เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกลับซับซ้อน การศึกษาจึงมีแต่การสับสนสลับซับซ้อนทั่วๆ ไป หลักสำคัญมีอยู่ว่า
๑. ท่านต้องเรียนไปอย่างช้าๆ อย่าด่วนรีบเรียนจนเร็วเกินไป อาจทำให้ท่านสับสนยุ่งยากใจขึ้นภายหลัง
๒. ต้องศึกษากฎเกณฑ์หลักมูลฐานขั้นต้นโดยทั่วๆ ไปเป็นขั้นๆ โดยใช้เวลาพอสมควร
๓. เรียนอย่างมีระเบียบด้วยวิธีที่ถูกต้องเป็นขั้นๆ อย่าข้ามไปข้ามมา มิฉะนั้นจะจับหลักไขว้เขวและปนไปกันหมด ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลวินิจฉัยที่ต้องอาศัยหลักเปรียบเทียบความสัมพันธ์
๔. การวิเคราะห์หาความชำนาญ ใช้วิธีอนุมาณเปรียบเทียบว่าสอดคล้องหรือขัดแย้งเสริมกำลังหรือลดกำลังลงไปแค่ไหน การประมาณหนักเบาตลอดถึงผลมากน้อย
๕. เมื่อศึกษามาพอสมควรแล้ว ฝึกหัดปัญหาคำถามต่างๆ แล้วค้นหาวิธีตอบ ท่านควรลองใช้ความพยายามด้วยความรู้ความเข้าใจของท่านเองเสียชั้นหนึ่งก่อน ครูของท่านคือ ตัวของท่านเอง และท่านควรจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองด้วย
ถ้าท่านมีโอกาสก็ควรหัดพยากรณ์คนในบ้านของท่านทุกคน เพื่อนๆ ของท่านเพื่อหาความเจนจัดจากประสบการณ์จริงๆ เรื่อยไป
การศึกษาวิชาโหราศาสตร์เป็นของกว้างขวางและพิสดารมาก ถ้าหากจะเอาตำรามารวมกันทั้งเก่าและใหม่ก็นับเป็นจำนวนพันๆ เล่ม และรวมทั้งภารตะ สากล ไทย จีน ก็นับกันไม่ไหว ฉะนั้นการศึกษาวิชาโหราศาสตร์จึงไม่รู้จักจบสิ้นลงได้เหมือนกับวิชาการแพทย์ซึ่งมีโรคเพิ่มขึ้นฉันนั้น แต่เท่าที่ทราบโหรทั้งหลายเอาแต่ส่วนที่เข้ากันได้เฉพาะโหรไทยแล้วนิยมทำนายกันทางราศี ที่เรียกว่า ดวงจักรราศี การศึกษาวิชาโหราศาสตร์เพื่อเข้าใจแต่ละอย่างให้แจ่มแจ้งชัดเจนไม่ใช่อยู่ที่การท่องจำอย่างนกแก้วนกขุนทอง ต้องอยู่ที่การเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างทุกแง่ทกมุม เช่นกับการผสมสีเป็นต้น เรารู้จักการเอาสีมาผสมกัน สีแดงกับสีขาวจะออกเป็นสีอะไร ถ้าเราอ่านสีผสมนั้นออกก็เรียนโหราศาสตร์เข้าใจได้แจ่มแจ้ง สีแดงผสมสีขาวต้องออกสีผสมเป็นสีชมพู เมื่อผสมสีเป็นเราก็สามารถเรียนวิชาโหราศาสตร์กันได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่เป็นการสำคัญที่ต้องมีพร
สวรรค์หรือบุคลิกลักษณะแต่ประการใด ส่วนการพยากรณ์พิสดารเป็นเรื่องที่นักพยากรณ์จะสอนตัวเองด้วยการค้นสอบหาความชำนาญต่อไป
ดังคำโคลงของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ดังนี้
ฝูงคนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ฤาไหว ฯ |