'ธนกร สินเกษม' จากนายแบงก์...สู่ 'นายกฯโหร'
มีเหตุการณ์นองเลือดก่อนวันเกิดดวงเมือง คือ 21 เม.ย. 2553 แต่หลังผ่านวันเกิดดวงเมืองไป ตั้งแต่ 22 เม.ย. จะเริ่มมีการอะลุ้มอล่วยทางการเมืองมากขึ้น และถึงเวลาที่ประเทศไทยจะพ้นทางตัน...เป็นคำทำนายไว้นานแล้วของ อ.ธนกร สินเกษม หนึ่งในโหรชื่อดัง ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้เป็นอย่างไร ช่วงหลังวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีประกาศ โรดแม็พปรองดอง ก็ต้องถือว่าเป็นช่วงที่การเมืองไทยมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน่าสนใจ และ กับ วิถีชีวิต ของโหรรายนี้ก็ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน
้้้้้้
อ.ธนกร สินเกษม ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งมานานกว่า 5 สมัย เจ้าตัวเล่าชีวิตให้ฟังว่า ปัจจุบันอายุ 58 ปี เกิดที่ จ.เพชรบุรี คุณพ่อเป็นผู้พิพากษา ทำให้ชีวิตต้องเดินทางไปทั่วมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะมาตั้งรกรากที่กรุงเทพฯ ด้านการศึกษานั้นจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าทำงานที่ธนาคารกรุงไทยนานถึง 17 ปี ก่อนจะหันเหชีวิตมาสู่เส้นทางการเป็นโหร
ผมสนใจหนังสือที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์มาตั้งแต่เด็กแล้ว เดิน ทางไปไหนมาไหนก็มักซื้อหนังสือมาอ่านเรื่อย ๆ แต่มาเริ่มจริงจังตอนบวชพระเมื่อปี 2520 มีคนนำหนังสือพรหมชาติมาขาย ซึ่งในหนังสือจะมีทุกอย่าง พอว่างจากการทำวัตรก็จะเอาหนังสือมาศึกษา และลองตั้งเลข 7 หลักซึ่งเป็นศาสตร์แห่งโหร ก็ลองดูว่าดวงของตัวเองตอนอายุ 26 บ่งบอกหรือเปล่าว่าเรามาบวช ปรากฏว่าตำราบอกชัดว่าเรากำลังบวชอยู่ เพราะลงตรงคำว่า ศุภะ คือการบวช ก็ยิ่งทำให้รู้สึกศรัทธาและรู้สึกมั่นใจในวิชาโหราศาสตร์อย่างมาก หลังจากนั้นก็เริ่มศึกษาจริงจัง ก่อนจะเข้าไปเรียนเป็นเรื่องเป็นราวที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย เป็นศิษย์ท่านอาจารย์สมัย วงศาโรจน์ อาจารย์พันเอกปรีชา แดงบุปผา อาจารย์สุมิตร สัทธาธิโก และอาจารย์บุญเสริม เจียมถ้อย นายกสมาคมโหรฯ กล่าว
ก่อนจะเล่าต่อไปว่า หลังศึกษาวิชาโหรจบจากสมาคมโหรฯ ก็ไปศึกษาเพิ่มเติมกับอาจารย์อีกหลายท่าน และพยายามสั่งสมประสบการณ์จนสามารถจับหลักทำนายได้ โดยเริ่มทำนายให้กับ เพื่อน ๆ และคนรู้จัก เริ่มจากที่ทำงาน เพื่อนก็เริ่มพูดกันปากต่อปากไปเรื่อย จนมีคนข้างนอกติดต่อเพื่อขอให้ดูดวงให้มากขึ้น ๆ
พูดง่าย ๆ ว่าทำงานแบงก์ไปด้วย ดูหมอไปด้วย จนเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีลูกศิษย์มาขอเรียน เพราะวิชาที่เราคิดไม่มีในตำรา คือคิดเพิ่มและประยุกต์ขึ้นมา คือคัมภีร์มหาสัตตเลข เป็นวิชาที่รวบรวมเอาแต่ส่วนเด่น ในตำราของอาจารย์ ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ มารวมยอดเป็นวิชาเดียวกัน
