1. สัปดาห์ที่ 1 เรื่องของดาว ทั้ง 7 ที่ใช้แทนเรือนต่าง ๆ
1.1 การเรียนรู้เรื่องดาว
เรียนรู้ความหมายของดาว และหน้าที่ดาวแต่ละดวงที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยแยกประเภทเป็นดาวศุภเคราะห์ และดาวบาปเคราะห์ และดาวแต่ละดวงทำหน้าที่แทน คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่
1. ดาวอาทิตย์ แทนด้วย เลข ๑ หมายถึงยศศักดิ์ นักศึกษาต้องเข้าใจและขยายความหมายของดาวอาทิตย์ว่าครอบคลุมไปถึงอะไรบ้าง หน้าที่ของดาวมีอะไรบ้าง มีชาติเวรเกี่ยวข้องกับดาวอะไร และแปลความหมายว่าอย่างไร กับ ชีวิตมนุษย์ และสิ่งของ ดาวอาทิตย์จัดให้อยู่ฝ่ายบาปเคราะห์
2. ดาวจันทร์ แทนด้วย เลข ๒ หมายถึงจริตจิตใจ ดาวจันทร์เป็นดาวสำคัญไม่น้อยกว่าดาวอาทิตย์ นักศึกษาต้องเข้าใจว่า เรื่องของดาว จันทร์ ให้ผลดีอย่างไรกับเจ้าชะตา และเป็นตัวแทนของสิ่งใดบ้างเมื่อทำหน้าที่สื่อความหมายในดวงชาตา ชาติเวรของดาวจันทร์เป็นอย่างไร และแปรความหมายว่าอย่างไรเมื่ออ่านเข้ากับดวงชาตา
3. ดาวอังคาร แทนด้วย เลข ๓ หมายถึงความกล้าขยันขันแข็ง นักศึกษาต้องเข้าใจหลักของดาวอังคารที่แสดงออกว่ากล้าแบบไหน ไม่กล้าแบบไหน ขยันหรือขี้เกียจต้องดูที่ดาวอังคาร และดาวอังคารยังครอบคลุมความหมายถึงใคร และเป็นดาวดีหรือร้าย ดีด้วยเรื่องอะไร ร้ายด้วยเรื่องอะไร นักศึกษาจำเป็นต้องศึกษาความหมายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ชาติเวรของดาวอังคารเกี่ยวข้องกับดาวใดบ้าง และดาวอังคารจัดให้อยู่ฝ่ายบาปเคราะห์
4. ดาวพุธ แทนด้วย เลข ๔ หมายถึงเจรจาอ่อนเจรจาหวาน ดาวพุธ เป็นดาวของการสื่อสาร การพูด ความหมายของดาวพุธ เมื่อทำหน้าที่ในดวงชาตา นักศึกษาต้องรู้จักดาวเป็นอย่างดีเสียก่อนถึงจะออกคำพยากรณ์ได้ โดยเฉพาะดาวพุธ ที่ถือว่าเป็นดาวเทียม ที่หาความแน่นอนไม่ได้ ทุกคนต้องเรียนรู้ความหมายของดาวพุธให้มาก ดาวพุธจัดให้อยู่ฝ่าย ศุภเคราะห์
5. ดาวพฤหัสบดี แทนด้วย เลข ๕ หมายถึงสติปัญญาอันบริสุทธิ์ ความหมายของดาวพฤหัสบดี ยังแปลความหมายรวมไปถึง กฎเกณฑ์ที่มนุษย์ตั้งขึ้นมา การศึกษา การหาความรู้ ล้วนเกี่ยวของกับดาวพฤหัสบดี และเป็นดาวผู้ใหญ่ที่ทรงคุณธรรม ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวฝ่ายศุภเคราะห์ หน้าที่ดาวมีทั้งให้คุณและให้โทษตามกฎเกณฑ์ของดาวเช่นกัน นักศึกษาต้องเรียนรู้ว่าเมื่อให้โทษให้โทษแบบไหน เมื่อให้คุณ ให้คุณแบบไหน
