การศึกษาวิชาโหราศาสตร์เป็นของลึกซึ้งเป็นอันมาก ต้องพยายามศึกษาจริงๆ เนื่องจากวิชานี้ยากและไม่สู้มีผู้สนใจเรียน เพราะไม่มีโรงเรียนอย่างหนึ่ง และไม่มีการสอบอีกอย่างหนึ่ง ต้องอาศัยฝึกฝนด้วยตนเอง และสืบเสาะหาตำราอย่างตั้งใจจริงจึงพระพออ่านใจความในดวงชาตาออกซ้ำท่านผู้รู้บางท่านจะปิดๆ เคล็ดไม่สู้จะบอกกล่าวกันโดยตรง จึงเป็นเหตุให้ผู้เรียนท้อถอย เมื่อคิดแต่เผินๆ ว่าไม่สู้จะมีประโยชน์เพราะไม่ใช่การค้าขายที่ได้เงินได้ทองก็ไปอีกอย่างหนึ่ง แต่ถ้าหากคิดให้ละเอียดแล้ว ขอให้คิดไปว่าคนเราเกิดมาในโลกก็ต้องหาเลี้ยงชีพทุกผู้ทุกนาม พอลืมตาขึ้นก็เห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์เรียกว่าแลเห็นโลก จะเดินไปไหนก็มีหนทางที่เขาทำไว้ให้เดินตามพื้นดิน แต่มืดต่อทางเดินแห่งชีวิตคือยังไม่ทราบว่าชีวิตต่อไปนี้จะทำอะไรจึงจะดีต่อไปในชีวิตข้างหน้า
เมื่อทราบว่าวิชาโหราศาสตร์ เป็นแว่นตาส่องทางเดินของชีวิตได้จริงก็ควรขวนขวายพอให้รู้หนทางนี้บ้าง ถ้าผู้ใดรู้วิชานี้ไว้บ้างก็เท่ากับมีไฟฉายส่องทางเดินในเวลากลางคืนมืด ฉะนั้นถ้าจะศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไม่ต้องไปศึกษาหมอดู เพราะหมอดูเขาใช้สำหรับคนชั้นต่ำชั้นกลาง ส่วนโหราศาสตร์เขาใช้สำหรับคนชั้นสูง วิชาที่หมอดูใช้อยู่ทั่วไปคือเลข ๗ ตัว, เลข ๑๒ ตัว กร๊าฟแบบนโปเลียน, ไพ่ป๊อก, เสี่ยงทาย, พรหมชาติ, ลายมือ สิ่งเหล่านี้อย่านำไปใช้ปนกับโหราศาสตร์ เพราะไม่ใช่วิชาโหราศาสตร์ เรื่องนี้ควรระมัดระวังให้มาก
การศึกษาวิชาโหราศาสตร์ของเราส่วนมากไม่ได้เรียนกันอย่างจริงๆ จังๆ กัน เมื่อเราศึกษาไม่ทั่วถึงจะไปว่าตำราผิดอย่างไรกัน นอกจากนั้นพระพุทธเจ้ายังได้ตรัสไว้ว่า บุคคลใดสร้างกรรมไว้มากกรรมย่อมสนองผลก็ได้ แบบเดียวกับท่านไปอาศัยอยู่กับพวกหมู่อันธพาลถึงดวงดาวดี แต่ในสถานที่นั้นล้วนแต่ผู้มีกรรมชั่ว ดวงดาวดีย่อมส่งผลให้ได้ยากเหมือนกัน เพราะดวงดาวที่ขณะนั้นถูกความมืดมนปิดบังเช่นเดียวกับเมฆหมอกปกคลุมดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
การศึกษาวิชาโหราศาสตร์ให้รู้แจ้งเห็นจริงนั้นสามารถเรียนได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่สำคัญที่พรสวรรค์หรือบุคลิกลักษณะแต่ประการใด สิ่งที่จำเป็นคือ
๑. ผู้ที่จะศึกษาต้องทราบความเป็นมาของโหราศาสตร์เป็นขั้นๆ และดำเนินการฝึกฝนตนเองไปตามลำดับจากเบื้องต้นไปสู่ปลาย
๒. อย่าลอกคำพยากรณ์เป็นดุ้นๆ จะไม่เหมาะแก่กาลสมัย
๓. พูดง่ายๆ และอ่านรหัสดวงดาวโดยใช้ปทานุกรมแปลอยู่ตลอดเวลา
๔. ทำความเข้าใจทุกแง่ทุกมุม
๕. ให้สังเกตและพยากรณ์ดินฟ้าอากาศโดยอาศัยโหราศาสตร์กับภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นการพยากรณ์ส่วนใหญ่
๖. ให้สังเกตและพยากรณ์เหตุการณ์อันเกิดแต่กลุ่มชนทั่วไป
๗. ให้สังเกตการณ์พยากรณ์เป็นรายบุคคล
๘. ให้สังเกตการณ์จดจำจากการพยากรณ์ที่ถือว่าถูกต้องที่แล้วๆ มา
๙. ให้สังเกตและบันทึกเป็นหลักฐานเพื่อความคิดเห็นไว้ด้วย |