อ.ธนกร บอกว่า วิชาโหราศาสตร์ที่ถนัดและ เชี่ยวชาญคือวิชาเกี่ยวกับเลข 7 ตัว วิชาจากคัมภีร์มหาสัตตเลข การทำนายด้วยไพ่ยิปซี ดวงโหรา ศาสตร์จักรราศี และหลังสั่งสมประสบการณ์มากเข้า ประกอบกับเบื่อหน่ายจากงานประจำที่ทำมานาน ทำให้ตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางอาชีพหมอดู โดยตัดสินใจลาออกจากงานธนาคาร มาเริ่มต้นอาชีพดูดวงที่โรงแรมนารายณ์ ก่อนสมัครเลือกตั้งตำแหน่งนายกสมาคมโหรฯ ในปี 2544 และก็ได้รับความไว้วางใจให้นั่งตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนที่ 10 นับแต่ก่อตั้ง และก็เป็นต่อเนื่องมา 5 สมัยแล้ว
ในจุดที่พลิกชีวิตจากนายธนาคารสู่อาชีพโหรนั้น ก็มีเบื้องหลัง อ.ธนกรเล่าว่า ก่อนตัดสินใจลาออก ผมก็ดูดวงชะตาของตัวเองถึงทิศทางอนาคต ว่าตัวเราเองสามารถเดินเส้นทางนี้ได้ไหม ดาวพฤหัสของเราอยู่ในราศีเมษซึ่งมันเด่น เขาเรียกว่ามุนีศาสดา ทำให้เราก้าวไปได้ดี พอออกมาแบบนี้ เราก็ลุยเลย
ดาวที่เป็นกาลีกุมลัคนาดวงเมือง คือดาวการเมือง เมื่อเป็นลักษณะนี้ การเมืองต้องเล่นกันแรง ไม่ว่าจะใช้วิธีแบบเอาเป็นเอาตาย เลือดตกยางออก แต่หลังวันเกิดดวงเมืองไป ตั้งแต่ 22 เม.ย.เหตุการณ์จะดีขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะดวงเมืองที่ย่าง 229 ปี ดาวอาทิตย์จากที่เป็นกาลีกุมลัคนาดวงเมือง มาเป็นมนตรี คือการอะลุ้มอล่วยขึ้น จะมีการตกลงกันได้ ทุกอย่างจะค่อย ๆ ผ่อนคลายไปในทางที่ดี เมื่อดูองค์ประกอบดาวเพิ่มเติมจากในดวงเมือง ดาวพฤหัสเป็นศรี หมายถึงว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เป็นดวงการเมืองไทย ที่ อ.ธนกร ยังคงระบุย้ำในทางเดิม
ทั้งนี้ กับหลักความแม่นของโหรในภาพรวม อ.ธนกร บอกว่า การทำนายได้แม่นยำ ที่สำคัญคือ ต้องตีดาวให้ขาด ซึ่งต้องรู้ก่อนว่า อาชีพของดาวคืออะไร อาทิ นักการเมืองต้องดูดาวอาทิตย์ หากเมื่อดาวอาทิตย์เป็นกาลี ก็ไม่มีทางที่จะสงบลงได้ พอดาวอาทิตย์เป็นมนตรี ก็หันมาจับมือกันได้ แล้วมันก็จะยาวไปจนถึงการเลือกตั้ง ในช่วงนั้นคงไม่มีอะไรร้ายแรงมาก เพราะเหตุการณ์รุนแรงไปเป็นดาวกาลีตัวอื่น คือดาวจันทร์กาลี ไปอยู่ในเรือนพันธุของประเทศ ก็จะไปเป็นเรื่องอื่น เช่น ภัยธรรมชาติ มรสุม น้ำท่วม แผ่นดินไหว ก็ต้องระวัง
เรื่องเศรษฐกิจก็เป็นที่น่าเสียดาย คือดาวพฤหัสฯ ที่เป็นศรีตัวหนึ่งมันจรไปอยู่ในเรือนวินาศ ของดวงเมือง ทำให้ต้องรัดเข็มขัด ปีนี้การเงินไทยยังไม่ดี เป็นอีกคำทำนายจาก อ.ธนกร ที่ส่งผ่าน
นอกจากนี้ ในการทำนายทายทักนั้น อ.ธนกร กล่าวว่า ก่อนอื่นจะต้องแม่นความหมายของดวงดาวก่อน และต้องยึดถือในหลักวิชาอย่างเคร่งครัด อย่าไปเขวกับอะไรทั้งสิ้น หมอดูส่วนมากที่ทำนายพลาดเพราะทำนายตามสถานการณ์ ซึ่งตัวเองจะยึดหลักการของ อาจารย์ประทีป อัคร ธีรานนท์ ที่ว่า...