6. ดาวศุกร์ แทนด้วย เลข ๖ หมายถึงกิเลสกำดัด ดาวศุกร์ในดวงชาตามนุษย์หมายถึงความสุข ความสำราญ ดาวศุกร์ เป็นดาวศาสตร์และศิลป์ ตัวแทนของความรัก ของเงินสด ความหมายของดาวยังครอบคลุมไปอีกหลายด้าน นักศึกษาต้องรู้จักทั้งด้านดี และด้านเสียของดาวศุกร์ให้ถ่องแท้ และ ชาติเวรของดาวศุกร์นั้นมีกับดาวอะไรบ้าง เสียเพราะดาวอะไร ดีเพราะดาวอะไร และดาวศุกร์ถือว่าเป็นดาวฝ่ายศุภเคราะห์ เมื่อให้โทษให้โทษแบบไหน ให้คุณแบบไหน
7. ดาวเสาร์ แทนด้วย เลข ๗ หมายถึงโทษทุกข์ ดาวเสาร์เป็นดาวใหญ่ ที่ให้ผลดีและผลเสียที่แฝงความทุกข์มาด้วย เป็นดาวแห่งความอดทน ดาวแห่งหลักทรัพย์ ดาวเสาร์เป็นดาวฝ่ายบาปเคราะห์ที่ให้โทษแบบทุกข์ทรมาน และให้คุณแบบไม่มีเหตุผล ชาติเวรของดาวเสาร์เกี่ยวข้องกับดาวใดบ้าง เพราะจะทำให้นักศึกษาเข้าใจว่าเหตุผลของดาวจะหนีไม่พ้นชาติเวร หรือนิทานดาวนั่นแหละเป็นตัวกำกับเรื่องการพยากรณ์ออกมา
8. ราหู แทนด้วย เลข ๘ ในเลข ๗ ตัว เป็น เลข ๑๒ ด้วย หมายถึง ความมัวเมา ในเรื่องของดาวราหูเป็นเพียง เงา หรือ คลาส ที่เกิดกับดาวอาทิตย์ และดาวจันทร์ ตามชาติเวร พระราหู เป็นดาวที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ราหูเป็นดาวที่ช่วยเหลือคน แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน เขาจึงจัดให้ พระราหู เป็นเล่ห์เหลี่ยมอีกด้วย นักศึกษาจึงต้องทำความเข้าใจให้ดีว่า พระราหู ดี หรือ ร้าย แบบไหน พระราหูจัดให้อยู่ฝ่ายบาปเคราะห์ ในเงามืดของพระราหู ไม่ได้เป็นดาวเลวร้ายเสมอไป ให้คุณ ให้โทษ ได้เหมือนกับดาวทั่วไป
9. เกตุ แทนด้วย เลข 9 ในเลข 7 ตัว พระเกตุ จะอยู่ที่ฐานที่ 4 หมายถึง ญาณ วิญญาณ อากาศ พระเกตุ คือของเก่าแก่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และความแปรปรวน ผันผวน เนื่องจากชาติเวร เป็นส่วนหางของพระราหู พระเกตุมีไม้แหลมไว้คอยทิ่มแทง เมื่ออยู่ในตำแหน่งดีย่อมให้คุณ อยู่ตำแหน่งเสียให้โทษแบบอยู่ไม่เป็นสุข
10. มฤตยู แทนด้วย เลข 0 หมายถึง ความสูญ ดับ และเกิดใหม่ ในเลข 7 ตัวไม่มี แต่สำหรับ 7 11 ฐาน จะใช้มฤตยูเมื่อจรมาแล้ว มฤตยูเป็นฆาตเคราะห์
2. สัปดาห์ที่ ๒ การเรียนรู้เรื่องพระเคราะห์คู่ที่สำคัญ
