุณบรรหารฯ จะสามารถฟันฝ่าแก้ไขวิกฤติปัญหาของบ้านเมืองที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ขณะนี้ให้ลุล่วงไปได้ ในช่วงเวลาก่อนถึงวันเกิดในปีต่อไป คุณบรรหารฯ คงจะต้องเหนื่อย ทำงานตัวเป็นเกลียวไป แต่คงจะไม่เหนื่อยเปล่า เพราะจะมีผลงานที่สร้างเกียรติยศชื่อเสียงให้ปรากฏในปีต่อไปค่อนข้างแน่นอน (ถ้าน้อมนำเอาองค์ธรรมข้างต้นมายึดถือปฏิบัติอย่างจริงจัง) ขอกระซิบให้คุณบรรหารฯ ทราบไว้ล่วงหน้าว่า เริ่มต้นวันเกิดปีหน้า ดาวประจำตัวของท่าน เป็นดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นศุภเคราะห์หัวหน้ากองทัพธรรม จัดเป็นปีทอง ดังนั้น ขอให้อดเปรี้ยวไว้กินหวานจะประเสริฐที่สุด
เมื่อเช้านี้ อ่านหนังสือพิมพ์รายวันพบข่าวมีสาระที่น่าสนใจว่า เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายนเวลา ๑๗.๓๐ น. ขณะที่คุณบรรหารฯ พร้อมด้วยทีมงานพรรคชาติไทย เดินทางไปที่ดอนเมืองพลาซ่า บริเวณถนนสรงประภา เพื่อช่วย น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ และผู้สมัคร ส.ส.เขต ๕ กทม. หาเสียง โดยระหว่างที่หาเสียงกับประชาชนบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นย่านตลาดนัด ขณะที่คุณบรรหารฯ พร้อมผู้สมัคร ส.ส.เดินไปบนสะพานไม้ ปรากฏว่าสะพานไม้เกิดหัก ทำให้นายบรรหาร และบรรดาผู้สมัคร ส.ส. รวมทั้งสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าว ตกลงไปในคลองน้ำครำ
ครึ่งตัว หน้าตามอมแมมไปตามๆ กัน
ข่าวข้างต้นผมเข้าใจเอาเองว่า เทพยดาฟ้าดินคงจะมาเตือนสติให้คุณบรรหารฯ ระลึกรู้ การที่ต้องตกไปจมอยู่ในน้ำครำนั้น เป็นสิ่งน่ารังเกียจน่าขยะแขยงไม่น่าปรารถนาทั้งด้วยตนเอง หรือ ผู้ที่ประสบพบเห็น เช่นเดียวกับผู้ที่คบคนพาลเป็นมิตร หรือ อยู่ในสังคมชุมชนของคนพาล เช่น การร่วมทำงานกับพรรคมารน้อยใหญ่ย่อมเป็นสิ่งน่ารังเกียจน่าขยะแขยงไม่น่าปรารถนาของประชาชนคนไทยที่ได้ร่วมใจกันเลือกตั้งคุณบรรหารฯ และพรรคชาติไทยเข้ามาบริหารประเทศ จึงเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด เพราะจะนำไปสู่ความเป็นอัปมงคลเกิดการเสื่อมลาภ ยศ สรรเสริญ สมบัติ อย่างแน่นอน ดังที่พระท่านกล่าวไว้ว่า อเสวนา จะ พาลานัง แปลว่า อย่าคบคนพาล พาลจะพาไปหาผิด