อันตำรับวิทยาอาจารย์ให้ อย่าหวั่นไหวในวุฒิที่ศึกษา จงเชื่อดาวเชื่อฤกษ์ที่เรียนมา เมื่อตำราบอกบ่งจงทำนาย อย่าประหวั่นพรั่นคิดกลัวผิดเค้า เพราะคำเขาเล่ามาพาฉงาย ไปเจอคนแกล้งพร่ำนำให้ทาย จะอับอายขายหน้ามาถึงครู
แม้ปัจจุบันศาสตร์พยากรณ์จะได้รับความนิยมมากในไทย แต่ก็มักถูกมองในแง่ลบว่าเป็นเรื่องงมงาย ซึ่งกับเรื่องนี้ อ.ธนกร บอกว่า วิชาโหราศาสตร์กับวิถีชีวิตของคนเป็นของที่คู่กันมานานมาก โดยเฉพาะกับคนไทย อยู่คู่กันตั้งแต่เกิดจนตาย ยุคนี้ก็เช่น การผ่าท้องคลอดตามฤกษ์ สมัยก่อนก็ต้องโกนจุกตามฤกษ์ และสมัยนี้งานบวช งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ ก็ยังดูฤกษ์-ดูดวงอยู่ เรื่องนี้จึงเป็นอีกสิ่งที่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยไปแล้ว
้้้้้้อย่างไรก็ตาม แม้ศาสตร์การพยากรณ์จะได้รับการยอมรับ และยังได้รับความนิยมมาก แต่ อ.ธนกร สินเกษม นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ก็มีคำกล่าวทิ้งท้ายไว้ ณ ที่นี้ ที่น่าคิด กล่าวคือ...
คนที่ดูหมอ ก็อย่าดูอย่างงมงาย ต้องมีสติ ไม่ใช่หมอทำนายอะไรก็เชื่อไปเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่าง จนไม่ยอมทำอะไรเลย แต่ควรใช้คำทำนายของหมอดูเป็นเครื่องชี้แนะเท่านั้น โดยที่ตัวเราเองจะต้องขวนขวายด้วย ดวงชะตามิใช่ประกาศิต แต่เป็นแผนที่บอกทิศ บอกที่หมาย.
'ทุกอาชีพต้องมีจรรยาบรรณ'
คนเราทำสัมมาอาชีพอะไรก็ต้องมีหลักการ มีจรรยาบรรณ ในวงการโหร จรรยาบรรณก็คือเรื่องมารยาทนั่นเอง ทุกวงการไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงมารยาทที่เหมาะที่ควร โหรที่ดีก็ต้องมีจรรยาโหร ที่สำคัญคือโหรทุกคนต้องพึงรักษาความลับของผู้มาดูเสมอ และไม่ควรทำนายอะไรที่ทำให้กระทบกระเทือนขวัญของผู้มาดูอย่างร้ายแรง รวมถึงอย่าใช้คำหยาบคาย หรือทำให้ผู้ดูต้องรู้สึกอับอายในที่ชุมชน อ.ธนกรกล่าว
พร้อมทั้งระบุอีกว่า การพยากรณ์ดวงชะตา ต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่ทำนายแบบสะเพร่า ไม่ทำนายอย่างมีอคติ-ลำเอียง หรือทำนายดวงชะตาจากดีไปร้ายเพื่อหวังเงินทอง ทั้งนี้ หากดวงชะตาไปในทางร้ายก็พึงชี้ช่องทางที่จะแก้ไข โดยห้ามเรียกเงินทอง อีกทั้งโหรไม่ควรยกตนข่มท่าน ต้องให้เกียรติ ยกย่องโหรด้วยกัน
ทุกคนสามารถเป็นหมอดูได้ แต่จะเป็นได้ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ และต้องมีการศึกษาค้นคว้าอยู่เรื่อย ๆ การเรียนโหราศาสตร์ได้ดี ต้องเลือกครูเลือกตำรา ต้องรอบคอบ อย่าทำแบบสุกเอาเผากิน อย่ารีบร้อน เพราะดาวดวงหนึ่ง มันแปรได้ตั้งเยอะ หากใครบอกว่าหมอดูคู่กับหมอเดาก็จริง เพราะว่ามันต้องใช้การเดามาประกอบเช่นกัน แต่ก็ต้องทำโดยยึดหลักวิชาเป็นพื้นฐาน.
เชาวลี ชุมขำ : รายงาน / สุรเชษฎ์ วัชรวิศิษฏ์ : ภาพ