การรู้จักดาวในฐานะ คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู และ ต้องรู้จักหน้าที่ของดาวแต่ละดวงที่ให้ผลที่แตกต่างกัน
3. สัปดาที่๓- ๔ วิธีการตั้งเรือนชะตา ๑๑ ฐาน
การเรียนรู้เรื่องเจ้าเรือน การอาศัยเรือนของดาว ที่ให้ผลกระทบในฐานะดาวที่เป็นคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล และคู่ศัตรู
การพยากรณ์พื้นดวงเดิม
4. สัปดาที่ ๕ การเรียนรู้เรื่องทักษา ความหมายดาวผสมกับทักษา
ตามความหมายของทักษา ดาวเป็นตัวกำกับไว้ในหลักและภพต่าง ๆ บางครั้งภพเดียวกันความหมายและเรื่องราวเกี่ยงข้องที่ดาวที่สถิตอยู่ ขึ้นอยู่ว่าดาวนั้นมีความหมายและเบี่ยงเบนไปในเรื่องใด หลักส่วนใหญ่ เน้นที่ภพ ขยายที่ดาว ภพเป็นเรื่องหลัก ดาวบอกสภาพของภพนั้นว่าดีหรือร้าย ราบรื่นหรือเสียหาย ภพสแดงผลถึงพื้นดวงเดิม ดาวแสดงผลทั้งเดิมและจร
5. สัปดาที่ ๖ อิทธิพลจร + ใส้ชะตา
เป็นวิธีดูจิตใจเจ้าชะตาขวักไขว่ หรือตั้งใจอยู่กับเรื่องอะไร เรื่องนั้น ๆ จะอยู่ในใจเจ้าชะตาตลอดทั้งปีนั้น ๆ
การอ่านดวงโดยใช้ใส้ชะตาเพื่อต้องการทราบว่าดาวที่แอบทำลายเขาอยู่มาจากที่ไหน
6. สัปดาห์ที่ ๗-๘ การใช้ตนุจร และ พระเคราะห์จรปี
การอ่านพระเคราะห์จรทับ ในสัปดาห์นี้ จะเป็นการเริ่มหัดอ่านพระเคราะห์คู่ควบคู่กันไป และเป็นการพยากรณ์จร พยากรณ์เหตุการที่กำลังจะเกิดขึ้นในเหตุการณ์ในอดีตและในอนาคต
8. สัปดาที่ ๙ การใช้วัยใหญ่
วัยใหญ่กับการดูเรื่องมีคู่ครอง
วัยใหญ่กับการดูเรื่องการลงทุน
วัยใหญ่กับการดูเรื่องช่วงดวงตกหรือดวงขึ้น
9. สัปดาห์ที่ ๑๐ การใช้ กาลโยค หรือ มหาบท
การใช้กาลโยคเดิมกับเรือนชาตาดวงเดิม
การใช้กาลโยคจรกับเหตุการณ์ปี
10. สัปดาห์ที่ ๑๑ การใช้ฆาตเคราะห์ ฆาตสามเกลียว ในวิชา ๑๑ ฐาน
การตั้งใช้เสาร์อุปทานังอ่านดวง
การใช้ดาวฆาตอ่านดวง
การดูตุ๊กตาฆาต ให้โทษในจุดใด
11. สัปดาห์ ๑๒ การใช้ กาลชะตา และ การใช้เสาร์มหาทักษา ของเลข ๗ ตัว ๑๑ ฐาน
การอ่านดวงยามกับเรือนชะตา
การอ่านดวงยามกับดวงยามประจำวัน
การดูเสาร์มหาทักษาเพื่อการดูพระราหู
หลักสูตร ๑๑ ฐาน ใคร ๆ ก็ว่ายากเย็นแสนเข็นที่จะเรียนรู้ อะไรที่ใส่ใจก็ไม่ยากที่จะเรียนรู้ เมื่อเรียนรู้แล้วจะเข้าใจในเสน่ห์ของวิชานี้ ท้าทายหรือยอมแพ้อยู่ที่เราเองนั่นแหละเป็นตัวรู้